...สำหรับนักภาวนามือใหม่ เริ่มต้นฝึก มักจะหลงทางตรงขั้นแรกนี้ คล้ายๆคนที่จะไปตกปลาตัวใหญ่ เอาเหยื่อ เช่น ไส้เดือน ลูกกุ้ง ลูกปลาเล็กๆ ไปเกี่ยวเบ็ด หย่อนลงในน้ำเพื่อล่อให้ปลาตัวใหญ่มากินเบ็ด จะจับปลาตัวนั้นเอาไปต้มแกง ...แต่ปัญหาคือ พอเริ่มตกปลา ดันไปหลงเอาเหยื่อที่เกี่ยวเบ็ดคิดว่าคือตัวปลาที่ตกได้มา ก็เลยพยายามมุ่งความสนใจที่รายละเอียดต่างๆของเหยื่อนั้น
...ทำนองเดียวกัน กับนักภาวนามือใหม่ มักจะหลงไปเอาอารมณ์ตั้งต้นของการฝึกมาคิดค้นหารายละเอียดมากเกินไปจนฟุ้งซ่าน แทนที่จิตจะเป็นสมาธิ กลับกลายเป็นฟุ้งซ่านไปเลย ตัวอย่างเช่น คนที่ฝึกแบบอานาปานสติ กำหนดลมหายใจ ก็ไปสนใจรายละเอียดเรื่องลมที่เป็นภาษาบัญญัติซับซ้อนในตำรา มากเกินไป จนจิตฟุ้งซ่านเพราะหลงจินตนาการไปตามภาษาบัญญัตินั้น แทนที่จะกำหนดมาที่ลมเลย ต่อสู้กับความฟุ้งซ่าน จนจิตสงบ ลมก็หายไป ก็แค่นั้นเอง...
...การฝึกวิธีอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน เช่น การกำหนดแบบกายคตาสติ อสุภะ ธาตุ ไตรลักษณ์..ฯลฯ สารพัดแบบ
...อยากจะฝึกแบบไหน ก็เอาแบบนั้น มาฝึกกำหนดไปเลยตรงๆ ต่อสู้กับความฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆๆ จนจิตสงบลง โดยไม่ต้องไปเอาข้อความในตำรามาจินตนาการ มโนไปเรื่อยๆ จนฟุ้งซ่านบานเบอะ หาสนามบินลงไม่เจอ ฝึกไปๆๆ ...เมื่อจิตสงบแล้ว ก็จะรู้ขึ้นเอง อาจจะรู้มากกว่าที่ตำราบัญญัติไว้ซะอีก
นักฝึกภาวนาอย่าหลงทางเอาอารมณ์จุดเริ่มต้นมาเป็นหลัก ทำนองคนตกปลาอย่าหลงเอาไส้เดือนที่เกี่ยวปลายเบ็ดเป็นปลาที่มุ่งจะจับ
...ทำนองเดียวกัน กับนักภาวนามือใหม่ มักจะหลงไปเอาอารมณ์ตั้งต้นของการฝึกมาคิดค้นหารายละเอียดมากเกินไปจนฟุ้งซ่าน แทนที่จิตจะเป็นสมาธิ กลับกลายเป็นฟุ้งซ่านไปเลย ตัวอย่างเช่น คนที่ฝึกแบบอานาปานสติ กำหนดลมหายใจ ก็ไปสนใจรายละเอียดเรื่องลมที่เป็นภาษาบัญญัติซับซ้อนในตำรา มากเกินไป จนจิตฟุ้งซ่านเพราะหลงจินตนาการไปตามภาษาบัญญัตินั้น แทนที่จะกำหนดมาที่ลมเลย ต่อสู้กับความฟุ้งซ่าน จนจิตสงบ ลมก็หายไป ก็แค่นั้นเอง...
...การฝึกวิธีอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน เช่น การกำหนดแบบกายคตาสติ อสุภะ ธาตุ ไตรลักษณ์..ฯลฯ สารพัดแบบ
...อยากจะฝึกแบบไหน ก็เอาแบบนั้น มาฝึกกำหนดไปเลยตรงๆ ต่อสู้กับความฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆๆ จนจิตสงบลง โดยไม่ต้องไปเอาข้อความในตำรามาจินตนาการ มโนไปเรื่อยๆ จนฟุ้งซ่านบานเบอะ หาสนามบินลงไม่เจอ ฝึกไปๆๆ ...เมื่อจิตสงบแล้ว ก็จะรู้ขึ้นเอง อาจจะรู้มากกว่าที่ตำราบัญญัติไว้ซะอีก