JJNY : เดือด! ส.ส.ประชาชนย้อนอดีตโต้│ทสท.ถกปั๊มหัวใจเอสเอ็มอี│ขวากหนามเพียบรอทิ่มแทงพ่อลูก│เมืองน่าน พบผู้เสียชีวิต 2ราย

เดือด! ปธ.วิปรบ. ซัดโดนตัดงบพันล้าน ไม่มีฝายซีเมนต์ ป้องน้ำท่วม ส.ส.ประชาชน ย้อนอดีตโต้ยิบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4752968
 
 
เดือด! ปธ.วิปรบ. ซัดถูกตัดงบพันล้าน ไม่มีฝายซีเมนต์ ป้องน้ำท่วม 2 ส.ส.ประชาชน ย้อนอดีตโต้ยิบ ถามถ้าดีจริง มันดีจริง ทำไมงบปี68 ไม่ยืนยัน

จากกรณีน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือ ทำเรื่องร้อนโครงการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ 3,000 แห่ง มูลค่า 1,255 ล้านบาท ที่ถูกตัดทิ้งไป กระทั่งเป็นวิวาทะกันในสภาฯ ระหว่าง ส.ส.เพื่อไทย กับ ส.ส.ก้าวไกล ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ในวาระ 2 เรียงรายมาตรา เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ถูกขุดขึ้นมา เป็นประเด็นอีกครั้ง

เมื่อ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความในแอปพลิเคชัน X พร้อมรูปประกอบข่าว นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตพรรคก้าวไกล ดื้นออกสภาฯ โดยระบุว่า 
 
ความสะใจของพวกคุณในวันนั้น คือความเดือดร้อนของประชาชนในวันนี้..

ไม่ต้องถามว่านายกฯจะลงพื้นที่น้ำท่วมเมื่อไร? เพราะหากบางพรรคไม่ได้ตัดงบฯฝายแกนซีเมนต์ของเพื่อไทยทิ้งทั้งหมดจาก พรบ.งบฯ ’67 ก็คงสามารถป้องกันให้น้ำไม่ท่วมจนไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่.. ใช่ไหมครับ?

ทำให้ นายวิโรจน์ เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของ นายวิสุทธิ์ ว่า 

“คุณวิสุทธิ์ ลืมไปแล้วหรือครับว่าพรรคเพื่อไทยโหวตตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ซึ่งตัดงบฝายแกนดินซีเมนต์นะครับ ซึ่งสวนทางกับการอภิปราย โดยสิ้นเชิง ประชาชนกำลังลำบาก ช่วยกันทำงานให้ประชาชนดีกว่าครับ อย่าเอาความเดือดร้อนของประชาชน มาสร้างเป็นประเด็นทางการเมืองเลย”

นายวิโรจน์ โพสต์อีกว่า “งบฝายแกนดินซีเมนต์ ถูกตัดงบในชั้นอนุกรรมาธิการ และชั้นกรรมาธิการ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย ก็สามารถโหวตสวนในสภาได้ แต่พรรคเพื่อไทย ก็เลือกที่จะโหวตตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก นั่นก็คือ การตัดงบฝายแกนดินซีเมนต์”

จากนั้น นายวิสุทธิ์ ได้ตอบกลับ นายวิโรจน์ ว่า “ถ้าจะพูดก็ต้องพูดให้หมดซิครับ ว่าที่ตัดมาแล้วในห้องอนุฯ หากทางเราไม่โหวตตามนั้นในห้องใหญ่ก็จะกระทบต่องบฯของมหาดไทยทั้งหมด จึงต้องเสียสละส่วนนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อของงบฯของทั้งกระทรวงฯครับ

ด้าน นายวิโรจน์ โพสต์ตอบกลับ นายวิสุทธิ์ อีกครั้งว่า  “ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าฝายแกนดินซีเมนต์มีความจำเป็น และมีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขรับประกัน จริงๆก็เสนอขออนุมัติงบกลางได้นี่ครับ ไม่ทราบว่าได้ขออนุมัติงบกลางไหมครับ และในงบปี 68 ได้เสนอเข้ามาใหม่ หรือเปล่าครับ”

ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.งบประมาณฯปี 67 ได้โพสต์ข้อความในแอปพลิเคชัน X พร้อมเปิดตารางแจกแจงว่า งบสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ 3,000 แห่ง มูลค่า 1,255 ล้านบาทที่ถูกตัดในครั้งนั้น ถูกแบ่งให้จังหวัดใดบ้าง เป็นจำนวนเท่าไหร่

โดยระบุว่า “เปิดข้อมูลใหม่! เห็นอยากปลุกผี ฝายดินซีเมนต์ ดีนัก จัดให้ครับ นี่คือการแบ่งงบ 67 ก้อนที่ถูกตัดไป 1,255 ล้านบาท ที่โดยมากตั้งมาแบบต่ำกว่า 5 แสนเล็กน้อยต่อแห่ง เพื่อจิ้มเลือกผู้รับเหมาได้ อันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการตัดงบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ก้อนนี้. มาดูกันครับว่า ใครร้อนตัว!” 

จากนั้น ได้มีผู้เข้ามาสอบถาม แล้วในงบปี’68 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกมธ. มีการตั้งงบฝายนี่กลับเข้ามาอีกหรือไม่ ? โดย นายสุรเชษฐ์ ตอบว่า “ไม่มีครับ หากดีจริง รัฐบาลสามารถอนุมัติงบกลางทำพรุ่งนี้ได้เลยด้วย แต่มันไม่ดีจริง (ด้วยรูปแบบที่จะทำในวันนั้น)



ไทยสร้างไทย ถก มาตรการปั๊มหัวใจเอสเอ็มอี หนุนปลดล็อกกม. ช่วยผู้ประกอบการ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9377440
 
ไทยสร้างไทย จัดเสวนา “มาตรการปั๊มหัวใจ SMEs แก้หนี้เติมทุน” ด้าน “สุดารัตน์” ลั่น ต้องปลดล็อกกฎหมาย ขจัดอุปสรรคทำมาหากิน หนุนประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน
 
วันที่ 24 ส.ค. 2567 พรรคไทยสร้างไทย จัดเสวนาในหัวข้อ “มาตรการปั๊มหัวใจ SMEs แก้หนี้เติมทุน” เพื่อร่วมกันระดมสมอง สรุปแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย
 
นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย นายพงษ์เดช ศรีวชิรประดิษฐ์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายภาวุธพงษ์ วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด ร่วมพูดคุย
 
โดยนายภาวุธ กล่าวถึงสถานการณ์และความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ซึ่งต้องเผชิญการแข่งขันทางการค้าอย่างดุเดือด โดยเฉพาะกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในปัจจุบันนั้นยากลำบากมาก
 
ต้องช่วยกันเรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ไขปัญหาการเข้ามาของธุรกิจจีน ซึ่งเน้นการแข่งขันด้านราคา แต่สินค้าอาจไม่ได้มาตรฐาน และต้องมีการออกแบบโมเดลสำหรับการรับแจ้งปัญหาธุรกิจต่างชาติ แรงงานต่างชาติหรือสินค้าต่างชาติที่ผิดกฎหมาย โดยระบบอาจคล้ายกับ Traffy Fondue เป็นเครื่องมือรับแจ้งปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ one stop service
 
ด้าน นายสุปรีย์ กล่าวว่า ปัญหาของ SME ในปัจจุบันคือการแข่งขันที่ดุเดือด มีการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือจัดทำสินค้าที่เป็นรูปแบบเดียวกัน แต่ต้นทุนการผลิตสินค้าจากจีนนั้นต่ำกว่าของประเทศไทยมาก คนไทยจึงไม่อาจสามารถยืนระยะหรือสู้ได้ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย
 
ดังนั้น ผู้มีอำนาจจึงต้องเร่งผลักดันกฎหมายสภา SME ที่คั่งค้างมานานให้แล้วเสร็จ แม้จะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบก็ตาม เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้ตรงจุด ไม่ต้องซ้ำซ้อนในหลายกระทรวง และสามารถช่วยเหลือได้อย่างตรงเป้าหมาย
 
