วันก่อนผมกดๆจะสั่งของออนไลน์ก็มีโฆษณาเด้งขึ้นมา เป็นโปรบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม เดอะ คอนติเนทอล สุขุมวิท ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน
แนวอิตาเลี่ยน เช่นเคยครับ ด้วยความอยาก ก็เลยกดเข้าไปจองในเวป Hungry Hub ซะเลย โดยบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมนี้จะมีทั้งมื้อกลางวันและเย็น
ผมเลือกกดกลางวันตัว 690 บาทไปครับ ข้อดีคือ แค่คนเดียวก็จองคิวได้แล้ว


มาถึงห้องอาหารที่ชื่อว่า Medinii ครับ อยู่บนชั้น 35 ของโรงแรม ลงจากป้ายอโศกเดินมาหน่อยก็ถึงละ พอมาถึง
พนักงานก็มารับมานั่งที่โต๊ะด้านในซึ่งเห็นวิวมองไปยังแยกอโสกเบื้องล่างได้

บุฟเฟ่ต์ที่นีจะแบ่งเป็นจานหลัก ซึ่งก็คือ เมนูเหล่านี้ จะต้องสั่งเป็นจานแล้วรอคนมาเสิร์ฟ ส่วนพวกที่ตักเองก็จะมีของแกล้ม อย่างเช่นสลัด ซุป
และพวกของทอด ไม่กี่อย่าง น้ำดื่มที่รวมในบุฟเฟ่ต์เป็น Infused Water ที่ตักเองแล้วก็มีพวกชากับกาแฟร้อน ที่สั่งจากพนักงานได้

ระหว่างรอจานหลักที่สั่งไปมา ก็มาเดินดูไลน์อาหารครับ อย่างที่เกริ่นไป มีไม่กี่อย่างเอง จัดไว้เรียกน้ำย่อยเท่านั้น
ซุปจะมีครีมเห็ดกับต้มยำ สลัดมี4อย่างครับ แนวอิตาเลี่ยนทั้งนั้น

น้ำดื่มกับผลไม้มีให้ตักด้วย ข้างๆกันนั้นก็เป็นบาร์ของทอด เป็นหมึกวงแหวนกับกุ้งชุบแป้งทอดแล้วก็

พิซซ่ามาการิต้าที่ยังอบไม่เสร็จ เดี๋ยวค่อยกลับมาตักละกัน

จกมาเท่านี้ก่อนครับ ไม่อยากซัดเยอะ เพราะจานหลักผมกดไป ตั้ง 5 จานแหนะ
ผมเอาสลัดปาร์ม่าเเฮมมา ซึ่งผักสลัดของที่นี่ค่อนข้างจะกรอบชุ่มฉ่ำน้ำพอสมควรเลย แผ่นแฮมมีความหนึบและเค็มหอมแบบพอดีๆ
นอกจากนี้พวกเบอรี่ในสลัดก็ฉ่ำหวานอ่อนๆ กินเล่นได้สบายปาก
ซุปเห็ด เป็นซุปเห็ดฟางสับ รสสัมผัสเหมือนพวกน้ำธัญญาหารแบบซอง ได้กลิ่นหอมของเห็ดผสมกับนมรสอ่อนๆ เอามาซดเล่นแก้ท้องว่าง

ของทอดซึ่งเป็นคารามาริ แป้งทอดได้กรอบและหอม หมึกข้างในเนื้อแน่น ส่วนกุ้งทอด ความกรอบและรสแป้งเหมือนหมึกวงแหวน อันนี้ได้เนื้อกุ้งก็อัดเต็มๆ แป้งปนน้อยมาก กินเพลินมาก ถ้าไม่ติดว่าจานหลักกำลังมาให้เราได้ฟาดอีกเพียบนี่คงไปตักมาเพิ่มอีกเป็นแน่

จานหลักยังคงไม่มา เลยลุกไปตักพิซซ่าซึ่งมาเสิร์ฟร้อนๆเลย เป็นหน้ามาการิต้า พิซซ่า
แป้งบางขอบเเข็งแบบขนมอบเตาอิฐ ซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวบางๆ ชีสหอมมันและยืดอร่อยมาก


