ตอนที่ 13 ขีดจำกัดความเป็นมนุษย์ ค.ศ.1875-1899

มนุษยชาติกําลังเริ่มเข้าสู่ยุคที่ก้าวพ้นขีดจํากัดเดิม
งานนิทรรศการโลก หรือ World Expo จัดขึ้นครั้งแรกที่กรุงลอนดอนในปี ค.ศ. 1851 ภายใต้ชื่อ “The Great Exhibition” เพื่อนําเสนอผลผลิตทางอุตสาหกรรม ของจักรวรรดิอังกฤษสู่สายตาชาวโลก นํามาสู่ความกระตือรือร้นในการแข่งขันประดิษฐ์คิดค้นของผู้คนในประเทศ อุตสาหกรรมทั้งฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าอุตสาหกรรมจะพาโลกก้าวไปสู่อนาคต นักประดิษฐ์มากมายหมกมุ่นอยู่ในห้องทดลองทุ่มเทความพยายาม เพื่อต่อยอดจากองค์ความรู้ สู่นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เป็นเวลากว่า 100 ปี นับตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศที่ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งนี้เติบโตจนมีขนาดกว้างใหญ่กว่าทุกประเทศในยุโรปตะวันตกรวมกัน

จากชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทอดข้ามผ่านผืนป่า ทุ่งหญ้า เทือกเขา ทะเลทราย มาจนถึงชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก

ผู้อพยพมากมายหนีความอดอยากแร้นแค้น ทั้งชาวไอริช อังกฤษ เยอรมัน อิตาเลียน แม้กระทั่งชาวจีน
ทําให้ประชากรสหรัฐอเมริกา เพิ่มจาก 2.7 ล้านคน ในปี ค.ศ. 1780 เป็น 50 ล้านคน ในปี ค.ศ. 1880
ผู้อพยพเหล่านี้ไม่ได้มาแต่ตัว แต่หอบเอาความรู้ และความพยายาม เพื่อมาต่อยอดยังดินแดนแห่งเสรีภาพ

การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ทําให้โรงงานมากมาย ผุดขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่เขตอุตสาหกรรมทางตะวันออก ไปจนถึงดินแดน
แคลิฟอร์เนียที่อยู่ไกลสุดขอบทวีปฝั่งตะวันตก

การขนส่งของทั้ง 2 ฝั่งถูกเชื่อมกันด้วยทางรถไฟข้ามทวีป ในขณะที่การสื่อสารถูกเชื่อมด้วยเครือข่ายโทรเลขขนาดมหึมา

แต่นั่นยังไม่เพียงพอ..

อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ชาวอเมริกันเชื้อสายสกอต ผู้เติบโตมากับครอบครัวที่มีแม่เป็นคนหูหนวก ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญภาษาใบ้ และมีหูที่แยกแยะเสียงระยะใกล้ไกลได้เป็นอย่างดี

เดิมทีเขาตั้งใจประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับช่วยให้คนหูหนวกสามารถได้ยินเสียงเหมือนคนปกติ แต่กลับค้นพบวิธีส่งเสียงตามสายผ่านลวดทองแดงและเกิดเป็นการประดิษฐ์โทรศัพท์ไปในที่สุด

เบลล์จดสิทธิบัตรโทรศัพท์ในปี ค.ศ. 1876 และได้ก่อตั้งบริษัท Bell Telephone Company บริษัทนี้ได้พัฒนามาเป็นบริษัท American Telephone & Telegraph หรือ AT&T ในปี ค.ศ. 1885 นับจนถึงทุกวันนี้ บริษัทแห่งนี้ก็ยังคงดำเนินกิจการอยู่
บริษัทใหญ่อีกแห่งที่ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และดำเนินกิจการมาถึงปัจจุบันก็คือ General Electric GE

จุดเริ่มต้นของ GE มาจากบริษัท Edison Electric Light ที่ก่อตั้งในปี ค.ศ.1878 โดยนักประดิษฐ์อัจฉริยะที่ชาวโลกรู้จัก “ทอมัส แอลวา เอดิสัน”
การค้นพบครั้งสำคัญของเขาเริ่มต้นจากการหาไส้หลอดไฟ ในช่วงเวลานั้น แม้จะมีการประดิษฐ์หลอดไฟขึ้นมาแล้ว
แต่ด้วยการขาดไส้หลอดที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ทำให้แสงสว่างจากหลอดไฟมีอายุอยู่ไม่นาน
เอดิสันพยายามทดลองวัตถุดิบกว่า 6,000 ชนิด จากทั่วทุกมุมโลก


จนท้ายที่สุดได้พบว่า วัตถุดิบที่ดีสุด สําหรับทําไส้หลอดไฟในขณะนั้น ก็คือไส้หลอดคาร์บอน
โดยเฉพาะที่ได้มาจากการเผาไหม้ของเส้นใยไผ่
ไส้หลอดคาร์บอนของเอดิสัน สามารถให้แสงสว่างได้นานกว่า 1,200 ชั่วโมง

เอดิสันจดสิทธิบัตรการค้นพบนี้ในปี ค.ศ. 1879
แล้วหลอดไฟของเอดิสันก็สว่างไสวไปทั่วอเมริกา
ดึงดูดนักลงทุนมหาเศรษฐี เจ.พี. มอร์แกน ให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนใหญ่
มอร์แกนเป็นผู้ให้เงินเอดิสันในการก่อตั้งบริษัท แต่ภายใต้แสงสว่าง ก็ย่อมมีเงามืด..

