ชีวิตคนอเมริกันเขามีอะไรให้กดดันเยอะแยะหรอ

-เรื่องการเรียน การทำงานไม่ได้เครียด แข่งขันเยอะเท่าฝั่งเอเชีย
-ปัญหาครอบครัว - ดูแล้วชีวิตอิสระกว่า ฝั่งเอเชีย ไม่ต้องถูกคาดหวังให้เป็นอะไรหรือเรียนอะไรก็ได้
-งาน part time เยอะแยะ ค่าแรงสูง ถ้าตกงานก็มี pension มี food stamp
-เสรีภาพ เสมอภาคเยอะกว่า ไม่มีระบบอาวุโสหรือเจ้าขุนมูลนาย สังคมมีความเป็นปัจเจกมากกว่า ไม่มีผู้มีอิทธิพล
เหมือนท้องถิ่นบ้านเรา

แต่มีคดีกราดยิงบ่อยๆ คนเขามีเรื่องอะไรให้เครียดกัน แล้วส่วนมากเป็นคนขาว เกี่ยวไหมว่าสังคมคนขาวเครียดกว่าคนดำหรือฮิสแปนิค
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่ใช่คนอเมริกันโดยกำเนิด แต่อยู่อเมริกา พอจะเล่าได้บ้างว่า ชีวิตคนอเมริกันกดดันเรื่องอะไรบ้าง ตามที่คุณกล่าวมา เราคิดว่าถูกบางจุด แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ เช่น ตกงานยังมี food stamp ยังมีunemployment เงินคนตกงาน นั้น มันไม่ถูกทีเดียว คุณจะได้ food stamp หรือเงินคนตกงาน คุณต้องทำเรื่องขอ ต้องไปหาเจ้าหน้าที่รัฐ รอเขาอนุมัติ ที่รัฐอื่นเราไม่รู้ แต่ที่รัฐเราคือให้น้อยมาก พอแค่ประทังชีวิต อย่างตอนสามีเราตกงาน รายได้บ้านเราหายไป 70% แต่เราไม่สามารถขอfood stamp ได้ เพราะเราไม่จนพอ คือ เรายังทำงาน ยังมีรายได้ เลยไม่ผ่านเกณฑ์ ขอลดค่าอาหารที่โรงเรียนลูกก็ไม่ได้ จนไม่พอ ต้องจ่ายเต็มราคา เงินคนตกงานนั้น รัฐเราให้น้อยมาก เรียกว่าพออยู่คนเดียว เกือบไม่รอด สามีเราได้ขั้นเต็มที่ของรัฐเรา เท่ากับหนึ่งในหกของเงินเดือนที่ได้ และให้แค่หนึ่งปี เกินกว่านั้นไม่ได้ ตอนขอ unemployment ถ้าถูกไล่ออกจากงานเพราะบกพร่องในหน้าที่ ก็จะขอไม่ได้ รัฐไม่ให้ เขาโทรเช็คกับเจ้านายเก่า ถ้าคุณจะขอได้เยอะคงต้องอยู่รัฐอื่นมั้ง รัฐเราไม่ใช่เลย

เมื่อตกงาน ประกันสุขภาพจะไม่มี เพราะปกติที่ทำงานจะช่วยจ่าย เขามีจดหมายมาบอกว่าจ่ายเองได้นะ ราคาเท่านี้ คือเดือนละ 1,800 เหรียญ ส่วนประกันรัฐให้คนจน เราจนไม่พอเช่นเดิม อนึ่งถ้าจ่าย 1,800 เหรียญประกัน ครอบครัวเราคงไม่มีกินในขณะเดียวกันก็ขอความช่วยเหลือด้านอาหารจากรัฐไม่ได้ เงินตกงานสามียังไม่พอจ่ายประกันเลย ถ้าไม่มีประกัน ลูกๆอาจจะขอจากรัฐได้ แต่คงต้องจ่ายบางส่วน เพราะเราไม่จนในความหมายรัฐ แต่ไม่มีให้พ่อแม่ อย่างเราต้องกินยาความดัน ถ้ามีอินชัวรัน จ่ายเดือนละ 5 เหรียญค่ายา พอไม่มีอินชัวรันต้องจ่าย 70 เหรียญต่อเดือน นี่แค่ความดัน ถ้าเป็นเบาหวาน มีออนชัวรันจ่ายค่ายา 35 เหรียญ ไม่มีต้องจ่าย 250 เหรียญ สมมุติว่าเราดันเป็นไส้ติ่ง ค่าผ่าตัดแบบไม่มีประกันคือ 9,000 เหรียญ ถามว่าจะเอาที่ไหนจ่าย? ถ้าไม่จ่ายคือต้องรอใกล้เสียชีวิต โรงพยาบาลถึงจะรีบรักษาให้ ปีก่อนเข้าโรงพยาบาล มีอาการแพ้ยา เสียบยาเข้าเส้นเลือดสักพัก เจ้าหน้าที่มาขอเก็บเงินก่อน 250 เหรียญ ไม่รู้ถ้าไม่จ่ายเขาจะรักษาให้ไหม นี่มีอินชัวรันนะ


