เรื่องเล่าวันวานที่วุ่นวาย..และเหนือการควบคุมจัดการยังไงกัน??

การได้ทำงานกับเจ้านายโดยตรงมันดีที่ไม่ต้องคุยกันผ่านบุคคลอื่น และเจ้านายจะเห็นผลงานที่เราทำและได้เรียนรู้งาน ทำให้ได้พัฒนางาน มีพี่คนนึงได้พูดให้ฟังไว้แบบนี้ เพราะแกอาจจะมีประสบการณ์สังคมการทำงานทีบุคคลที่3ปลุกปั่นยุแยงใส่ร้ายในการทำงานมา แต่พอถึงคราวที่เวลาช่วงนึงหมุนมาทำให้เราได้เจอการทำงานที่ใหม่ที่ๆนึงซึ่งก็เป็นสถานะการคล้ายๆที่พี่คนนั้นบอกไว้ ช่วงแรกเราก็รู้สึกโอเคนะ พอรับมือไหว พอเข้าใจ พอแยกแยะและไม่คิดมาก แบ่งรับแบ่งสู้ เจ้านายสั่งงานก็รับจบทำไปไม่ค่อยมีปัญหา จะมีปัญหาแค่การสื่อสารช่วงแรกๆที่เจ้านายพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดและไม่คุ้นชินแต่ก็อาศัยคุยให้เข้าใจและชัดเจนที่สุด ทำไปเรื่อยๆจนครบปีแรกก็โอเค รู้สึกดี รู้สึกว่าที่นี่เค้ายังเกรงใจให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ ทำให้อยากไปทำงานทุกวัน งานช่วงนั้นก็ไม่ค่อยเยอะ ถ้างานที่เป็นหน้าที่เรามันเสร็จก็ไปช่วยงานของแผนกอื่นก็สนุกดีช่วงนั้นรู้สึกตัวเองสนุกกับการทำงาน และอาจจะมีไม่เข้าใจและถอยคำบางอย่างจากเจ้านายบ้างที่เขาสื่อสารออกมาแล้วอาจจะดูแรงเพราะเค้าไม่ใช้คนไทยและไม่ค่อยเข้าใจกับความหมายของภาษาไทยเท่าไหร่ ..เราก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไหร่เพราะตอนนั้นคือพยายามเข้าใจเขา พอหลังๆมาเริ่มจะมีงานเพิ่มเข้ามาเยอะขึ้น ส่วนค่าตอบแทนก็เพิ่มปรับให้ส่วนนี้ก็โอเคสมน้ำสมเนื้อไม่ติดอะไร และก็ถึงจุดพีคจุดที่งานเยอะ เร่งด่วน เจ้านายเริ่มไม่ค่อยเห็นความเป็นมนุษย์ด้วยกันแล้ว555 เริ่มจะเอาแต่ความต้องการตัวเอง และจะเอาใจลูกค้า และมาเร่งงานกับลูกน้องแล้ว คืออย่างตึง ไม่ได้สนใจเนื้องาน ระยะเวลา แต่จี้จะให้ทำให้เสร็จอย่างเดียว คืออะไรกันเนี้ย เจ้านายรับงานเอง บรีฟงานเอง แล้วให้เราทำ แต่ไม่เคยสนใจว่าระยะเวลาในการทำยากง่ายยังไง และรับหลายตัว และงานมันไม่ได้ทำแล้วจบ ถ้าลูกค้ามีอยากแก้ไงก็ต้องวนกลับมาแก้ใหม่ด้วย สถานการณ์ตอนนี้คือเริ่มคลุ้งมากเลย ก็ว่าได้  มันเลยทำให้จิตใจเริ่มเปลี่ยนไป ทัศนคติในการทำงานก็เริ่มเปลี่ยนตาม เริ่มไม่มีช่วงเวลารีแลคซ์  และเริ่มไม่เหมือนที่คุยกันไว้ตอนแรกที่เข้าทำงาน มันเริ่มตรงกันข้ามไปหมด และช่วงวิกฤตที่ทุกคนต้องเจอก็มาถึง โควิดที่ทุกคนต้องเจอ..เราก็เจอเหมือนกัน เจอปุ๊บ ก็แยกห้องทำงานปั๊บเราได้แยกห้องในวันที่ตรวจเจอ..และทำงานต่อแล้ววันถัดไปก็ขอหยุดไปโรงบาล พอเช้าวันถัดมาก็ไปทำงานปกติจนหาย (ทำงานจนเป็นปกติ และงานตอนนั้นก็เยอะถ้าไม่ทำก็ไม่ได้เลย เพราะไม่มีใครทำแทนหรือจะหยุดทำก็ไม่ได้) มันก็ค่อนข้างทรมานจริงๆนะช่วงนั้น(แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อาจจะเป็นที่ตัวเราไปยอมเกินไปหรืออะไรก็แล้วแต่ช่วงนั้นก็แบ่งรับแบ่งสู้ไป)หลายคนก็มีมาบ่นแต่ก็ได้แค่บ่นนั้นแหละ บ่นไปก็แก้ไขหรือทำอะไรไม่ได้ ก็มีมาบ่นว่าป่วยขนาดนี้ไม่ได้พักบ้างเลยหรอ ยังมาทำงานอีกนี่นั้น บลาๆ ซึ่งคนอื่นที่เขามีคนแทนติดโควิดแบบนี้ ก็ได้หยุดจนกว่าจะหายดีนะถึงมาทำ แต่เราแยกห้องทำงานคือจบ ไม่ได้หยุดทำงาน หรือหยุดพัก555 (ทำไปได้) และเราก็ผ่านช่วงนั้นมาได้แบบปลอดภัย การทำงานของแต่ละที่ที่ผ่านมา เรื่องการลางาน ขาดงาน ค่อนข้างลายากมากไป แต่ไม่ค่อยได้ลาเท่าไหร่
แต่เมื่อลาปุ๊บก็จะลายาวอย่างพักร้อนก็ลาเลยเกือบอาทิตย์นึง ลาได้นะไม่รู้ที่อื่นเป็นแบบไหนแต่ที่นี่ลาได้ ได้สิทธิ์ลา...แต่ก็ต้องทำงานนะ ลากี่วันก็ตามแต่การทำงานก็เหมือนเดิม แค่ไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ส่งงานออนไลน์แทน อาจจะเพราะงานมันต้องมีแก้ไขนั่นนี่ (แต่เรียกร้องอะไรไม่ได้แล้วสินะ เรามองไม่ออกเลยรู้สึกจัดการอะไรไม่ได้ ก็จำใจทำไป..ใช้คำว่าจำใจแล้ว และความจำใจนี่มันเริ่มสะสม)

