นายกฯใหม่ช่วยด่วน ชาวนาทุกข์ ข้าวยืนต้นตาย เร่งแก้ขาดน้ำ สางค่าปุ๋ย-ยาพุ่งสูง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7832846
พิจิตร ชาวนาทุกข์ ปล่อยตามยถากรรม ข้าวยืนต้นตาย ขาดน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด เหตุฝนทิ้งช่วง วอน นายกฯเศรษฐา เร่งแก้ปัญหา สางค่าปุ๋ยค่ายา ปัจจุบันขยับเพิ่มขึ้นรายวัน
25 ส.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เข้าสู่ฤดูฝน แต่ฝนที่หยุดตกต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ต้นข้าวนาปรัง อายุ 1 เดือนเศษ ที่มีสภาพแห้งเหี่ยวขาดน้ำ ชาวนา พื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ต้นข้าวนากำลังขาดแคลนน้ำ และกำลังยืนต้นตาย จำนวนกว่า 10 ไร่
หลังจากที่ชาวนา เริ่มทำการเพาะปลูก ช่วงฤดูฝน พบปัญหา ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงต้นข้าว ชาวนาจึงจำเป็นต้องปล่อยทิ้งนาข้าวบางส่วนบนแปลงนาให้แห้งเหี่ยวตายไปกับความแห้งแล้ง เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน และ ฝนที่หยุดตกทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ไม่มีแหล่งน้ำใต้ดิน จึงต้องปล่อยต้นข้าวทิ้งให้ขาดน้ำแห้งตาย
นางสาว
สอนศิริ แอ่นดอย เกษตรกรตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า นาข้าวเป็นของเพื่อเกษตรกรที่ทำนาใกล้กัน หลังจากฝนไม่ตกทำให้ต้นขาวนาปรัง ยืนต้นตายแห้งเหี่ยว และ ต้องปล่อยทิ้งเป็นบางส่วน เหลือเพียงต้นข้าวนาปี ที่กำลังรอน้ำจากน้ำฝนมาช่วยในความชุ่มชื้น ซึ่งปกติในช่วงนี้ น้ำจะอุดมสมบูรณ์ แต่ในปีนี้ กลับไม่มีฝน จึงทำให้นาข้าว ได้รับผลกระทบจากขาดน้ำ
นางสาว
สอนศิริ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังประสบปัญหากับราคาผลผลิตตกต่ำ ดังนั้นเมื่อได้ นายเศรษฐา ทวีสิน นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงอยากฝากถึง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องของราคาข้าว เพื่อไม่ให้ราคาของผลผลิตตกต่ำเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ก็อยากจะให้เข้ามาช่วยควบคุมเรื่องของราคาปุ๋ย ยา ต่างๆ เพราะปัจจุบันยังมีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหากรัฐบาลไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะส่งผลทำให้ต้นทุนในการทำนาแพงขึ้น โดยการทำนาในแต่ละครั้งมีต้นทุนเกือบ 6,000 บาท ต่อไร่ และข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ขายได้ราคา 6,000-7,000 บาท ชาวนาจะไปเหลืออะไร ถึงแม้ปัจจุบันราคาข้าวจะมีการขยับตัวขึ้นมาอยู่ที่เกวียนละ 12,000 บาท แต่คาดว่า จะขึ้นได้ไม่นานแล้วก็ลงอย่างไรก็ขอให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 9,000 หรือ 10,000 บาท
สำหรับพื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ชาวนาต่างเริ่มการเพาะปลูก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีปริมาณฝนตกลงมา แต่หลังเพาะปลูก ปริมาณน้ำจากน้ำฝนไม่เพียงพอ ชาวนาที่ไม่มีแหล่งน้ำใต้ดิน จำเป็นต้องปล่อยต้นข้าวให้ยืนต้นตายดีกว่าเสี่ยงการหาแหล่งน้ำ ซึ่งจะไม่คุ้มการลงทุนสำหรับการทำนาครั้งนี้
อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ถือแผงลอตเตอรี่ ล่าชื่อเสนอ ‘เขียน รธน.ใหม่’ หวังเกิดการเปลี่ยนแปลง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4146594
อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ถือแผงลอตเตอรี่ ล่าชื่อเสนอ ‘เขียน รธน.ใหม่’ หวังเกิดการเปลี่ยนแปลง
สืบเนื่อง กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ จัดแคมเปญ “
เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” #conforall ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รณรงค์ที่ขับเคลื่อนโดยหลายกลุ่ม องค์กร อาทิ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ (iLaw), คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ตั้งเป้าหมายเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อให้ครบ 50,000 ชื่อ เพื่อเสนอคำถามสำหรับการทำประชามติต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่นั้น
