วัยทำงาน กินอะไร?... ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าแม้จะพักผ่อนเพียงพอและนอนหลับเต็มที่แล้ว เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน โดยมีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุ เช่น ขาดการออกกำลังกาย ผลข้างเคียงจากยา ความเครียด วิตกกังวล เบื่อหน่าย โรคโลหิตจาง หรือการทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การดูแลเรื่องอาหารจึงมีความสำคัญในการช่วยลดอาการเหล่านี้
..
การกินอาหารที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าได้ เช่น
· คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักของสมองและกล้ามเนื้อ แนะนำให้ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวไม่ขัดสี ถั่ว และธัญพืช เพราะให้พลังงานต่อเนื่องและนานกว่า และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็ว
· ไขมันดี
การเลือกทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว อะโวคาโด และถั่วเปลือกแข็ง ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายและบำรุงสมอง
· อาหารช่วยในการนอนหลับ
การนอนหลับที่ดีช่วยลดอาการอ่อนล้า อาหารที่มีทริปโตเฟนสูง เช่น ถั่วเหลือง ปลาแซลมอน ไข่ และชาคาโมมายล์ มีส่วนช่วยเพิ่มการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
· อาหารลดการอักเสบในร่างกาย
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันดี เช่น ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว บีทรูท และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มพลังให้ร่างกาย
· โปรตีน
โปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง การกินโปรตีนเพียงพอจากแหล่งอาหารเช่น อกไก่ เต้าหู้ ถั่วแระญี่ปุ่น ฯลฯ จะช่วยลดอาการอ่อนล้าได้
· ธาตุเหล็กและแมกนีเซียม
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ส่วนแมกนีเซียมจากถั่วและธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยให้ร่างกายมีพลังและเสริมการทำงานของระบบประสาท
· วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ช่วยลดอาการอ่อนล้าและเสริมการทำงานของระบบประสาท
· ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการปวดหัวและความเหนื่อยล้า ควรคำนวณปริมาณน้ำตามน้ำหนักตัวเพื่อดื่มให้เหมาะสม วิธีคำนวณ คือ น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2 = ปริมาณน้ำ (มล.) ที่ควรดื่มต่อวัน
** หากอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้ายังคงอยู่และไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคหรือภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่
วัยทำงาน กินอะไร?... ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
วัยทำงาน กินอะไร?... ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
อาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าแม้จะพักผ่อนเพียงพอและนอนหลับเต็มที่แล้ว เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน โดยมีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุ เช่น ขาดการออกกำลังกาย ผลข้างเคียงจากยา ความเครียด วิตกกังวล เบื่อหน่าย โรคโลหิตจาง หรือการทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การดูแลเรื่องอาหารจึงมีความสำคัญในการช่วยลดอาการเหล่านี้..
การกินอาหารที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าได้ เช่น
· คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักของสมองและกล้ามเนื้อ แนะนำให้ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวไม่ขัดสี ถั่ว และธัญพืช เพราะให้พลังงานต่อเนื่องและนานกว่า และไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็ว
· ไขมันดี
การเลือกทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว อะโวคาโด และถั่วเปลือกแข็ง ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายและบำรุงสมอง
· อาหารช่วยในการนอนหลับ
การนอนหลับที่ดีช่วยลดอาการอ่อนล้า อาหารที่มีทริปโตเฟนสูง เช่น ถั่วเหลือง ปลาแซลมอน ไข่ และชาคาโมมายล์ มีส่วนช่วยเพิ่มการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
· อาหารลดการอักเสบในร่างกาย
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันดี เช่น ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว บีทรูท และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มพลังให้ร่างกาย
· โปรตีน
โปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง การกินโปรตีนเพียงพอจากแหล่งอาหารเช่น อกไก่ เต้าหู้ ถั่วแระญี่ปุ่น ฯลฯ จะช่วยลดอาการอ่อนล้าได้
· ธาตุเหล็กและแมกนีเซียม
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ส่วนแมกนีเซียมจากถั่วและธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยให้ร่างกายมีพลังและเสริมการทำงานของระบบประสาท
· วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ช่วยลดอาการอ่อนล้าและเสริมการทำงานของระบบประสาท
· ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการปวดหัวและความเหนื่อยล้า ควรคำนวณปริมาณน้ำตามน้ำหนักตัวเพื่อดื่มให้เหมาะสม วิธีคำนวณ คือ น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2 = ปริมาณน้ำ (มล.) ที่ควรดื่มต่อวัน
** หากอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้ายังคงอยู่และไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคหรือภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่