Tesla ยอมรับถึงการชะลอตัวของการเติบโตของยอดขายรถยนต์ในปีนี้ และรายงานอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่สี่ที่ลดลง เนื่องจากบริษัทลดราคาและเสนอสิ่งจูงใจเพื่อเพิ่มยอดขาย
“ในปี 2024 อัตราการเติบโตของปริมาณยานยนต์ของเราอาจต่ำกว่าอัตราการเติบโตที่เกิดขึ้นในปี 2023 อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากทีมงานเนื่องจากมุ่งโฟกัสไปที่การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่โรงงาน Gigafactory Texas”
บริษัทเปรียบเทียบสถานการณ์ตัวเองว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่าง "คลื่นแห่งการเติบโต" สองระลอก ระลอกแรกขับเคลื่อนด้วยรถรุ่น Model 3 และ Y ส่วนระลอกที่สองจะมาจากรถรุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มเจนเนอเรชั่นถัดไป โดย Tesla ไม่ยืนยันเป้าหมายการเติบโต 50% ต่อปีอีกต่อไป
หลังจากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งมานานหลายปี Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการชะลอตัวของการเติบโตและอัตรากำไร เนื่องจากความต้องการรถยนต์ EV อ่อนตัวลง และการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากคู่แข่ง รวมถึง BYD ซึ่งมีโมเดลรถยนต์ต่างๆ ที่มีราคาถูกกว่าและหลากหลายมากขึ้น
รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้ว่า Tesla ได้บอกกับซัพพลายเออร์ว่าต้องการเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดแมสรุ่นใหม่ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Redwood ในช่วงกลางปี 2025 ซึ่งน่าจะเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด
Tesla รายงานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.6% ในช่วงสามเดือนสิ้นสุดเดือนธันวาคม เทียบกับ 23.8% ในปีก่อนหน้า และประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 18.3% ในไตรมาสที่สาม Tesla ตอบในประเด็นนี้ว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและเครดิตของรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยลดต้นทุนต่อคันได้ แต่การผลิต Cybertruck และ AI และโครงการวิจัยอื่นๆ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
Tesla ลดราคาตลอดปีที่แล้ว โดยลดราคา Model Y ซึ่งเป็นรถยอดนิยมที่สุดในสหรัฐอเมริกาลงได้มากถึง 26.5% ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ได้ 1.8 ล้านคันในปี 2566 แม้ว่า Musk เตือนถึงความต้องการจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงก็ตาม อย่างไรก็ตาม Tesla สูญเสียตำแหน่งเป็นผู้ผลิต EV อันดับต้นๆ จากการขายให้กับ BYD ของจีนในไตรมาสที่สี่
รายรับในไตรมาสที่สี่ของ Tesla เพิ่มขึ้น 3% เป็น 25.17 พันล้านดอลลาร์ งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบกว่าสามปี และมีกำไรต่อหุ้น 71 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสที่ 4 พลาดประมาณการของนักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยที่ 74 เซนต์
ราคาหุ้น Tesla ร่วงลง 2.4% หลังปิดตลาดและตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาหุ้นร่วงลงมาแล้ว 16% จากที่เติบโตเท่าตัวในปีที่ผ่านมา
Tesla รายงานงบไตรมาสสี่พลาดเป้า ยอมรับปีนี้ยังโตน้อยลง ไม่ยืนยันเป้าหมายการเติบโต 50% ต่อปี
บริษัทเปรียบเทียบสถานการณ์ตัวเองว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่าง "คลื่นแห่งการเติบโต" สองระลอก ระลอกแรกขับเคลื่อนด้วยรถรุ่น Model 3 และ Y ส่วนระลอกที่สองจะมาจากรถรุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มเจนเนอเรชั่นถัดไป โดย Tesla ไม่ยืนยันเป้าหมายการเติบโต 50% ต่อปีอีกต่อไป
หลังจากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งมานานหลายปี Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการชะลอตัวของการเติบโตและอัตรากำไร เนื่องจากความต้องการรถยนต์ EV อ่อนตัวลง และการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากคู่แข่ง รวมถึง BYD ซึ่งมีโมเดลรถยนต์ต่างๆ ที่มีราคาถูกกว่าและหลากหลายมากขึ้น
รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้ว่า Tesla ได้บอกกับซัพพลายเออร์ว่าต้องการเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดแมสรุ่นใหม่ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Redwood ในช่วงกลางปี 2025 ซึ่งน่าจะเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด
Tesla รายงานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.6% ในช่วงสามเดือนสิ้นสุดเดือนธันวาคม เทียบกับ 23.8% ในปีก่อนหน้า และประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 18.3% ในไตรมาสที่สาม Tesla ตอบในประเด็นนี้ว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและเครดิตของรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยลดต้นทุนต่อคันได้ แต่การผลิต Cybertruck และ AI และโครงการวิจัยอื่นๆ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
Tesla ลดราคาตลอดปีที่แล้ว โดยลดราคา Model Y ซึ่งเป็นรถยอดนิยมที่สุดในสหรัฐอเมริกาลงได้มากถึง 26.5% ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ได้ 1.8 ล้านคันในปี 2566 แม้ว่า Musk เตือนถึงความต้องการจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงก็ตาม อย่างไรก็ตาม Tesla สูญเสียตำแหน่งเป็นผู้ผลิต EV อันดับต้นๆ จากการขายให้กับ BYD ของจีนในไตรมาสที่สี่
รายรับในไตรมาสที่สี่ของ Tesla เพิ่มขึ้น 3% เป็น 25.17 พันล้านดอลลาร์ งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบกว่าสามปี และมีกำไรต่อหุ้น 71 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสที่ 4 พลาดประมาณการของนักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยที่ 74 เซนต์
ราคาหุ้น Tesla ร่วงลง 2.4% หลังปิดตลาดและตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาหุ้นร่วงลงมาแล้ว 16% จากที่เติบโตเท่าตัวในปีที่ผ่านมา