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาสารคาม นาย
ธีระวัฒน์ พรรณะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ลงพื้นที่พร้อมกับแผงลอตเตอรี่ แต่ด้านในเป็นแบบฟอร์มลงลายมือชื่อของผู้ที่เห็นด้วย กับการเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 เพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
นาย
ธีระวัฒน์ ได้เดินลงพื้นที่ พร้อมกับกล่าว่าถึงกรณีการได้มาซึ่ง ส.ว. ใน รัฐธรรมนูญปี 60 รวมถึงสาเหตุที่มีการล่ารายชื่อในครั้งนี้ ว่าทำไมต้องเขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100% โดยมีนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มรภ.สารคาม และคณะใกล้เคียง มาร่วมลงชื่อเป็นจำนวนมาก
นาย
ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ล่ารายชื่อได้ดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ตนและทีมงานได้ไปลงพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตขามเรียง อ.กันทรวิชัย และในวันนี้ได้ลงพื้นที่ที่ มรภ.มหาสารคาม ซึ่งมีน้อง ๆ นักศึกษามาร่วมลงรายชื่อเป็นจำนวนมาก ในส่วนของตนเองคาดว่าจะได้ประมาณ 350 คน ก่อนที่จะส่งไปร่วมกับทางส่วนกลาง
“
จากการประสานงานมาได้รับทราบข่าวว่า ทาง กกต. ไม่รับรายชื่อทางออนไลน์ จึงจำเป็นต้องลงพื้นที่ในการหารายชื่อ ขอรายชื่อพี่น้องประชาชนแบบนี้ หากเรารวบรวมรายชื่อตามที่ พ.ร.บ. กกต.ออกมาใหม่ ก็คาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้ง สสร. ให้ผู้มีสิทธิร่างรัฐธรรมนูญ มาจากประชาชน 100% ล่าสุด มีจำนวนรายชื่อของประชาชนที่ร่วมลงชื่อกับตนและเครือข่ายรวมแล้วประมาณ 1,200 คน” นาย
ธีระวัฒน์ กล่าว
ด้าน นางสาว
จิราภา ใจเอื้อ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มรภ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น สสร. หรือ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 การได้เซ็นชื่อแบบตัวต่อตัวแบบนี้ ดีกว่าการรวบรวมเอกสารเซ็นชื่อ แล้วเอาไปส่ง การล่ารายชื่อแสดงให้ถึงความเห็นว่าประชาชนได้มีส่วนร่วม ซึ่งในส่วนของการเปลี่ยนแปลง แบบเดิมก็มีส่วนที่ดี แต่บางอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดีขึ้น สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในการร่าง รธน. การได้มาซึ่ง ส.ส. หรือ ส.ว. จะต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะว่าสุดท้ายแล้วต้องมีการฟังเสียงของประชาชนมากที่สุด เพราะว่าทุกอย่างคือเงินภาษีของประชาชน
กลุ่มเกษตรกร บี้ “เพื่อไทย” อย่าปล่อยเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ถ้าให้พรรคอื่น เตรียมตัดขาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4146803
กลุ่มเกษตรกร ยื่นหนังสือบี้ “เพื่อไทย” อย่าปล่อยเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ลั่น ให้พรรคอื่นนั่ง เตรียมตัดขาด ด้าน “สมศักดิ์” ย้ำ “โผครม.” ยังไม่นิ่ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร กลุ่ม “พวกเราชาวหมู” หรือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ได้เดินทางมาเพื่อสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนาย
สมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และนาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายเกษตร พรรค พท. เป็นผู้ลงมารับหนังสือ
โดยตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องเกษตรเข้ามาสั่งการ และสานต่อการทำงานเก่า ที่มีปัญหาในเรื่องการทุจริต ปัญหาหมูเถื่อน ประมง วัวเนื้อ ชาวนา และปัญหาอื่นๆ นั้น จะทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เราจึงต้องการให้พรรคเพื่อไทยมาดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากทางกลุ่มเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่หาเสียงเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร และเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