ทำให้เราเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม เราว่าเรารู้ตัวเองข้อนี่ยอมรับเลย จากที่เคยไม่ตอบโต้จากที่ข่มใจควบคุมอารมณ์ไว้ได้ในเมื่อก่อน เวลาคุยงานกับเจ้านายเริ่มเดือดขึ้นกว่าปกติ เมื่อก่อนเจ้านายก็จะเป็นคนที่เดือดคนเดียวเวลาเขาคุยงานกับเรา แต่ตอนนี้เราเริ่มสวนกลับและแข็งข้อ เริ่มปล่อยอารมณ์และรู้สึกควบคุมไม่ค่อยได้ การสื่อสารจากเดิมก็รับฟังเข้าใจแยกแยะแต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยแยกแล้วคือพร้อมจะบวกกับเจ้านายอย่างเดียว..และบางครั้งอารมณ์เย็นๆเจ้านายเหมือนมาปลอบใจเหมือนเข้าใจ ว่าช่วงนี้งานเยอะนั่นนี่ จะหาคนมาช่วย  ก็รับฟัง หามาช่วยก็หามาไม่ได้ติดอะไร...แต่ระหว่างทางที่หาคนมันก็รู้สึกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ พูดบอกตลอดแต่ช่วงนั้นไม่มีใครผ่านเข้ามาสักคน และตอนนี้เราก็มองเห็นแต่ทางเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้น จากวังวนตรงนี้ ..ไม่ได้ปลิดชีพหรอกนะ..แต่ปลิดตัวเองออกมาจากจุดนี้ เรารู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวทั้งร่างกายและจิตใจ และอารมณ์เราก็ไม่ค่อยปกติเหมือนเดิม 555 (เลาให้ใครฟังเขาก็อาจจะบอกว่าต้องอดทน..ทำใจ ปล่อยวาง ) ..แต่เราไม่เลือกแบบนั้น จริงก็ไม่อย่างทำแบบนี้เลย เราอยากไปลามาไหว้ เข้าตามตรอกออกตามประตูนะ...แต่เท่าที่ผ่านมาที่นี่เราก็เห็นอะไรหลายๆอย่าง..ซึ่งแน่นอนมาตรฐานของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน เราเลยตัดสินใจหยุดทุกอย่าง..แล้วออกมาบอกลาผ่านกระดาษเพียง1แผ่นเท่านั้น เพราะถ้าบอกล่วงหน้าก็คงยื้อและต่อรองให้อยู่แล้วความรู้สึกมันไม่รับแล้วใจมันไม่ศรัทธาแล้ว..จริงๆหลายๆคนที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี จะมีแค่เรากับหัวหน้าที่จะหยุมหัวกัน555 แต่ก็นั้นแหละ เราว่าการทำงานมันก็มีเหนื่อยเป็นเรื่องปกติ..แต่ถ้าเจอแบบเราก็บวกเข้าไปอีกหน่อย เราใช้ความอดทนหมดแล้ว แต่จริงๆการทำงานมันควรจะทำให้มีความสุขนะ มาเล่าตอนนี้มันก็ดูขำๆตลกตัวเองดี เพราะผ่านมาแล้ว 

การให้เกียรติกันไม่ว่าจะชนชาติไหนเราว่ามันสำคัญ
แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันล้ำเส้นกันเกินไปมันไม่ค่อยโอเค ..แม้ว่าหัวหน้าจะออกตัวว่าไม่รู้ภาษาไม่รู้ความหมาย แต่เมื่อพ่นอะไรออกมาให้คนเขาฟังมันก็ควรจะคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่พูดไปแล้ว..มารวบยอดทีหลังว่าตัวเองไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดแค่จริงจังกับงาน อันนี้มันก็ไม่ไหว เพราะบางทีกับบางคนมันไม่ทันแล้วมันรู้สึกไปแล้ว

ไม่รู้ว่าหลายคนมีวิธีจัดการกันยังไง แต่สำหรับเราก็อาจจะไม่รู้วิธีจัดการและ ต้องตัดสินใจที่ไม่ควรจะทำแบบนี้...ช่วงเวลานั้นเราคงกดดันตัวเองเกินไปและจัดการกับความรู้สึกตรงนั้นไม่ได้ 
แต่เชื่อว่าพาตัวเองออกมาคือโอเคมากๆ ออกมารักษาใจให้มันฟูๆ ก่อนดีกว่า 🤍🙂

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่