มาแล้วในที่สุด กับจานเส้น ผมสั่งเป็น เฟตูชินนีซอสคาโบนาร่า มาลิ้มลอง ความหนืดนี่ให้เต็มสิบเลย หนืดข้นมัน
แต่ความเค็มนั้นไม่มาก รสกลางๆ กลิ่นชีสหมักจะ ฟุ้งเด่นมากตอนเคี้ยว ดมนานๆนี่คือเมาได้เลยนะ


จานหลักแรกมาเสิร์ฟเช่นกัน Grill Beef Steak เป็นเนื้อวัวส่วน Tendeloin ย่างมาแบบมีเดียม ได้รสเค็มหวานอ่อนๆของน้ำซุปเนื้อ
คาวเลือดนิดๆ ได้ความหวานอมเปรี้ยวปลายลิ้นของเกรวี่พริกไทย ความนุ่มจัดว่าเด็ดดวงมาก ส่วนรสชาติ ผมมองว่ายังธรรมดาไปหน่อย

มะเขือเทศประดับจานเนื้อ มาเหนือมากๆ กรอบหวานฉ่ำน้ำยังกับกินผลไม้
ขณะที่หอมวงแหวน เป็นหอมสับปรุงรสแล้วเอาไปทอด รสชาติก็โอเคอยู่ แต่ถ้าได้เป็นหอมสดทอดละก็ จะดีกว่านี้อีก

จานนี้คือ Marinated Pork Neck สเต๊กสันคอหมู เนื้อเหนียวเด้งพอสมควร กลิ่นซอสกระเทียมหอมเข้าเนื้อมากๆ

ต่อมาเป็นของทะเลครับ Prawn & Mussel Scampi เป็นหอยแมลงภู่กับกุ้งเด้งผัดกับเครื่องที่รสชาติคล้าบกับน้ำต้มยำ
ที่แสบคอ เนื้อหอยเด้งฉ่ำน้ำ กุ้งขาวก็กรอบหวาน น้ำจิ้มเป็นมายองเนสผสมมะนาว มาน้อยแต่คับไปด้วยคุณภาพจริง

มาเทียบกันดู ไม่แน่ใจว่ากุ้งมันตัวใหญ่รึหอยมันตัวเล็กกันแน่นะ แต่กรอบหวานอย่างถึงที่สุด


จานหลักสุดท้ายละครับ กับ Oven Baked Seabass รสคล้ายกะพงทอด แค่อันนี้เนื้อในชุ่มฉ่ำกว่า รสเค็มของเกลือชูรสหวานของเนื้อปลาได้ดี
แต่ส่วนหนังเกลือท่าจะเยอะไปเลยเค็มอย่างมาก หลับหูหลับตากินไป ก็กรอบๆดี ซอสราดคล้ายซอสคาโบนาร่าที่มีความข้นหนืดน้อยกว่า
และหวานเด่นกว่า

ท้องเริ่มแน่นๆ ผมเลยลุกไปตอดพิซซ่ามาอีกสองชิ้น ละก็สั่งของหวานมาควบกับคาปูชินโน่ มานั่งละเมียดก่อนจบงาน
ใช้เวลาพอประมาณก็ได้มาซึ่งขนมหวานแสนน่ากิน สองจานนี้

โทสชีส Parmesan ขนมปังปิ้งกรอบๆ เนยหวายฉ่ำผสมน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหวานนวล กินกับไอศครีมวานิลลากลิ่นหอม
หวลเตะจมูกสดชื่นมาก ข้อเสียเดียวคือ ไม่มีรสสัมผัสหรือกลิ่นที่แสดงถึงความมีอยุ่ของชีสเลย

อีกจานจะเป็น ช็อคโกแลตลาวาเค้ก เค้กช็อคหวานแน่น แบบขนมบราวนี่เลย เคียงมาด้วย ผลไม้ลูกเล็กๆกับไอศครีม รสเยี่ยมมากอีกเช่นกัน