“
หากพรรคเพื่อไทยไม่ดูแล พวกเราเกษตรกรและพรรคเพื่อไทยก็ขาดกัน ไม่สนับสนุนกันอีกต่อไป” ตัวแทนกลุ่ม “
พวกเราชาวหมู” กล่าว
ด้านนาย
สมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาหมูเถื่อน ทำให้ราคาหมูตกต่ำ จึงต้องเร่งแก้ไขและประสานเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งตนจะนำหนังสือนี้ไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อให้รับทราบ และจะนำปัญหาสะท้อนไปถึงผู้บริหารประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครจะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นาย
สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขณะนี้ยังไม่จบ และยังไม่มีรายละเอียด คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ ต้องรอการแถลงของนายกรัฐมนตรีที่จะแจ้งให้ทราบว่าใครเป็นใคร
เมื่อถามว่า ดีลในบางตำแหน่งยังไม่ลงตัวใช่หรือไม่ นาย
สมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามที่สื่อนำเสนอ เพราะสื่อมวลชนรู้ดี บางอย่างตรงไม่ตรงก็ไม่รู้ แต่ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ จึงเห็นได้ว่ายังไม่นิ่ง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มึชื่อของตนปรากฏว่าจะทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ตนเองก็ไม่ทราบ และไม่รู้ว่าใครเอามาเขียน
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของพรรค พท. ว่าจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ นาย
สมศักดิ์ กล่าวว่า ถามตนไม่ได้หรอก เพราะเป็นเรื่องที่อยู่สูงกว่าที่เราคิด เป็นเรื่องของผู้บริหาร
เมื่อถามว่า นโยบายหลายอย่างของพรรค พท. มีเรื่องการเกษตรกรอยู่ด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงควรอยู่กับพรรค พท.หรือไม่ นาย
สมศักดิ์ กล่าวว่า ก็พิจารณากัน
ด้านนายนาย
วิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะกังวลถึงการเลือกตั้งในรอบหน้าหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มผู้สนับสนุนระบุว่า จะตัดขาดกับพรรค พท. นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรากังวลใจเรื่องของเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งมีตั้งแต่สมาคมประมง วัวเนื้อ กลุ่มเกษตรกรชาวนา กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร กลุ่มปลูกอ้อย และอีกสารพัด ซึ่งคนเหล่านี้พยายามจะแจ้งเข้ามา เพื่อให้ดูแลพวกเขา เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้มาก ว่าจะดูแลชาวเกษตรกรรากหญ้าทั่วประเทศ หวังว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนก็ไม่ทราบกับทางผู้บริหาร เพราะไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่เกษตรกรก็โทรเข้ามาจนรับสายไม่ไหว ซึ่งเขาก็ขู่ว่าถ้าไม่ดูแล จะไม่เลือก ซึ่งตนขอให้ใจเย็นไว้ก่อน เพราะตนจะนำเรื่องไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
เมื่อถามยํ้าว่า หากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะชี้แจงให้ประชาชนสามารถเชื่อใจได้หรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องลำบากที่จะชี้แจง เพราะก็รัว่ามีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและเกษตรกรทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่จะชี้แจงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ต้องรอฟัง
เมื่อถามว่า หากผู้สนับสนุนกล่าวเช่นนี้แล้ว จะทำให้ทีมเจรจาของพรรค พท.กับพรรคร่วมลำบากหรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ต้องบอกตามข้อเท็จจริง เราก็ต้องฟังผู้สนับสนุนของเราด้วย ไม่ใช่ฟังแต่ผู้เจรจาเพียงอย่างเดียว ต้องให้ผู้เจรจาทราบว่าพี่น้องประชาชนต้องการอย่างนี้ เพราะเรามาจากประชาชน แต่การตัดสินใจก็เป็นเรื่องของพรรค
