ขออนุญาต และขอขอบพระคุณ :-คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Credit :-
https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/11457/
29 ตุลาคม ของทุกปี คือวันโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Day) กำหนดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการดูแลรักษาตนเองและคนรอบข้าง ให้ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพาต หรือสโตรก เป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกควรตระหนัก ให้ความสำคัญ และรู้จักการป้องกัน
Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง สำคัญอย่างไร ?
โรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาที่สำคัญมากของคนไทย ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจขาดเลือด โดยทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 101 ล้านคน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 12.2 ล้านคน (หรือมีผู้ป่วยรายใหม่ 1 คนในทุก 3 วินาที) และเสียชีวิต 6.5 ล้านคน
จากรายงานสถิติสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข ในประเทศไทย พบว่า ในปี 2563 พบผู้ป่วยบางรายที่พิการทุพพลภาพ ซึ่งน้อยมากที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ จึงนับว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูงถึงขั้นเสียชีวิต และแม้ว่าจะไม่เสียชีวิต แต่อาจทำให้เกิดความพิการระยะยาวได้ ผู้ป่วยต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นตลอดชีวิต เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม
โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร ?
โรคหลอดเลือดสมอง คือ ภาวะที่สมองขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก และเกิดความผิดปกติ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือเส้นเลือดสมองตีบ และเส้นเลือดสมองแตก ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้มีวิธีรักษาไม่เหมือนกัน
อาการเหล่านี้ เป็นอาการระบบประสาท สามารถสังเกตได้ตามหลัก F.A.S.T ดังนี้
F = Face ใบหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก
A = Arm แขน ขา อ่อนแรง เดินเซ ทรงตัวลำบาก
S = Speech พูดไม่ออก ลิ้นแข็ง หรือ พูดไม่ชัดอย่างทันทีทันใด
T = Time รู้เวลาที่เริ่มมีอาการ คือ รู้ว่าเริ่มมีอาการเป็นเวลานานเท่าใด นับจากที่มีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อการตรวจและวินิจฉัย ภายใน 4.5 ชั่วโมง
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ คือ
1. ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ เช่น เพศ ซึ่งเพศชายพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าเพศหญิง รวมถึงเชื้อชาติ พันธุกรรม เป็นต้น
2. ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ความอ้วน การขาดการออกกำลังกาย
การตรวจวินิจฉัยโรค ทำได้ ดังนี้
– การตรวจคัดกรอง (พูดไม่ชัด มุมปากตก ยกแขนไม่ขึ้น) หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพามาพบแพทย์
– ตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการเอกซเรย์สมอง
แนวทางการรักษา
เมื่อโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน แพทย์จะทำการเปิดหลอดเลือดอย่างเร่งด่วน แพทย์จะให้ยาละลายลิ่มเลือด เพราะฉะนั้น ยาละลายลิ่มเลือด จะมีช่วงที่ได้ประโยชน์จากการให้ยา ซึ่งจะอยู่ได้ 4.5 ชั่วโมง หลังจากที่มีอาการเท่านั้น โอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากผู้ป่วยมาโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ภายใน 4.5 ชั่วโมง โอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หากผู้ป่วยมีอาการที่กล่าวไปข้างต้น ให้รีบมาพบแพทย์ หรือรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669
การป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
– ปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
– หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวสูง
– เลิกสูบบุหรี่
– ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน
– ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– รับประทานผลไม้และผักให้มากยิ่งขึ้น
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– ลดการดื่มสุรา
อย่างไรก็ตาม หากสมองตีบและแตก เมื่อขาดเลือด อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นภาวะสมองตาย ซึ่งโอกาสที่จะรอดชีวิตนั้นน้อยมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ได้อยู่ที่การรักษา แต่คือการป้องกัน หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ท่านสมาชิกพันทิป ทั้งหลายครับ มั่นดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ดูแลเรื่องอาหารการกินครับ ลดหวานลดเค็มนะครับ แล้วก็พยายามหาโอกาสออกกำลังกายให้มากๆ ใครที่สูบบุหรี่ก็เลิกเถอะ มีแต่เสียกับเสีย ใครดื่มเหล้า ก็ขอให้ลดครับ (อันนี้บอกตัวเองเต็มๆ) 😀😀
ดูแลสุขภาพกันเยอะๆครับ ยังอยากเห็นพวกท่านเข้ามาเล่นมาตอบพันทิป กันเหมือนอย่างปกติกันมา ไม่อยากให้ใครห่างหายไปครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.นพ.ชุติเทพ ทีฆพุฒิ อาจารย์หน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันโรคหลอดเลือดสมองโลก 29 ต.ค ของทุกปี
Credit :- https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/11457/
29 ตุลาคม ของทุกปี คือวันโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Day) กำหนดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการดูแลรักษาตนเองและคนรอบข้าง ให้ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพาต หรือสโตรก เป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกควรตระหนัก ให้ความสำคัญ และรู้จักการป้องกัน
Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง สำคัญอย่างไร ?
โรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาที่สำคัญมากของคนไทย ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจขาดเลือด โดยทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 101 ล้านคน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 12.2 ล้านคน (หรือมีผู้ป่วยรายใหม่ 1 คนในทุก 3 วินาที) และเสียชีวิต 6.5 ล้านคน
จากรายงานสถิติสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข ในประเทศไทย พบว่า ในปี 2563 พบผู้ป่วยบางรายที่พิการทุพพลภาพ ซึ่งน้อยมากที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ จึงนับว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูงถึงขั้นเสียชีวิต และแม้ว่าจะไม่เสียชีวิต แต่อาจทำให้เกิดความพิการระยะยาวได้ ผู้ป่วยต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นตลอดชีวิต เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม
โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร ?
โรคหลอดเลือดสมอง คือ ภาวะที่สมองขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก และเกิดความผิดปกติ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือเส้นเลือดสมองตีบ และเส้นเลือดสมองแตก ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้มีวิธีรักษาไม่เหมือนกัน
อาการเหล่านี้ เป็นอาการระบบประสาท สามารถสังเกตได้ตามหลัก F.A.S.T ดังนี้
F = Face ใบหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก
A = Arm แขน ขา อ่อนแรง เดินเซ ทรงตัวลำบาก
S = Speech พูดไม่ออก ลิ้นแข็ง หรือ พูดไม่ชัดอย่างทันทีทันใด
T = Time รู้เวลาที่เริ่มมีอาการ คือ รู้ว่าเริ่มมีอาการเป็นเวลานานเท่าใด นับจากที่มีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อการตรวจและวินิจฉัย ภายใน 4.5 ชั่วโมง
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ คือ
1. ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ เช่น เพศ ซึ่งเพศชายพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าเพศหญิง รวมถึงเชื้อชาติ พันธุกรรม เป็นต้น
2. ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ความอ้วน การขาดการออกกำลังกาย
การตรวจวินิจฉัยโรค ทำได้ ดังนี้
– การตรวจคัดกรอง (พูดไม่ชัด มุมปากตก ยกแขนไม่ขึ้น) หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพามาพบแพทย์
– ตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการเอกซเรย์สมอง
แนวทางการรักษา
เมื่อโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน แพทย์จะทำการเปิดหลอดเลือดอย่างเร่งด่วน แพทย์จะให้ยาละลายลิ่มเลือด เพราะฉะนั้น ยาละลายลิ่มเลือด จะมีช่วงที่ได้ประโยชน์จากการให้ยา ซึ่งจะอยู่ได้ 4.5 ชั่วโมง หลังจากที่มีอาการเท่านั้น โอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากผู้ป่วยมาโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ภายใน 4.5 ชั่วโมง โอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หากผู้ป่วยมีอาการที่กล่าวไปข้างต้น ให้รีบมาพบแพทย์ หรือรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669
การป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
– ปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
– หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวสูง
– เลิกสูบบุหรี่
– ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน
– ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– รับประทานผลไม้และผักให้มากยิ่งขึ้น
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– ลดการดื่มสุรา
อย่างไรก็ตาม หากสมองตีบและแตก เมื่อขาดเลือด อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นภาวะสมองตาย ซึ่งโอกาสที่จะรอดชีวิตนั้นน้อยมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ได้อยู่ที่การรักษา แต่คือการป้องกัน หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ท่านสมาชิกพันทิป ทั้งหลายครับ มั่นดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ดูแลเรื่องอาหารการกินครับ ลดหวานลดเค็มนะครับ แล้วก็พยายามหาโอกาสออกกำลังกายให้มากๆ ใครที่สูบบุหรี่ก็เลิกเถอะ มีแต่เสียกับเสีย ใครดื่มเหล้า ก็ขอให้ลดครับ (อันนี้บอกตัวเองเต็มๆ) 😀😀
ดูแลสุขภาพกันเยอะๆครับ ยังอยากเห็นพวกท่านเข้ามาเล่นมาตอบพันทิป กันเหมือนอย่างปกติกันมา ไม่อยากให้ใครห่างหายไปครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.นพ.ชุติเทพ ทีฆพุฒิ อาจารย์หน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่