ซอสช็อคโกแลตข้างในข้นๆ หวานจับใจ ปิดมื้อสุดจุกนี้ไปแบบเปรมปรีดิ์
ตัดเกรด
รสชาติอาหาร : ****1/2
ถือว่าอร่อยระดับร้านอาหารนอกนะ คุณภาพของวัตถุดิบดีเลิศมากๆ พวกของแต่งจานอย่างสลัด มะเขือเทศ และเบอรี่ มีความฉ่ำกรอบและน้ำเยอะ
ช่วยให้อยากอาหารมากขึ้น จานเนื้อรสชาติเฉยๆนะ ถ้าไม่มีน้ำราดก็ไม่เท่าไหร่ พาสต้าซอสคาโบข้นและหอมชีสแบบฉุนๆ แต่อย่างหนืด
กินแล้วหิวน้ำ ของทะเลกับของทอดก็จัดว่าดี เนื้อแน่นเด้งปากทุกตัว ขนมหวานจัดได้สวยงาม และรสชาติฉ่ำหวานเป็นที่สุด
แต่ถ้าเลือกว่าใครคือพระเอกของงาน ก็ต้องของรองท้องอย่างพิซซ่า อบเตาถ่าน ที่ได้ความหอมมันของชีสแบบเต็มคำตัดกับซอมมะเขือเทศ
ที่ทาบางๆได้อย่างลงตัว
อร่อยมากสุด : มาการิต้า พิซซ่า
อร่อยน้อยสุด : ซุปเห็ด
บรรยากาศในร้าน : ****
ดีไซน์ออกมาคล้ายกับร้านแนวกลางคืนมากกว่า พื้นที่ทางเดินค่อนข้างคับแคบเดินเหินไม่สะดวก โต๊ะนั่งในห้องด้านนอกของผมนั้น
วิวมองเห็นภายนอกก็จริง แต่แสงเข้าเยอะ แถมวิวข้างนอก็มีแตตึกกับถนน ไม่ค่อยสวยนักสำหรับผม
การบริการ : *****
บริการดีเอาใจใส่มากครับ คอยถามไถ่ตลอดว่าเอาอะไรเพิ่มไหม กิริยามารยาทก็ดีพูดจาน่าฟัง สมกับเป็นบริการระดับโรงแรม
ความหลากหลาย : ***
มีไม่เท่าไหร่เลยครับ จานหลักมี 6 เมนูเท่านั้น จานเส้นก็ถ้าไหวสามารถสั่งวนเส้นกับซอสได้ แต่คงไม่มีใครกินเยอะถึงขนาดนั้น
พวกของบนไลน์ ไม่หวือหวาหลากหลาย
ราคา : **1/2
ถ้าเทียบกับ เกรดอาหารระดับนี้ 7-8 จาน กับห้องอาหารวิวตึกระฟ้า ผมถือว่าถูกเลยนะ
การเข้าถึง : ****1/2
แม้ตัวโรงแรมจะอยู่ที่แลนด์มาร์คเข้าถึงได้ง่าย อยู่ใกล้สี่แยกถนนใหญ่ และรถไฟฟ้าทั้งสองสาย แต่การขึ้นไปห้องอาหาร
จะต้องใช้เวลาประมาณนึงเลย เพราะอยู่ตั้ง ชั้น 35 แหนะ
ความคุ้มค่า : ****1/2
ส่วนตัวผมให้ระดับคุ้มที่ยังไม่สุดครับ เพราะรสชาติอาหารโดยรวมแล้วยังไม่ถือว่าพิเศษกว่าเจ้าอื่นที่ทำแนวๆนี้เท่าไหร่ ถ้าตีว่าได้มากินในห้องอาหาร
วิวสูงระฟ้ากับเมนูต่างชาติระดับนี้ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าอยู่ครับ แต่ถ้าจะเอาความหลากหลายหรือรสชาติที่อร่อยตัวลอย ลองร้านอื่นจะดีกว่า
ส่วนถ้าอยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงาม ด้วยสภาพของสถานที่แล้ว มื้อเย็นน่าจะเหมาะสมกว่า