JJNY : ชาวนาทุกข์ ข้าวยืนต้นตาย│ล่าชื่อเสนอ ‘เขียน รธน.ใหม่’│กลุ่มเกษตรกรบี้ “เพื่อไทย”│พบโควิด BA.2.86 ในปท.ใหม่เพิ่ม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7832846
พิจิตร ชาวนาทุกข์ ปล่อยตามยถากรรม ข้าวยืนต้นตาย ขาดน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด เหตุฝนทิ้งช่วง วอน นายกฯเศรษฐา เร่งแก้ปัญหา สางค่าปุ๋ยค่ายา ปัจจุบันขยับเพิ่มขึ้นรายวัน
25 ส.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เข้าสู่ฤดูฝน แต่ฝนที่หยุดตกต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ต้นข้าวนาปรัง อายุ 1 เดือนเศษ ที่มีสภาพแห้งเหี่ยวขาดน้ำ ชาวนา พื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ต้นข้าวนากำลังขาดแคลนน้ำ และกำลังยืนต้นตาย จำนวนกว่า 10 ไร่
หลังจากที่ชาวนา เริ่มทำการเพาะปลูก ช่วงฤดูฝน พบปัญหา ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงต้นข้าว ชาวนาจึงจำเป็นต้องปล่อยทิ้งนาข้าวบางส่วนบนแปลงนาให้แห้งเหี่ยวตายไปกับความแห้งแล้ง เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน และ ฝนที่หยุดตกทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ไม่มีแหล่งน้ำใต้ดิน จึงต้องปล่อยต้นข้าวทิ้งให้ขาดน้ำแห้งตาย
นางสาวสอนศิริ แอ่นดอย เกษตรกรตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า นาข้าวเป็นของเพื่อเกษตรกรที่ทำนาใกล้กัน หลังจากฝนไม่ตกทำให้ต้นขาวนาปรัง ยืนต้นตายแห้งเหี่ยว และ ต้องปล่อยทิ้งเป็นบางส่วน เหลือเพียงต้นข้าวนาปี ที่กำลังรอน้ำจากน้ำฝนมาช่วยในความชุ่มชื้น ซึ่งปกติในช่วงนี้ น้ำจะอุดมสมบูรณ์ แต่ในปีนี้ กลับไม่มีฝน จึงทำให้นาข้าว ได้รับผลกระทบจากขาดน้ำ
นางสาวสอนศิริ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังประสบปัญหากับราคาผลผลิตตกต่ำ ดังนั้นเมื่อได้ นายเศรษฐา ทวีสิน นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงอยากฝากถึง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องของราคาข้าว เพื่อไม่ให้ราคาของผลผลิตตกต่ำเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ก็อยากจะให้เข้ามาช่วยควบคุมเรื่องของราคาปุ๋ย ยา ต่างๆ เพราะปัจจุบันยังมีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหากรัฐบาลไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะส่งผลทำให้ต้นทุนในการทำนาแพงขึ้น โดยการทำนาในแต่ละครั้งมีต้นทุนเกือบ 6,000 บาท ต่อไร่ และข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ขายได้ราคา 6,000-7,000 บาท ชาวนาจะไปเหลืออะไร ถึงแม้ปัจจุบันราคาข้าวจะมีการขยับตัวขึ้นมาอยู่ที่เกวียนละ 12,000 บาท แต่คาดว่า จะขึ้นได้ไม่นานแล้วก็ลงอย่างไรก็ขอให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 9,000 หรือ 10,000 บาท
สำหรับพื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ชาวนาต่างเริ่มการเพาะปลูก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีปริมาณฝนตกลงมา แต่หลังเพาะปลูก ปริมาณน้ำจากน้ำฝนไม่เพียงพอ ชาวนาที่ไม่มีแหล่งน้ำใต้ดิน จำเป็นต้องปล่อยต้นข้าวให้ยืนต้นตายดีกว่าเสี่ยงการหาแหล่งน้ำ ซึ่งจะไม่คุ้มการลงทุนสำหรับการทำนาครั้งนี้
อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ถือแผงลอตเตอรี่ ล่าชื่อเสนอ ‘เขียน รธน.ใหม่’ หวังเกิดการเปลี่ยนแปลง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4146594
อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ถือแผงลอตเตอรี่ ล่าชื่อเสนอ ‘เขียน รธน.ใหม่’ หวังเกิดการเปลี่ยนแปลง
