#Onthisday หากบอกว่า "ชาเขียว" ประเทศแรกที่เราจะนึกถึงคือ ญี่ปุ่น เพราะว่า เป็นประเทศที่นิยมดื่มมากที่สุด พร้อมทั้งยังมีวัฒนธรรมในการชงชา ดื่มชาที่เป็นเอกลักษณ์
โดยในทุกวันที่ 6 กุมภาพันธ์ของทุกปี ญี่ปุ่นรณรงค์ให้เป็นวันดื่มชาเขียวกัน และเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของชาเขียวว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ดื่ม
ถ้าให้ย้อนกลับไป การค้นพบชานั้นเกิดขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ที่ประเทศจีน โดยเริ่มต้นที่มณฑลยูนนาน ตามบันทึกอารยธรรมมนุษย์ โดยพบว่ามีการต้มและดื่มครั้งแรก เกิดขึ้นมาจาก จักรพรรดิในตำนานของจีน เสินหนงสื่อ (神農 Shen Nong Shi) ผู้ที่ไดัรับสมญานามว่า เทพเจ้าแห่งการเกษตร และพืชสมุนไพร
"ชา" ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนเอง ประเทศอังกฤษ ตุรกี และอีกหลายประเทศ ล้วนมีชาและวัฒนธรรมในการดื่ม ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ส่วนประเทศญี่ปุ่น จะเรียกชาเขียวว่า เรียวคุชะ (Ryokucha , 緑茶) ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยเฮอัน "Heian" (เป็นยุคที่ญี่ปุ่นย้ายเมืองหลวงมายังเกียวโตในปีค.ศ.794 จน มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ "Minamoto no Yoritomo" ได้ก่อตั้งรัฐบาลทหารขึ้นในปีค.ศ.1192)
ในปี ค.ศ. 1191 พระนิกายเซน เออิไซ ผู้ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับชาไว้ว่า "ชาเป็นสุดยอดของยาและเวชภัณฑ์ซึ่งสามารถทำให้ชีวิตหนึ่งเติมเต็มและสมบูรณ์" ถือเป็นบันทึกเก่าแก่ที่สุดที่เกี่ยวกับชาของญี่ปุ่น ซึ่งได้เขียนอธิบายถึงสรรคุณ และวิธีที่จะดื่มชา
ซึ่ง เออิไซ ยังได้แนะนำให้ดื่มชาพร้อมบอกถึงประโยชน์ที่จะได้จากการดื่มชาให้กับชนชั้นนักรบ (ซามูไร) และโชกุน ซึ่งทำให้ในเวลาต่อมา ชาเขียว จึงเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยมุโระมาจิ (Muromachi) ประมาณปี ค.ศ. 1336-1568 เริ่มมีพิธีชงชาในแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่า Chanoyu และในยุคนี้การชงชาเริ่มมีการผสมผสานทางด้านความคิด จิตวิญญาณ และการสร้างสรรค์ศิลปะในแบบธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งการเลือกใช้ภาชนะ และพิธีชงชา วิธีเสิร์ฟชาเข้ามาอีกด้วย
โดยผู้ที่วางแผนในประเพณีชงชา ให้เป็นแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริงคือ Sen no Rikyu เซนโนะริคิว ปรมาจารย์แห่งชาที่เป็นที่เคารพและรู้จักของชาวญี่ปุ่น
ชาเขียวมีประโยชน์มากกว่าที่หลายคนเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น ช่วยกระตุ้นสมองให้สดชื่น ผ่อนคลายอารมณ์ ช่วยแก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับสารพิษตกค้าง ช่วยในการขับปัสสาวะ และประโยชน์อีกมากมาย โดยชาเขียว ที่เรารู้จักกัน (Green Tea) นั้นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ด้วยวิธีการผลิตแบบอบแห้ง ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการหมัก จึงทำให้ได้ชาเป็นสีเขียว
ขอขอบคุณข้อมูล
:
https://www.myjapanesegreentea.com/japanese-tea-days
:
https://www.justonecookbook.com/japanese-green-tea/
.