ภาพรวม : ****
[CR] BufFeast Review : ขึ้นโรงแรมมากินสเต๊กและบุฟเฟ่ต์อิตาเลี่ยน ร้าน "Medinii" ของ รร.เดอะ คอนติเนนทอล
แนวอิตาเลี่ยน เช่นเคยครับ ด้วยความอยาก ก็เลยกดเข้าไปจองในเวป Hungry Hub ซะเลย โดยบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมนี้จะมีทั้งมื้อกลางวันและเย็น
ผมเลือกกดกลางวันตัว 690 บาทไปครับ ข้อดีคือ แค่คนเดียวก็จองคิวได้แล้ว
มาถึงห้องอาหารที่ชื่อว่า Medinii ครับ อยู่บนชั้น 35 ของโรงแรม ลงจากป้ายอโศกเดินมาหน่อยก็ถึงละ พอมาถึง
พนักงานก็มารับมานั่งที่โต๊ะด้านในซึ่งเห็นวิวมองไปยังแยกอโสกเบื้องล่างได้
บุฟเฟ่ต์ที่นีจะแบ่งเป็นจานหลัก ซึ่งก็คือ เมนูเหล่านี้ จะต้องสั่งเป็นจานแล้วรอคนมาเสิร์ฟ ส่วนพวกที่ตักเองก็จะมีของแกล้ม อย่างเช่นสลัด ซุป
และพวกของทอด ไม่กี่อย่าง น้ำดื่มที่รวมในบุฟเฟ่ต์เป็น Infused Water ที่ตักเองแล้วก็มีพวกชากับกาแฟร้อน ที่สั่งจากพนักงานได้
ระหว่างรอจานหลักที่สั่งไปมา ก็มาเดินดูไลน์อาหารครับ อย่างที่เกริ่นไป มีไม่กี่อย่างเอง จัดไว้เรียกน้ำย่อยเท่านั้น
ซุปจะมีครีมเห็ดกับต้มยำ สลัดมี4อย่างครับ แนวอิตาเลี่ยนทั้งนั้น
น้ำดื่มกับผลไม้มีให้ตักด้วย ข้างๆกันนั้นก็เป็นบาร์ของทอด เป็นหมึกวงแหวนกับกุ้งชุบแป้งทอดแล้วก็
พิซซ่ามาการิต้าที่ยังอบไม่เสร็จ เดี๋ยวค่อยกลับมาตักละกัน
จกมาเท่านี้ก่อนครับ ไม่อยากซัดเยอะ เพราะจานหลักผมกดไป ตั้ง 5 จานแหนะ
ผมเอาสลัดปาร์ม่าเเฮมมา ซึ่งผักสลัดของที่นี่ค่อนข้างจะกรอบชุ่มฉ่ำน้ำพอสมควรเลย แผ่นแฮมมีความหนึบและเค็มหอมแบบพอดีๆ
นอกจากนี้พวกเบอรี่ในสลัดก็ฉ่ำหวานอ่อนๆ กินเล่นได้สบายปาก
ซุปเห็ด เป็นซุปเห็ดฟางสับ รสสัมผัสเหมือนพวกน้ำธัญญาหารแบบซอง ได้กลิ่นหอมของเห็ดผสมกับนมรสอ่อนๆ เอามาซดเล่นแก้ท้องว่าง
ของทอดซึ่งเป็นคารามาริ แป้งทอดได้กรอบและหอม หมึกข้างในเนื้อแน่น ส่วนกุ้งทอด ความกรอบและรสแป้งเหมือนหมึกวงแหวน อันนี้ได้เนื้อกุ้งก็อัดเต็มๆ แป้งปนน้อยมาก กินเพลินมาก ถ้าไม่ติดว่าจานหลักกำลังมาให้เราได้ฟาดอีกเพียบนี่คงไปตักมาเพิ่มอีกเป็นแน่
จานหลักยังคงไม่มา เลยลุกไปตักพิซซ่าซึ่งมาเสิร์ฟร้อนๆเลย เป็นหน้ามาการิต้า พิซซ่า
แป้งบางขอบเเข็งแบบขนมอบเตาอิฐ ซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวบางๆ ชีสหอมมันและยืดอร่อยมาก
