อย่าทำแบบนี้! เช็กด่วน 4 พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี ยิ่งทำบ่อยสะสม ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เสี่ยงอายุสั้นไม่รู้ตัว หลายคนทำบ่อย โดยเฉพาะวัยรุ่น
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศ จากการศึกษาวิจัยด้านสุขภาพ พบว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัย คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแต่กิจกรรมช่วงเช้าหรือช่วงกลางวันเท่านั้น แต่พฤติกรรมก่อนนอนก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพระยะยาว
ตามรายงานจาก Times of India ระบุว่า ผู้ที่มีอายุขัยสั้นมักทำ 4 สิ่งนี้ยามค่ำคืน ดังนั้นหากต้องการมีอายุยืน ควรหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านี้
วันนี้เรารวบรวมมาให้แล้ว 4 พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี ยิ่งทำสะสมเสี่ยงอายุสั้นไม่รู้ตัว
1. การนอนไม่ตรงต่อเวลา
การนอนไม่ตรงเวลาทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเมตาบอลิก (metabolic syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มความผิดปกติของระบบการเผาผลาญในร่างกาย ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหลอดเลือดสมอง ส่งผลกระทบต่ออายุขัย นิสัยนี้ยังทำให้ความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกายและการทำงานของสมองลดลง
นิสัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งของผู้ที่มีอายุยืนใน “บลูโซน” (พื้นที่ที่มีผู้คนอายุยืนมากที่สุดในโลก) คือการรักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอ การเข้านอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวันช่วยให้ร่างกายสร้างจังหวะชีวิตที่มั่นคง ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม และอายุขัยที่ยืนยาว
การรักษานิสัยการนอนที่สม่ำเสมอช่วยให้ร่างกายมีเวลาเพียงพอในการฟื้นตัว ต่ออายุ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
2. การนอนไม่เพียงพอ
การนอนไม่เพียงพอทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวาน ส่งผลให้อายุขัยสั้นลง การนอนไม่เพียงพอยังส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองและความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกาย
ผู้ที่มีอายุยืนในบลูโซนมักมีนิสัยนอน 8-10 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับเพียงพอไม่เพียงช่วยฟื้นฟูพลังงาน แต่ยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
ผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเชื่อว่าการนอนหลับไม่ใช่เพียงการพักผ่อนเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพระยะยาว
3. ความเครียด
หลังจากวันทำงานยาวนาน การผ่อนคลายและคลายเครียดเป็นพฤติกรรมที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ชุมชนในแต่ละบลูโซนมีวิธีการผ่อนคลายของตัวเอง แต่เป้าหมายร่วมกันคือลดความเครียดเพื่อไม่ให้ร่างกายนำความกังวลของวันนั้นเข้าไปในการนอนหลับ
ชาวอิคาเรีย (ประเทศ กรีซ) มักมีนิสัยงีบตอนบ่าย ชาวซาร์ดิเนีย (ประเทศ อิตาลี) ชอบไปดื่มกาแฟกับเพื่อนช่วงบ่าย ขณะที่ชาวโอกินาวา (ประเทศญี่ปุ่น) ใช้เวลาระลึกถึงบรรพบุรุษ
คุณสามารถสร้างนิสัยผ่อนคลายของตัวเอง เช่น การเดินเล่น อ่านหนังสือ หรือดื่มชาดอกเบญจมาศเพื่อลดความเครียดก่อนนอน
4. การกินดึก
การรับประทานอาหารมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพและอายุขัย นิสัยสำคัญที่ชาวบลูโซนปฏิบัติในช่วงเย็น คือ การหลีกเลี่ยงการกินดึก พวกเขามักรับประทานอาหารเย็นที่ไม่หนักท้องและไม่รับประทานของว่างเพิ่มเติมหลังจากนั้น
สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยรักษาน้ำหนักให้สุขภาพดี แต่ยังสนับสนุนกระบวนการย่อยอาหารและรับประกันว่าการนอนหลับจะไม่ถูกขัดจังหวะ แทนที่จะกินมื้อเย็นมากเกินไป คุณควรกินมื้อเช้าหรือกลางวันให้มากกว่าและรักษามื้อเย็นให้เบา ๆ
การรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีคือกุญแจสำคัญในการยืดอายุขัย นอกจากการหลีกเลี่ยงนิสัยเสียข้างต้นแล้ว เพื่อการมีอายุยืน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แนะนำให้ทุกคนปฏิบัติตาม คือ การรับประทานอาหารที่สมดุล โดยเฉพาะการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยเพิ่มสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่ยังเพิ่มอายุขัยด้วยผลกระทบเชิงบวกต่อร่างกาย เช่น เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และปรับปรุงอารมณ์
ทางเลือกวิถีชีวิตอื่น ๆ เช่น การไม่สูบบุหรี่ การจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ก็มีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและอายุขัย
สุดท้าย การผสมผสานปัจจัยทั้งหมดนี้ในกิจวัตรประจำวันจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นและทำให้ความฝันในการมีอายุถึง 100 ปีเป็นจริง...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9920260
แพทย์ เตือน โรคหลอดเลือดสมอง ไม่เลือกอายุ เผย ปัจจัยเสี่ยง-สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ต้องสังเกต