สืบเนื่อง กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ จัดแคมเปญ “เขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100%” #conforall ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รณรงค์ที่ขับเคลื่อนโดยหลายกลุ่ม องค์กร อาทิ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ (iLaw), คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ตั้งเป้าหมายเชิญชวนประชาชนเข้าชื่อให้ครบ 50,000 ชื่อ เพื่อเสนอคำถามสำหรับการทำประชามติต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่นั้น
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาสารคาม นายธีระวัฒน์ พรรณะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ลงพื้นที่พร้อมกับแผงลอตเตอรี่ แต่ด้านในเป็นแบบฟอร์มลงลายมือชื่อของผู้ที่เห็นด้วย กับการเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 เพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
นายธีระวัฒน์ ได้เดินลงพื้นที่ พร้อมกับกล่าว่าถึงกรณีการได้มาซึ่ง ส.ว. ใน รัฐธรรมนูญปี 60 รวมถึงสาเหตุที่มีการล่ารายชื่อในครั้งนี้ ว่าทำไมต้องเขียนใหม่ทั้งฉบับ เลือกตั้ง 100% โดยมีนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มรภ.สารคาม และคณะใกล้เคียง มาร่วมลงชื่อเป็นจำนวนมาก
นายธีระวัฒน์ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ล่ารายชื่อได้ดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ตนและทีมงานได้ไปลงพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตขามเรียง อ.กันทรวิชัย และในวันนี้ได้ลงพื้นที่ที่ มรภ.มหาสารคาม ซึ่งมีน้อง ๆ นักศึกษามาร่วมลงรายชื่อเป็นจำนวนมาก ในส่วนของตนเองคาดว่าจะได้ประมาณ 350 คน ก่อนที่จะส่งไปร่วมกับทางส่วนกลาง
“จากการประสานงานมาได้รับทราบข่าวว่า ทาง กกต. ไม่รับรายชื่อทางออนไลน์ จึงจำเป็นต้องลงพื้นที่ในการหารายชื่อ ขอรายชื่อพี่น้องประชาชนแบบนี้ หากเรารวบรวมรายชื่อตามที่ พ.ร.บ. กกต.ออกมาใหม่ ก็คาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้ง สสร. ให้ผู้มีสิทธิร่างรัฐธรรมนูญ มาจากประชาชน 100% ล่าสุด มีจำนวนรายชื่อของประชาชนที่ร่วมลงชื่อกับตนและเครือข่ายรวมแล้วประมาณ 1,200 คน” นายธีระวัฒน์ กล่าว
ด้าน นางสาวจิราภา ใจเอื้อ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มรภ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น สสร. หรือ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 การได้เซ็นชื่อแบบตัวต่อตัวแบบนี้ ดีกว่าการรวบรวมเอกสารเซ็นชื่อ แล้วเอาไปส่ง การล่ารายชื่อแสดงให้ถึงความเห็นว่าประชาชนได้มีส่วนร่วม ซึ่งในส่วนของการเปลี่ยนแปลง แบบเดิมก็มีส่วนที่ดี แต่บางอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดีขึ้น สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในการร่าง รธน. การได้มาซึ่ง ส.ส. หรือ ส.ว. จะต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะว่าสุดท้ายแล้วต้องมีการฟังเสียงของประชาชนมากที่สุด เพราะว่าทุกอย่างคือเงินภาษีของประชาชน
กลุ่มเกษตรกร บี้ “เพื่อไทย” อย่าปล่อยเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ถ้าให้พรรคอื่น เตรียมตัดขาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4146803
กลุ่มเกษตรกร ยื่นหนังสือบี้ “เพื่อไทย” อย่าปล่อยเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ลั่น ให้พรรคอื่นนั่ง เตรียมตัดขาด ด้าน “สมศักดิ์” ย้ำ “โผครม.” ยังไม่นิ่ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร กลุ่ม “พวกเราชาวหมู” หรือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ได้เดินทางมาเพื่อสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายเกษตร พรรค พท. เป็นผู้ลงมารับหนังสือ
โดยตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องเกษตรเข้ามาสั่งการ และสานต่อการทำงานเก่า ที่มีปัญหาในเรื่องการทุจริต ปัญหาหมูเถื่อน ประมง วัวเนื้อ ชาวนา และปัญหาอื่นๆ นั้น จะทำให้เกษตรกรไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เราจึงต้องการให้พรรคเพื่อไทยมาดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากทางกลุ่มเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่หาเสียงเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร และเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