มาแล้วในที่สุด กับจานเส้น ผมสั่งเป็น เฟตูชินนีซอสคาโบนาร่า มาลิ้มลอง ความหนืดนี่ให้เต็มสิบเลย หนืดข้นมัน
แต่ความเค็มนั้นไม่มาก รสกลางๆ กลิ่นชีสหมักจะ ฟุ้งเด่นมากตอนเคี้ยว ดมนานๆนี่คือเมาได้เลยนะ
จานหลักแรกมาเสิร์ฟเช่นกัน Grill Beef Steak เป็นเนื้อวัวส่วน Tendeloin ย่างมาแบบมีเดียม ได้รสเค็มหวานอ่อนๆของน้ำซุปเนื้อ
คาวเลือดนิดๆ ได้ความหวานอมเปรี้ยวปลายลิ้นของเกรวี่พริกไทย ความนุ่มจัดว่าเด็ดดวงมาก ส่วนรสชาติ ผมมองว่ายังธรรมดาไปหน่อย
มะเขือเทศประดับจานเนื้อ มาเหนือมากๆ กรอบหวานฉ่ำน้ำยังกับกินผลไม้
ขณะที่หอมวงแหวน เป็นหอมสับปรุงรสแล้วเอาไปทอด รสชาติก็โอเคอยู่ แต่ถ้าได้เป็นหอมสดทอดละก็ จะดีกว่านี้อีก
จานนี้คือ Marinated Pork Neck สเต๊กสันคอหมู เนื้อเหนียวเด้งพอสมควร กลิ่นซอสกระเทียมหอมเข้าเนื้อมากๆ
ต่อมาเป็นของทะเลครับ Prawn & Mussel Scampi เป็นหอยแมลงภู่กับกุ้งเด้งผัดกับเครื่องที่รสชาติคล้าบกับน้ำต้มยำ
ที่แสบคอ เนื้อหอยเด้งฉ่ำน้ำ กุ้งขาวก็กรอบหวาน น้ำจิ้มเป็นมายองเนสผสมมะนาว มาน้อยแต่คับไปด้วยคุณภาพจริง
มาเทียบกันดู ไม่แน่ใจว่ากุ้งมันตัวใหญ่รึหอยมันตัวเล็กกันแน่นะ แต่กรอบหวานอย่างถึงที่สุด
จานหลักสุดท้ายละครับ กับ Oven Baked Seabass รสคล้ายกะพงทอด แค่อันนี้เนื้อในชุ่มฉ่ำกว่า รสเค็มของเกลือชูรสหวานของเนื้อปลาได้ดี
แต่ส่วนหนังเกลือท่าจะเยอะไปเลยเค็มอย่างมาก หลับหูหลับตากินไป ก็กรอบๆดี ซอสราดคล้ายซอสคาโบนาร่าที่มีความข้นหนืดน้อยกว่า
และหวานเด่นกว่า
ท้องเริ่มแน่นๆ ผมเลยลุกไปตอดพิซซ่ามาอีกสองชิ้น ละก็สั่งของหวานมาควบกับคาปูชินโน่ มานั่งละเมียดก่อนจบงาน
ใช้เวลาพอประมาณก็ได้มาซึ่งขนมหวานแสนน่ากิน สองจานนี้
โทสชีส Parmesan ขนมปังปิ้งกรอบๆ เนยหวายฉ่ำผสมน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหวานนวล กินกับไอศครีมวานิลลากลิ่นหอม
หวลเตะจมูกสดชื่นมาก ข้อเสียเดียวคือ ไม่มีรสสัมผัสหรือกลิ่นที่แสดงถึงความมีอยุ่ของชีสเลย
อีกจานจะเป็น ช็อคโกแลตลาวาเค้ก เค้กช็อคหวานแน่น แบบขนมบราวนี่เลย เคียงมาด้วย ผลไม้ลูกเล็กๆกับไอศครีม รสเยี่ยมมากอีกเช่นกัน
ซอสช็อคโกแลตข้างในข้นๆ หวานจับใจ ปิดมื้อสุดจุกนี้ไปแบบเปรมปรีดิ์
ตัดเกรด