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) เรียกว่าเป็นภัยเงียบสำหรับคนสูงวัย แต่ในปัจจุบันพบคนอายุน้อยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดเพิ่มขึ้น โดย Mahidol Channel ได้ออกมาเปิดเผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ไม่เลือกอายุ ใครก็เสี่ยงได้ ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 300,000-400,000 คนต่อปี หรือประมาณ 500 คนต่อประชากร 100,000 คน แม้กระทั่งคนอายุประมาณ 30 ปี ก็มีโอกาสพบโรคนี้ได้เช่นกัน
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คือภาวะที่สมองขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน มี 3 ลักษณะหลัก ได้แก่
1.เส้นเลือดสมองตีบ – จากการสะสมของคอเลสเตอรอลในผนังหลอดเลือด
2.เส้นเลือดสมองอุดตัน – จากลิ่มเลือดหรือก้อนเลือดที่ไหลมาอุด
3.เส้นเลือดสมองแตก – มักเกิดจากความดันโลหิตสูงร่วมกับหลอดเลือดที่เปราะบาง
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
1.โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
2.โรคหัวใจ โดยเฉพาะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดลิ่มเลือด
3.การสูบบุหรี่
4.การใช้ฮอร์โมนเพศหญิง
แม้ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากกว่า แต่คนอายุน้อยก็ไม่ควรมองข้าม เพราะปัจจุบันพบว่า คนรุ่นใหม่มีภาวะอ้วนมากขึ้น และ บางรายมีความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองจากกรรมพันธุ์ อุบัติเหตุก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
สัญญาณอันตรายที่ควรสังเกต
– ปากเบี้ยว
– พูดไม่ชัด
– แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบโทร 1669 ทันที เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เพราะทุกวินาทีที่ช้าไป อาจหมายถึงเซลล์สมองที่เสียหายเพิ่มขึ้น
สิทธิการรักษาและแนวทางป้องกัน
ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ในกรณีฉุกเฉิน และเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้เคียงทันที แม้การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยบางรายกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ แต่ก็มีโอกาสที่จะหลงเหลือความผิดปกติทางร่างกาย
จึงควรเน้นการป้องกันเป็นหลัก ตามแนวทางดังนี้
ตรวจสุขภาพประจำปี
ควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงบุหรี่และควบคุมน้ำหนัก
ใช้ฮอร์โมนภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ข้อมูลโดย นพ.อภิรัติ พูลสวัสดิ์ แพทย์ประจำแผนกอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5351661
เช็ก 4 พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี ,โรคหลอดเลือดสมอง ไม่เลือกอายุ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศ จากการศึกษาวิจัยด้านสุขภาพ พบว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัย คือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแต่กิจกรรมช่วงเช้าหรือช่วงกลางวันเท่านั้น แต่พฤติกรรมก่อนนอนก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพระยะยาว
ตามรายงานจาก Times of India ระบุว่า ผู้ที่มีอายุขัยสั้นมักทำ 4 สิ่งนี้ยามค่ำคืน ดังนั้นหากต้องการมีอายุยืน ควรหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านี้
วันนี้เรารวบรวมมาให้แล้ว 4 พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี ยิ่งทำสะสมเสี่ยงอายุสั้นไม่รู้ตัว
1. การนอนไม่ตรงต่อเวลา
การนอนไม่ตรงเวลาทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเมตาบอลิก (metabolic syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มความผิดปกติของระบบการเผาผลาญในร่างกาย ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหลอดเลือดสมอง ส่งผลกระทบต่ออายุขัย นิสัยนี้ยังทำให้ความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกายและการทำงานของสมองลดลง
นิสัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งของผู้ที่มีอายุยืนใน “บลูโซน” (พื้นที่ที่มีผู้คนอายุยืนมากที่สุดในโลก) คือการรักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอ การเข้านอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวันช่วยให้ร่างกายสร้างจังหวะชีวิตที่มั่นคง ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม และอายุขัยที่ยืนยาว
การรักษานิสัยการนอนที่สม่ำเสมอช่วยให้ร่างกายมีเวลาเพียงพอในการฟื้นตัว ต่ออายุ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
2. การนอนไม่เพียงพอ
การนอนไม่เพียงพอทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวาน ส่งผลให้อายุขัยสั้นลง การนอนไม่เพียงพอยังส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองและความสามารถในการฟื้นตัวของร่างกาย
ผู้ที่มีอายุยืนในบลูโซนมักมีนิสัยนอน 8-10 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับเพียงพอไม่เพียงช่วยฟื้นฟูพลังงาน แต่ยังปรับปรุงการทำงานของสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
ผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเชื่อว่าการนอนหลับไม่ใช่เพียงการพักผ่อนเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพระยะยาว
3. ความเครียด
หลังจากวันทำงานยาวนาน การผ่อนคลายและคลายเครียดเป็นพฤติกรรมที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ชุมชนในแต่ละบลูโซนมีวิธีการผ่อนคลายของตัวเอง แต่เป้าหมายร่วมกันคือลดความเครียดเพื่อไม่ให้ร่างกายนำความกังวลของวันนั้นเข้าไปในการนอนหลับ
ชาวอิคาเรีย (ประเทศ กรีซ) มักมีนิสัยงีบตอนบ่าย ชาวซาร์ดิเนีย (ประเทศ อิตาลี) ชอบไปดื่มกาแฟกับเพื่อนช่วงบ่าย ขณะที่ชาวโอกินาวา (ประเทศญี่ปุ่น) ใช้เวลาระลึกถึงบรรพบุรุษ
คุณสามารถสร้างนิสัยผ่อนคลายของตัวเอง เช่น การเดินเล่น อ่านหนังสือ หรือดื่มชาดอกเบญจมาศเพื่อลดความเครียดก่อนนอน
4. การกินดึก
การรับประทานอาหารมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพและอายุขัย นิสัยสำคัญที่ชาวบลูโซนปฏิบัติในช่วงเย็น คือ การหลีกเลี่ยงการกินดึก พวกเขามักรับประทานอาหารเย็นที่ไม่หนักท้องและไม่รับประทานของว่างเพิ่มเติมหลังจากนั้น
สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยรักษาน้ำหนักให้สุขภาพดี แต่ยังสนับสนุนกระบวนการย่อยอาหารและรับประกันว่าการนอนหลับจะไม่ถูกขัดจังหวะ แทนที่จะกินมื้อเย็นมากเกินไป คุณควรกินมื้อเช้าหรือกลางวันให้มากกว่าและรักษามื้อเย็นให้เบา ๆ
การรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีคือกุญแจสำคัญในการยืดอายุขัย นอกจากการหลีกเลี่ยงนิสัยเสียข้างต้นแล้ว เพื่อการมีอายุยืน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แนะนำให้ทุกคนปฏิบัติตาม คือ การรับประทานอาหารที่สมดุล โดยเฉพาะการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยเพิ่มสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่ยังเพิ่มอายุขัยด้วยผลกระทบเชิงบวกต่อร่างกาย เช่น เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และปรับปรุงอารมณ์
ทางเลือกวิถีชีวิตอื่น ๆ เช่น การไม่สูบบุหรี่ การจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ก็มีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและอายุขัย
สุดท้าย การผสมผสานปัจจัยทั้งหมดนี้ในกิจวัตรประจำวันจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นและทำให้ความฝันในการมีอายุถึง 100 ปีเป็นจริง...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9920260
แพทย์ เตือน โรคหลอดเลือดสมอง ไม่เลือกอายุ เผย ปัจจัยเสี่ยง-สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ต้องสังเกต
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) เรียกว่าเป็นภัยเงียบสำหรับคนสูงวัย แต่ในปัจจุบันพบคนอายุน้อยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดเพิ่มขึ้น โดย Mahidol Channel ได้ออกมาเปิดเผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ไม่เลือกอายุ ใครก็เสี่ยงได้ ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 300,000-400,000 คนต่อปี หรือประมาณ 500 คนต่อประชากร 100,000 คน แม้กระทั่งคนอายุประมาณ 30 ปี ก็มีโอกาสพบโรคนี้ได้เช่นกัน
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คือภาวะที่สมองขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน มี 3 ลักษณะหลัก ได้แก่
1.เส้นเลือดสมองตีบ – จากการสะสมของคอเลสเตอรอลในผนังหลอดเลือด
2.เส้นเลือดสมองอุดตัน – จากลิ่มเลือดหรือก้อนเลือดที่ไหลมาอุด
3.เส้นเลือดสมองแตก – มักเกิดจากความดันโลหิตสูงร่วมกับหลอดเลือดที่เปราะบาง
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
1.โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
2.โรคหัวใจ โดยเฉพาะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจทำให้เกิดลิ่มเลือด
3.การสูบบุหรี่
4.การใช้ฮอร์โมนเพศหญิง
แม้ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากกว่า แต่คนอายุน้อยก็ไม่ควรมองข้าม เพราะปัจจุบันพบว่า คนรุ่นใหม่มีภาวะอ้วนมากขึ้น และ บางรายมีความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองจากกรรมพันธุ์ อุบัติเหตุก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
สัญญาณอันตรายที่ควรสังเกต
– ปากเบี้ยว
– พูดไม่ชัด
– แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบโทร 1669 ทันที เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เพราะทุกวินาทีที่ช้าไป อาจหมายถึงเซลล์สมองที่เสียหายเพิ่มขึ้น
สิทธิการรักษาและแนวทางป้องกัน
ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ในกรณีฉุกเฉิน และเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้เคียงทันที แม้การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยบางรายกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ แต่ก็มีโอกาสที่จะหลงเหลือความผิดปกติทางร่างกาย
จึงควรเน้นการป้องกันเป็นหลัก ตามแนวทางดังนี้
ตรวจสุขภาพประจำปี
ควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงบุหรี่และควบคุมน้ำหนัก
ใช้ฮอร์โมนภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ข้อมูลโดย นพ.อภิรัติ พูลสวัสดิ์ แพทย์ประจำแผนกอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5351661