ช่วงนี้ใครตามข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะงง ๆ กันอยู่ เพราะ ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือนตุลาคม 2025 ที่ควรประกาศเมื่อวานี้ โดนเลื่อนอีกแล้ว จากผลกระทบของภาวะ Government Shutdown ที่ลากยาวตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
คือปกติ CPI จะประกาศตรงเวลา 13 พฤศจิกายน 08:30 ET แต่ตอนนี้ สำนักสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) หยุดทำงานหลายส่วน พนักงานโดนสั่งพักงาน กระบวนการเก็บข้อมูลหยุดหมด ทำให้ “ไม่มีข้อมูลจะประกาศ”
ทำไมถึงเลื่อน?
- BLS เก็บข้อมูลไม่ได้ตั้งแต่เริ่มชัตดาวน์
- รายงานชุดใหญ่ทั้ง CPI / ตัวเลขจ้างงาน / ดัชนีสำคัญต่าง ๆ ถูกค้างไว้ทั้งหมด
- ทำเนียบขาวก็ส่งสัญญาณว่า “อาจไม่ประกาศข้อมูลสำคัญจนกว่าชัตดาวน์จะจบจริง ๆ”
แล้วเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน?
ประเด็นนี้สำคัญเพราะเฟดกำลังจะประชุมเดือนธันวาคม แต่ไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ให้ใช้ประเมินทิศทางดอกเบี้ย ทำให้เหมือน “ขับรถในหมอก” ที่ตัดสินใจได้ยาก หากเงินเฟ้อยังสูง เฟดอาจต้องชะลอการลดดอกเบี้ย แต่ถ้าเงินเฟ้อชะลอจริง ตลาดก็อาจตีราคาแรงเกินไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนสับสนและผันผวนมากขึ้น
ตลาดตอบสนองยังไง?
เวลามี “จุดบอดข้อมูล” แบบนี้ ตลาดจะมีอาการทันที เช่น
- ดอลลาร์อ่อนลง เพราะมองทิศทางเฟดไม่ออก
- Bond Yield แกว่งแรงกว่าเดิม
- หุ้นผันผวน โดยเฉพาะหุ้นที่แพ้เงินเฟ้อ เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย / ไฟแนนซ์
ความไม่ชอบข้อมูลขาด ๆ หาย ๆ เป็นนิสัยของตลาดอยู่แล้ว
จากนี้ต้องดูอะไรต่อ?
1) ชัตดาวน์จะจบเมื่อไหร่: ไม่ว่าจะงบชั่วคราวหรือถาว่า ถ้าผ่านปุ๊บ ระบบเก็บข้อมูลถึงจะเริ่มกลับมาทำงาน
2) ตารางประกาศข้อมูลใหม่: ต่อให้ชัตดาวน์จบ BLS ก็ต้องจัดคิวใหม่ทั้งหมด ต้องรอฟังประกาศอัปเดตอย่างเป็นทางการ
3) ตัวชี้วัดเงินเฟ้อทางเลือก
ในช่วงไม่มี CPI:
- ตามดูราคาสินค้าแบบเรียลไทม์
- ดูค่าที่อยู่อาศัย
- ค่าแรง
- ราคาพลังงาน
- ผลสำรวจคาดการณ์เงินเฟ้อของเอกชน
ทั้งหมดนี้จะเป็น “ตัวแทนชั่วคราว” ให้ตลาดใช้ประเมิน
4) ฟังสัญญาณจากเฟดเป็นหลัก: ช่วงนี้เฟดต้องใช้ข้อมูลเก่า (stale data) แน่นอน เพราะฉะนั้น อะไรที่เฟดพูดออกมา → ตลาดจะเกาะเป็นพิเศษ และ Fed Funds Futures ก็น่าจะเหวี่ยงขึ้นตามข่าวจากฝั่งเฟด
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ตลาด โดย EBC Financial Group
รายงาน CPI สหรัฐฯ เดือนตุลาคมเลื่อนประกาศอีกครั้ง เพราะชัตดาวน์ยืดเยื้อ กระทบตลาดเต็ม ๆ