The Better Day
กำลังใจเติมให้กันได้ทุกวัน
#thebetterday
รู้ไหม 6 กุมภาพันธ์ วันแห่งชาเขียว Matcha No Hi
โดยในทุกวันที่ 6 กุมภาพันธ์ของทุกปี ญี่ปุ่นรณรงค์ให้เป็นวันดื่มชาเขียวกัน และเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของชาเขียวว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ดื่ม
ถ้าให้ย้อนกลับไป การค้นพบชานั้นเกิดขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ที่ประเทศจีน โดยเริ่มต้นที่มณฑลยูนนาน ตามบันทึกอารยธรรมมนุษย์ โดยพบว่ามีการต้มและดื่มครั้งแรก เกิดขึ้นมาจาก จักรพรรดิในตำนานของจีน เสินหนงสื่อ (神農 Shen Nong Shi) ผู้ที่ไดัรับสมญานามว่า เทพเจ้าแห่งการเกษตร และพืชสมุนไพร
"ชา" ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนเอง ประเทศอังกฤษ ตุรกี และอีกหลายประเทศ ล้วนมีชาและวัฒนธรรมในการดื่ม ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ส่วนประเทศญี่ปุ่น จะเรียกชาเขียวว่า เรียวคุชะ (Ryokucha , 緑茶) ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยเฮอัน "Heian" (เป็นยุคที่ญี่ปุ่นย้ายเมืองหลวงมายังเกียวโตในปีค.ศ.794 จน มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ "Minamoto no Yoritomo" ได้ก่อตั้งรัฐบาลทหารขึ้นในปีค.ศ.1192)
ในปี ค.ศ. 1191 พระนิกายเซน เออิไซ ผู้ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับชาไว้ว่า "ชาเป็นสุดยอดของยาและเวชภัณฑ์ซึ่งสามารถทำให้ชีวิตหนึ่งเติมเต็มและสมบูรณ์" ถือเป็นบันทึกเก่าแก่ที่สุดที่เกี่ยวกับชาของญี่ปุ่น ซึ่งได้เขียนอธิบายถึงสรรคุณ และวิธีที่จะดื่มชา
ซึ่ง เออิไซ ยังได้แนะนำให้ดื่มชาพร้อมบอกถึงประโยชน์ที่จะได้จากการดื่มชาให้กับชนชั้นนักรบ (ซามูไร) และโชกุน ซึ่งทำให้ในเวลาต่อมา ชาเขียว จึงเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยมุโระมาจิ (Muromachi) ประมาณปี ค.ศ. 1336-1568 เริ่มมีพิธีชงชาในแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่า Chanoyu และในยุคนี้การชงชาเริ่มมีการผสมผสานทางด้านความคิด จิตวิญญาณ และการสร้างสรรค์ศิลปะในแบบธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งการเลือกใช้ภาชนะ และพิธีชงชา วิธีเสิร์ฟชาเข้ามาอีกด้วย
โดยผู้ที่วางแผนในประเพณีชงชา ให้เป็นแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริงคือ Sen no Rikyu เซนโนะริคิว ปรมาจารย์แห่งชาที่เป็นที่เคารพและรู้จักของชาวญี่ปุ่น
ชาเขียวมีประโยชน์มากกว่าที่หลายคนเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น ช่วยกระตุ้นสมองให้สดชื่น ผ่อนคลายอารมณ์ ช่วยแก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับสารพิษตกค้าง ช่วยในการขับปัสสาวะ และประโยชน์อีกมากมาย โดยชาเขียว ที่เรารู้จักกัน (Green Tea) นั้นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ด้วยวิธีการผลิตแบบอบแห้ง ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการหมัก จึงทำให้ได้ชาเป็นสีเขียว
ขอขอบคุณข้อมูล
: https://www.myjapanesegreentea.com/japanese-tea-days
: https://www.justonecookbook.com/japanese-green-tea/
.
The Better Day
กำลังใจเติมให้กันได้ทุกวัน
#thebetterday