“หากพรรคเพื่อไทยไม่ดูแล พวกเราเกษตรกรและพรรคเพื่อไทยก็ขาดกัน ไม่สนับสนุนกันอีกต่อไป” ตัวแทนกลุ่ม “พวกเราชาวหมู” กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาหมูเถื่อน ทำให้ราคาหมูตกต่ำ จึงต้องเร่งแก้ไขและประสานเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งตนจะนำหนังสือนี้ไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อให้รับทราบ และจะนำปัญหาสะท้อนไปถึงผู้บริหารประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครจะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขณะนี้ยังไม่จบ และยังไม่มีรายละเอียด คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ ต้องรอการแถลงของนายกรัฐมนตรีที่จะแจ้งให้ทราบว่าใครเป็นใคร
เมื่อถามว่า ดีลในบางตำแหน่งยังไม่ลงตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามที่สื่อนำเสนอ เพราะสื่อมวลชนรู้ดี บางอย่างตรงไม่ตรงก็ไม่รู้ แต่ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ จึงเห็นได้ว่ายังไม่นิ่ง ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มึชื่อของตนปรากฏว่าจะทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ตนเองก็ไม่ทราบ และไม่รู้ว่าใครเอามาเขียน
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของพรรค พท. ว่าจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถามตนไม่ได้หรอก เพราะเป็นเรื่องที่อยู่สูงกว่าที่เราคิด เป็นเรื่องของผู้บริหาร
เมื่อถามว่า นโยบายหลายอย่างของพรรค พท. มีเรื่องการเกษตรกรอยู่ด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงควรอยู่กับพรรค พท.หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็พิจารณากัน
ด้านนายนายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะกังวลถึงการเลือกตั้งในรอบหน้าหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มผู้สนับสนุนระบุว่า จะตัดขาดกับพรรค พท. นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เรากังวลใจเรื่องของเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งมีตั้งแต่สมาคมประมง วัวเนื้อ กลุ่มเกษตรกรชาวนา กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร กลุ่มปลูกอ้อย และอีกสารพัด ซึ่งคนเหล่านี้พยายามจะแจ้งเข้ามา เพื่อให้ดูแลพวกเขา เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้มาก ว่าจะดูแลชาวเกษตรกรรากหญ้าทั่วประเทศ หวังว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนก็ไม่ทราบกับทางผู้บริหาร เพราะไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่เกษตรกรก็โทรเข้ามาจนรับสายไม่ไหว ซึ่งเขาก็ขู่ว่าถ้าไม่ดูแล จะไม่เลือก ซึ่งตนขอให้ใจเย็นไว้ก่อน เพราะตนจะนำเรื่องไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
เมื่อถามยํ้าว่า หากพรรค พท.ไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะชี้แจงให้ประชาชนสามารถเชื่อใจได้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องลำบากที่จะชี้แจง เพราะก็รัว่ามีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและเกษตรกรทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่จะชี้แจงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ต้องรอฟัง
เมื่อถามว่า หากผู้สนับสนุนกล่าวเช่นนี้แล้ว จะทำให้ทีมเจรจาของพรรค พท.กับพรรคร่วมลำบากหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ต้องบอกตามข้อเท็จจริง เราก็ต้องฟังผู้สนับสนุนของเราด้วย ไม่ใช่ฟังแต่ผู้เจรจาเพียงอย่างเดียว ต้องให้ผู้เจรจาทราบว่าพี่น้องประชาชนต้องการอย่างนี้ เพราะเรามาจากประชาชน แต่การตัดสินใจก็เป็นเรื่องของพรรค