รสชาติอาหาร : ****1/2
ถือว่าอร่อยระดับร้านอาหารนอกนะ คุณภาพของวัตถุดิบดีเลิศมากๆ พวกของแต่งจานอย่างสลัด มะเขือเทศ และเบอรี่ มีความฉ่ำกรอบและน้ำเยอะ
ช่วยให้อยากอาหารมากขึ้น จานเนื้อรสชาติเฉยๆนะ ถ้าไม่มีน้ำราดก็ไม่เท่าไหร่ พาสต้าซอสคาโบข้นและหอมชีสแบบฉุนๆ แต่อย่างหนืด
กินแล้วหิวน้ำ ของทะเลกับของทอดก็จัดว่าดี เนื้อแน่นเด้งปากทุกตัว ขนมหวานจัดได้สวยงาม และรสชาติฉ่ำหวานเป็นที่สุด
แต่ถ้าเลือกว่าใครคือพระเอกของงาน ก็ต้องของรองท้องอย่างพิซซ่า อบเตาถ่าน ที่ได้ความหอมมันของชีสแบบเต็มคำตัดกับซอมมะเขือเทศ
ที่ทาบางๆได้อย่างลงตัว
อร่อยมากสุด : มาการิต้า พิซซ่า
อร่อยน้อยสุด : ซุปเห็ด
บรรยากาศในร้าน : ****
ดีไซน์ออกมาคล้ายกับร้านแนวกลางคืนมากกว่า พื้นที่ทางเดินค่อนข้างคับแคบเดินเหินไม่สะดวก โต๊ะนั่งในห้องด้านนอกของผมนั้น
วิวมองเห็นภายนอกก็จริง แต่แสงเข้าเยอะ แถมวิวข้างนอก็มีแตตึกกับถนน ไม่ค่อยสวยนักสำหรับผม
การบริการ : *****
บริการดีเอาใจใส่มากครับ คอยถามไถ่ตลอดว่าเอาอะไรเพิ่มไหม กิริยามารยาทก็ดีพูดจาน่าฟัง สมกับเป็นบริการระดับโรงแรม
ความหลากหลาย : ***
มีไม่เท่าไหร่เลยครับ จานหลักมี 6 เมนูเท่านั้น จานเส้นก็ถ้าไหวสามารถสั่งวนเส้นกับซอสได้ แต่คงไม่มีใครกินเยอะถึงขนาดนั้น
พวกของบนไลน์ ไม่หวือหวาหลากหลาย
ราคา : **1/2
ถ้าเทียบกับ เกรดอาหารระดับนี้ 7-8 จาน กับห้องอาหารวิวตึกระฟ้า ผมถือว่าถูกเลยนะ
การเข้าถึง : ****1/2
แม้ตัวโรงแรมจะอยู่ที่แลนด์มาร์คเข้าถึงได้ง่าย อยู่ใกล้สี่แยกถนนใหญ่ และรถไฟฟ้าทั้งสองสาย แต่การขึ้นไปห้องอาหาร
จะต้องใช้เวลาประมาณนึงเลย เพราะอยู่ตั้ง ชั้น 35 แหนะ
ความคุ้มค่า : ****1/2
ส่วนตัวผมให้ระดับคุ้มที่ยังไม่สุดครับ เพราะรสชาติอาหารโดยรวมแล้วยังไม่ถือว่าพิเศษกว่าเจ้าอื่นที่ทำแนวๆนี้เท่าไหร่ ถ้าตีว่าได้มากินในห้องอาหาร
วิวสูงระฟ้ากับเมนูต่างชาติระดับนี้ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าอยู่ครับ แต่ถ้าจะเอาความหลากหลายหรือรสชาติที่อร่อยตัวลอย ลองร้านอื่นจะดีกว่า
ส่วนถ้าอยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงาม ด้วยสภาพของสถานที่แล้ว มื้อเย็นน่าจะเหมาะสมกว่า
ภาพรวม : ****
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น