การเสียชีวิตของนักแสดงชื่อดัง แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ที่รู้จักกันดีในบทบาทของ Black Panther ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ในวัยเพียง 43 ปีได้สร้างความตระหนักรู้มากขึ้นถึงความเสี่ยงของโรคในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี
เป็นความเชื่อผิดๆที่ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น ในความเป็นจริงอัตราผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักลดลงในกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่กลับพบในกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อต้นปี 2566 สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS) รายงานว่าในปี 2562 ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์มีอายุต่ำกว่า 55 ปี ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากปี 2538 และยังมีอัตราการพบโรคในระยะลุกลามในกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ทุกๆปี นอกจากนี้อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 50 ปีตั้งแต่ปี 2547 ยังเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ทุก ๆ ปี
แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีหลักฐานว่าประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศแถบยุโรปและเอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ยังมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในกลุ่มคนอายุน้อยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2538
ทำไมคนอายุน้อยจึงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมากขึ้น
ยังไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมอัตราการเกิดโรคจึงเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคมีดังนี้
📌 น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
📌 การใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย
📌 การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
📌 กินอาหารที่มีกากใยน้อย อาหารที่มีไขมันสูงและอาหารจำพวกแปรรูป
📌 ปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น สารเคมีในสภาพแวดล้อม
📌 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ประมาณว่ามีเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยอายุน้อยเท่านั้นที่โรคเกิดจากพันธุกรรม
📌 มีประวัติเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้ลำไส้อักเสบ เช่น โรคโครห์น โรคเบาหวาน โรคลำไส้แปรปรวน
จะสังเกตอาการได้อย่างไร
ให้หมั่นสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเองและมาพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการดังนี้
📌 มีเลือดออกจากทวารหนักหรือมีเลือดในอุจจาระหรือในโถส้วมหลังจากถ่ายอุจจาระ
📌 อุจจาระมีสีคล้ำมากหรือสีดำ
📌 อุจจาระมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น เรียวยาวกว่าปกติหรือเป็นเม็ดๆ
📌 ท้องเสียหรือท้องผูก โดยเฉพาะเมื่อมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์
📌 รู้สึกอ่อนเพลียหรืออ่อนแรง
📌 น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ป้องกันได้อย่างไร
ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น เลิกบุหรี่ ผู้ชายดื่มไม่เกิน 2 ดื่มต่อวันและผู้หญิงดื่มไม่เกิน 1 ดื่มต่อวัน ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก กินอาหารที่มีกากใยอย่างเพียงพอ
ในผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป การตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) เพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้และคัดกรองติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่สามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่น้อยลงมาจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ตามคำแนะนำของแพทย์นั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรคน่ากังวลของคนวัยต่ำกว่า 50 ปี ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/march-2023/colorectal-cancer-under-age-50
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรคน่ากังวลของคนวัยต่ำกว่า 50 ปี
เป็นความเชื่อผิดๆที่ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น ในความเป็นจริงอัตราผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักลดลงในกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่กลับพบในกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อต้นปี 2566 สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS) รายงานว่าในปี 2562 ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์มีอายุต่ำกว่า 55 ปี ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากปี 2538 และยังมีอัตราการพบโรคในระยะลุกลามในกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ทุกๆปี นอกจากนี้อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 50 ปีตั้งแต่ปี 2547 ยังเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ทุก ๆ ปี
แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีหลักฐานว่าประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศแถบยุโรปและเอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ยังมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในกลุ่มคนอายุน้อยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2538
ทำไมคนอายุน้อยจึงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมากขึ้น
ยังไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมอัตราการเกิดโรคจึงเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคมีดังนี้
📌 น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
📌 การใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย
📌 การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
📌 กินอาหารที่มีกากใยน้อย อาหารที่มีไขมันสูงและอาหารจำพวกแปรรูป
📌 ปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น สารเคมีในสภาพแวดล้อม
📌 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ประมาณว่ามีเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยอายุน้อยเท่านั้นที่โรคเกิดจากพันธุกรรม
📌 มีประวัติเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้ลำไส้อักเสบ เช่น โรคโครห์น โรคเบาหวาน โรคลำไส้แปรปรวน
จะสังเกตอาการได้อย่างไร
ให้หมั่นสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเองและมาพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการดังนี้
📌 มีเลือดออกจากทวารหนักหรือมีเลือดในอุจจาระหรือในโถส้วมหลังจากถ่ายอุจจาระ
📌 อุจจาระมีสีคล้ำมากหรือสีดำ
📌 อุจจาระมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น เรียวยาวกว่าปกติหรือเป็นเม็ดๆ
📌 ท้องเสียหรือท้องผูก โดยเฉพาะเมื่อมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์
📌 รู้สึกอ่อนเพลียหรืออ่อนแรง
📌 น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ป้องกันได้อย่างไร
ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น เลิกบุหรี่ ผู้ชายดื่มไม่เกิน 2 ดื่มต่อวันและผู้หญิงดื่มไม่เกิน 1 ดื่มต่อวัน ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก กินอาหารที่มีกากใยอย่างเพียงพอ
ในผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป การตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) เพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้และคัดกรองติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่สามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่น้อยลงมาจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ตามคำแนะนำของแพทย์นั่นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้