ปวดแบบไหน..ข้อเข่าเสื่อม

โรคเข่าเสื่อม เป็นภาวะที่หลายคนมักเข้าใจว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานก็สามารถประสบกับโรคนี้ได้
โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรมการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป หรือมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง เช่น น้ำหนักตัวเกิน
หรือการบาดเจ็บที่ข้อเข่าจากการเล่นกีฬาและอุบัติเหตุ exclaim

การเสื่อมของข้อเข่าเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ในทุกช่วงวัย 
โรคนี้เกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนในข้อเข่า 
ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อสำคัญที่ช่วยลดแรงกระแทกระหว่างกระดูก 
เมื่อกระดูกอ่อนเสื่อมสภาพลง การเสียดสีระหว่างกระดูกจะทำให้เกิดอาการปวด ข้อฝืด
และอาจทำให้ข้อเข่าผิดรูปในระยะยาว

วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้  ideaปวดแบบไหน..ข้อเข่าเสื่อมidea

โรคเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the Knee) เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนในข้อเข่า
ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวด ข้อเข่าติด และเคลื่อนไหวลำบาก โรคนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการใช้งานข้อเข่ามาก การเสื่อมสภาพตามวัย
และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน อุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บในข้อเข่า



ideaโรคเข่าเสื่อมมีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ส่งผลต่อการเกิดและพัฒนาโรค ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกอ่อนที่ข้อเข่าจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา 
ทำให้เกิดการสูญเสียความยืดหยุ่นและความสามารถในการรับน้ำหนักของข้อ
น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน: น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานส่งผลให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น 
ทำให้เกิดการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนในข้อเข่าเร็วขึ้นกว่าปกติ
การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป: อาชีพหรือกิจกรรมที่ต้องใช้งานข้อเข่ามาก 
เช่น การยกของหนัก การนั่งยองบ่อย ๆ หรือการทำงานที่ใช้ข้อเข่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้อเข่ามีโอกาสเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ: การบาดเจ็บที่ข้อเข่า เช่น ข้อเข่าเคลื่อน ข้อเข่าหลุด หรือกระดูกแตกร้าว 
ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
พันธุกรรม: บางคนมีพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพของข้อ ทำให้มีโอกาสเกิดโรคเข่าเสื่อมได้มากกว่าคนทั่วไป
โรคประจำตัวอื่น ๆ: เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเกาต์ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเข่าเสื่อมเร็วขึ้น

พยาธิสภาพของโรคเข่าเสื่อม
การเสื่อมของข้อเข่าเกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณข้อเข่า 
กระดูกอ่อนเป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ลดแรงกระแทกระหว่างกระดูก 
เมื่อกระดูกอ่อนสึกกร่อนจะทำให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างกระดูก 
ทำให้เกิดการอักเสบ และอาการปวดตามมา ซึ่งในระยะยาว 
หากไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุม อาการจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ข้อเข่าฝืด ติดแข็ง หรือข้อผิดรูปได้

ideaอาการที่พบบ่อยในโรคเข่าเสื่อมมีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค โดยอาการหลักๆ 
อาการปวด: ปวดที่ข้อเข่า โดยเฉพาะเวลาขยับ เช่น เดินขึ้นลงบันได 
หรือยืนเป็นเวลานาน อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นเมื่อใช้ข้อเข่ามาก
ข้อเข่าฝืด: เมื่อข้อเข่าเสื่อมจะเกิดการฝืดติด โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนหรือหลังจากนั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลานาน การขยับเข่าจะรู้สึกติดขัด
เสียงกรอบแกรบ: บางครั้งผู้ป่วยอาจได้ยินเสียงกรอบแกรบในข้อเข่าเมื่อเคลื่อนไหว
บวมและอักเสบ: ข้อเข่าอาจบวมและรู้สึกอุ่นเนื่องจากการอักเสบภายในข้อ
ข้อเข่าผิดรูป: ในระยะรุนแรง ข้อเข่าอาจมีลักษณะผิดรูปหรือบิดเบี้ยว ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวลำบาก

ideaแพทย์จะวินิจฉัยโรคเข่าเสื่อมโดยใช้ข้อมูลจากประวัติผู้ป่วย อาการทางคลินิก 
และการตรวจร่างกายเพิ่มเติม ซึ่งอาจประกอบด้วย:
การซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น ความถี่ ความรุนแรงของอาการปวด 
การใช้ข้อเข่าในชีวิตประจำวัน รวมถึงประวัติการบาดเจ็บที่ข้อเข่า
การตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจดูการเคลื่อนไหวของข้อเข่า การบวม 
เสียงผิดปกติเมื่อเคลื่อนไหวข้อ และลักษณะทางกายภาพอื่น ๆ ของข้อ
การถ่ายภาพรังสี: เอกซเรย์จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นลักษณะของข้อเข่า 
เช่น การสึกกร่อนของกระดูกอ่อน หรือการเปลี่ยนแปลงในข้อ
MRI: ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ทำ MRI เพื่อดูรายละเอียดของกระดูกอ่อน เนื้อเยื่ออ่อน และกระดูกในข้อเข่าอย่างละเอียด

ideaการรักษาโรคเข่าเสื่อมมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและความรุนแรงของอาการ โดยการรักษาหลักๆ 
การรักษาโดยไม่ใช้ยา
การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน การว่ายน้ำ หรือการยืดกล้ามเนื้อ 
สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า และลดอาการปวดได้
การลดน้ำหนัก: หากผู้ป่วยมีน้ำหนักเกิน การลดน้ำหนักจะช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า 
ทำให้อาการปวดและการเสื่อมของข้อเข่าลดลง
การใช้เครื่องพยุงข้อ: การใช้สนับเข่าหรืออุปกรณ์พยุงข้อสามารถช่วยลดแรงกดบนข้อเข่า 
และช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวกขึ้น
การรักษาโดยใช้ยา
ยาแก้ปวด: เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ
ยาฉีดเข้าข้อเข่า: การฉีดยาเข้าข้อเข่า เช่น กรดไฮยาลูโรนิค หรือสเตียรอยด์ 
สามารถช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการหล่อลื่นในข้อเข่า ทำให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น
การผ่าตัด
ในกรณีที่การรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัด ซึ่งมีหลายวิธี เช่น
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม: เป็นวิธีที่ใช้ในผู้ป่วยที่มีการเสื่อมของข้อเข่าอย่างรุนแรง 
การเปลี่ยนข้อเข่าเทียมสามารถช่วยลดอาการปวดและฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
การผ่าตัดส่องกล้อง: ใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด เช่น การกำจัดเศษกระดูก หรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

ideaการป้องกันโรคเข่าเสื่อม
แม้ว่าโรคเข่าเสื่อมจะเป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่มีวิธีการที่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้
รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน: การควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสมจะช่วยลดแรงกดดันบนข้อเข่า
การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ทำให้ข้อเข่ามีความแข็งแรงและยืดหยุ่น
หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป: พยายามหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่า

ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=YR8IH3EgJWU
https://www.youtube.com/watch?v=fkfJX_GpKXA
https://www.youtube.com/watch?v=WEXCmT9Tsio
https://www.thonburihospital.com/specialisecenter/orthopedic-center/

lovelovelove

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่