เกิดอะไรขึ้น ! ยอดปิดกิจการในไทย 11 เดือนแรกปี 2567 เพิ่มขึ้นกว่า 2,000 แห่ง พุ่งกว่า 250% ใน 8 เดือนติด !!

กระทู้สนทนา
ยอดปิดกิจการในไทย 11 เดือนแรกปี 2567 เพิ่มขึ้นกว่า 2,000 แห่ง พุ่งกว่า 250% ใน 8 เดือนติด ส่วนยอดเปิด-ปิดสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 65,000 แห่ง แต่ 3 เดือนท้ายสุดเปิดเพิ่มชะลอตัวลงกว่า 20%
ในปี 2567 นี้ สถานการณ์การเปิด-ปิดกิจการในประเทศไทยยังคงสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ท้าทายต่อผู้ประกอบการทั้งในด้านการเปิดกิจการใหม่และการปิดกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 จำนวนกิจการที่ปิดตัวลงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

จากข้อมูลที่เผยแพร่ระบุว่า การปิดกิจการในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนมากกว่า 2,000 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 ที่มีกิจการปิดเพียง 600 แห่งเท่านั้น การปิดกิจการในปีนี้มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 8 เดือนแรกของปี ซึ่งมียอดการปิดกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตัวเลขการปิดกิจการที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทั้งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น เช่น ค่าพลังงาน ค่าขนส่ง และค่าแรง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ

ในขณะเดียวกัน ยอดการเปิดกิจการใหม่ในปี 2567 ก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดเปิด-ปิดกิจการสุทธิในปีนี้มีการเพิ่มขึ้นกว่า 65,000 แห่ง ซึ่งแสดงถึงความพยายามของผู้ประกอบการที่ยังคงต้องการเปิดกิจการใหม่เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ แม้ว่าจะมีปัญหาภายในเศรษฐกิจที่ท้าทายและการแข่งขันที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 (ตุลาคม-ธันวาคม) การเปิดกิจการใหม่กลับมีการชะลอตัวลง โดยตัวเลขการเปิดกิจการใหม่ลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภาวะตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ประกอบการในช่วงปลายปี

การชะลอตัวของยอดการเปิดกิจการในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีอาจเป็นผลจากการระมัดระวังของผู้ประกอบการที่มีต่อปัจจัยเศรษฐกิจภายนอก เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การลดลงของการบริโภคภายในประเทศ และปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด

สัญญาณจากตัวเลขเหล่านี้ทำให้เห็นว่า แม้การเปิดกิจการใหม่ยังคงมีการเติบโต แต่สถานการณ์การปิดกิจการก็ไม่ลดลง แสดงให้เห็นถึงความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจในปัจจุบันจึงไม่ใช่เพียงแค่การเปิดกิจการใหม่ แต่ยังต้องมีกระบวนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่ภาครัฐยังคงต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนและการสนับสนุนธุรกิจ SME โดยเฉพาะในเรื่องของการลดภาระต้นทุนและการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่