ค่าเช่าบ้านราคาแพง แพงมากกว่าค่าผ่อนบ้าน ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าผ่อนบ้าน เรื่องจะไปเช่าบ้านคือ ต้องไปอยู่แบบแย่มากๆ  

สามีตกงาน และป่วย ทางครอบครัวของสามีไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งการเงิน หรือช่วยดูแลบุตรหลาน คือให้กำลังใจห่างๆ ให้ของขวัญลูกหลาน ให้เงินการศึกษาหลานบ้าง แต่ไม่ได้ช่วยเยอะ (ถ้าขอก็ปฏิเสธ) แต่ก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากเราเหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนเดิม เราแบกทุกอย่าง คิดว่าถ้าไม่หนักแน่นพอคงประสาทเสีย

ความเสรีภาพเยอะ แต่ความเสมอภาคบางทีก็ไม่มีนะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเงินแค่ไหน อาธิเช่น ทุกคนมีสิทธิเข้าโรงเรียนรัฐ แต่โรงเรียนรัฐคุณภาพไม่เท่ากัน บางเขตได้คะแนน 1 บางเขตได้คะแนน 10 เขตคนรวยคือคะแนน 10 ถ้าคุณซื้อบ้านเขตคนรวยไม่ไหว ต้องไปเช่าถึงจะมีสิทธิเข้าโรงเรียนดีๆ แต่ค่าเช่าก็จะแพงขึ้น เพราะเจ้าของบ้านเช่ารู้ว่า คนต้องง้อ ราคาก็สูงตามหลักทุนนิยม คุณภาพโรงเรียนไม่เท่ากันคืออะไร มันคือแบบว่า ถ้าคุณส่งลูกไปโรงเรียน 1 คะแนน คงต้องกังวลทุกวันถ้าลูกจะมีคงามปลอดภัยทางร่างกายไหมที่โรงเรียน ทั้งนี้คุณhome school ลูกได้เอง แต่ถามว่า ถ้า home school ลูก คุณจะมีรายได้จากตรงไหน ในเมื่อคุณทำงานไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าลูกไม่ไปโรงเรียน ไม่ home school คุณมีสิทธิติดคุก อันนี้ principle ขู่เรามา เพราะเราจะพาลูกกลับไทยสองอาทิตย์

เล่าให้ฟังนะ วันนึง ท่อที่บ้านมีการอุดตัน จ่ายคนมาดูดส้วม เสียไป 500 เหรียญ ดูดไปแล้วไม่หาย คนมาประเมินตีราคา ต้องติดตั้งท่อระบายใหม่ 10,000 เหรียญ คือค่าใช้จ่ายมันสูงมาก ถ้ามีอะไรพังมาที ถ้าไม่มีเงินเก็บเลย ความเครียดจะสูง ความเครียดสูงมาก ถ้าจะไปรักษา รอคิวหกเดือนนะ หมอคิวเต็ม นี่คือคนมีประกัน ถ้าไม่มีต้องไปคิดเอาเอง จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหมอ 150เหรียญครั้งแรกพบ

อันนี้คือคนเครียดธรรมดา คนเครียดแบบไปยิงคนอื่น คงต้องมีปมเรื่องอื่นผสมด้วยมั้ง
ความคิดเห็นที่ 12
ชอบจัง มีคนเอาความจริงมาเล่า
หลัง ๆ เจอเยอะเลยในทีวี อเมริกาคือสวรรค์อยากรวยเมื่อไหร่ก็ได้ ยุโรปมีสวัสดิการดีตลอดไป
ตอนนี้เด็กไทยเยอะมากนะที่จินตนาการสำคัญกว่าความรู้.
ความคิดเห็นที่ 5
“ไม่มีผู้มีอิทธิพล” อันนี้ไม่จริงเลยค่ะ

เจ้าของธุรกิจยา เจ้าของร.พ.ใหญ่ๆ เจ้าพ่ออสังหา เจ้าของโรงงานปิโตรเคมี เจ้าของบ.เทคใหญ่ๆ ทุกแขนงล้วนมีผู้มีอิทธิพลทั้งนั้นค่ะ ในเมกา ใครเงินมาก พวกมาก ก็นั่นละค่ะ อิทธิพล
ความคิดเห็นที่ 8
งานพาร์ทไทม์ ค่าแรงสูง ตัดทิ้งจากสมองไปได้เลย ความคิดที่แปลงเป็นเงินบาท จะรู้สึกว่ามันสูง เหมือนที่คนไทย มองว่าการไปทำสวน,ทำโรงงาน,ทำความสะอาด ที่เกาหลีใต้ ค่าแรงสูงมาก
แต่ถ้าคุณอยู่อาศัย ค่าแรงขั้นต่ำ มันพอแค่กินและใช้หมดไปวันต่อวัน ไม่เหลือเก็บ

สังคมอเมริกัน ที่ถามกดดันอะไร รู้หรือไม่ว่าการบูลี่กัน การแกล้งกันในเด็ก มันก็เริ่มมาจากสังคมอเมริกันนี่แหละ ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก โตมา ในสังคมก็ยังบูลี่กันเรื่องสีผิว เชื้อชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่