ขณะที่ นายพงษ์เดช กล่าวว่า ความยากลำบากของผู้ประกอบการไทยในเวลานี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลดล็อก และแก้ไขเรื่องใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น การแก้ปัญหาต้องทำแบบบูรณาการ one stop service เพื่อช่วยผู้ประกอบการ ช่วยเหลือคนตัวเล็กได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างธุรกิจให้สามารถ เติบโตไปสู่เป้าหมาย และความสำเร็จได้จริง
 
ด้าน นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดอุปสรรคในการประกอบอาชีพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย SMEs เรื่องการเข้าถึงแหล่งทุน ผ่านการจัดตั้งกองทุนต่างๆ ซึ่งจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้
 
ขณะที่ นายโภคิน กล่าวว่า การจะทำให้ SMEs ฟื้นตัว และพี่น้องประชาชนมีโอกาสทำมาหากินได้ จำเป็นต้องขจัดอุปสรรคสำคัญ นั่นคือการพักหรือแขวนการบังคับใช้ใบอนุมัติ อนุญาตกว่า 1,400 ฉบับ เพื่อให้คนไทยลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ทันที เช่น กฎหมายหรือข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นการเลือกปฏิบัติ เช่น กฎหมายที่ควบคุมในกลุ่มคราฟต์เบียร์
 
ทั้งนี้ หลังการอภิปรายอย่างกว้างขวาง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวสรุปว่า พรรคไทยสร้างไทยจะเร่งเดินหน้าช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และคนตัวเล็กเป็นวาระเร่งด่วนต่อไป เบื้องต้นได้มอบหมายคณะกรรมการชุดต่างๆ เร่งขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อสร้างโอกาสในการทำมาหากินยั่งยืน ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
 
โดยพรรคไทยสร้างไทย จะสนับสนุนการปลดปล่อย หรือ liberate ผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนกฎหมายสภา SMEs รวมถึงการปลดล็อก ใบอนุญาต อนุมัติ กฎหมายที่ไม่จำเป็นกว่า 1,400 ฉบับ
 
รวมถึงการ Empower ประชาชน ด้วยการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ไปพร้อมๆ กับการแก้หนี้เติมทุน เช่น ในรายเล็ก พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายกองทุนเครดิตประชาชน สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อใช้เป็นทุนในการตั้งตัว
 
อีกส่วนคือการช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ทั้งในส่วนของสตาร์ตอัพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มการท่องเที่ยว หรือกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน เป็นต้น โดยจะจัดตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อให้มีคนเหล่านี้มีลมหายใจเดินหน้าต่อไปได้



พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร : ขวากหนามเพียบรอทิ่มแทงพ่อลูก เปลี่ยนรัฐประหารเป็นนิติสงคราม น่าห่วงภัยคุกคามมุมกลับ
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4752799

The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X อ.ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ สัมภาษณ์พิเศษ เสธ.แมว พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วิเคราะห์วิสัยทัศน์อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บนเวที Vision for Thailand 2024 มีเทคนิคในการนำเสนอดีเยี่ยม เป็นดาวฤกษ์ในตัว แต่อาจจะไม่เป็นรูปธรรม เพราะต้องกลับมาดูองคาพยพ ดูข้างหลัง ดูกลไกของรัฐบาล ดูคณะรัฐมนตรี วิสัยทัศน์คือขายจินตนาการ ขายฝัน แต่ต้องระวังศัตรูเก่า เกรงว่าจะเป็นการคอร์รัปชันเชิงนโยบายหรือไม่ เอื้อนายทุน ทักษิณขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้พรรคเพื่อไทยไม่ง่ายเหมือนเดิม ถูกต่อรองได้ตลอด ฟันธงหน้าตา ครม.แบบเดิมยุค เศรษฐา ทวีสิน 90 เปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนแค่บางคน แต่น่าห่วงอาจจะเกิดคดีขึ้นอีก เพราะติดปัญหาเรื่องจริยธรรม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่