เอดิสันเชื่อมั่นในไฟฟ้ากระแสตรง ในขณะที่ลูกน้องเอดิสันคนหนึ่งชื่อ นิโคลา เทสลา เชื่อว่าไฟฟ้ากระแสสลับนั้นดีกว่า

เทสลาจึงลาออกมาทํางานให้กับ Westinghouse Electric ของนักธุรกิจ จอร์จ เวสติงเฮาส์ การแข่งขันระหว่าง 2 กระแสไฟฟ้าจึงเกิดขึ้น ข้อดีของไฟฟ้ากระแสสลับก็คือ สามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปได้ไกลกว่า โดยเสียพลังงานน้อยกว่า

แม้จะมีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัย ทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามนําเสนอข้อดี และโจมตีข้อด้อยของฝ่ายตรงข้าม งาน World Expo ที่จะจัดขึ้นที่นครชิคาโก ในปี ค.ศ. 1893 ภายในธีม “Discover America” ผู้จัดงานต้องการให้ชิคาโกเต็มไปด้วยแสงสว่าง

ผลสุดท้าย Westinghouse Electric ก็เป็นผู้ได้รับประมูลไฟฟ้ากระแสสลับของเวสติ้งเฮาส์ส่องสว่างไสวไปทั่วงานจากความล้มเหลวของเอดิสัน ทำให้ เจ.พี. มอร์แกน ยึดบริษัท Edison
Electric Light แล้วควบรวมเข้ากับบริษัท Thomson-Houston Electric ซึ่งเน้นผลิตไฟฟ้ากระแสสลับ แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น General Electric (GE) ในปี ค.ศ. 1892

ในช่วงเวลาที่ฝั่งสหรัฐอเมริกากำลังรุ่งเรืองด้วยสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆฝั่งยุโรปก็ไม่น้อยหน้า แต่ผู้นำคราวนี้ไม่ใช่อังกฤษ กลับเป็นดินแดนที่เพิ่งตั้งประเทศใหม่อย่างจักรวรรดิเยอรมัน อุตสาหกรรมของเยอรมันเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีผลผลิตเหล็กกล้าแซงหน้าอังกฤษ ในขณะที่เครือข่ายทางรถไฟก็โยงใยไปทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางบกทั่วไปในเยอรมัน ยังคงใช้ม้าลากเป็นพาหนะหลัก วิศวกรชาวเยอรมันชื่อ คาร์ล เบนซ์ มีความคิดที่จะทดแทนการใช้ม้าลากด้วยเครื่องยนต์ จึงได้ก่อตั้งบริษัท Benz & Zie.
เบนซ์พยายามพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมัน

การใช้น้ำมันดีกว่าไอน้ำ เพราะการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ สามารถลดการสูญเสียพลังงานได้ดีกว่าเมื่อเครื่องยนต์ถูกออกแบบให้เข้ากับรถ 3 ล้อ
จึงเกิดเป็น รถยนต์คันแรกของโลก “Benz Patent Motorwagen” ในปีค.ศ. 1885
แม้อุตสาหกรรมของเยอรมันจะเจริญก้าวหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวเยอรมันตาม หลังยุโรปชาติอื่นๆ ก็คือ ดินแดนอาณานิคมออตโต ฟอน บิสมาร์ค นายกรัฐมนตรีของจักรวรรดิเยอรมันจึงได้จัดการประชุมที่กรุงเบอร์ลินในปี ค.ศ. 1885 ว่าด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา

หากประเทศยุโรปชาติใดมีดินแดนหรือสถานีการค้าอยู่ชายฝั่งแล้วก็สามารถเข้าไปยึดครองดินแดนภายในของแอฟริกาได้เลย แล้วผืนแผ่นดินแอฟริกาอันกว้างใหญ่ก็ถูกแบ่งสรรปันส่วนให้กับมหาอำนาจในยุโรป ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยียม และสเปน เหลือเพียงไลบีเรีย และเอธิโอเปียเท่านั้นที่ยังคงความเป็นเอกราชเอาไว้ได้

ฝั่งทวีปเอเชียก็ไม่ได้ดีไปกว่าทวีปแอฟริกานัก
ฝรั่งเศสซึ่งมีอาณานิคมอยู่ที่เวียดนาม ได้พยายามขยายอิทธิพลมายังสยามด้วยการส่งเรือรบมาข่มขู่และก่อกวนด้วยแผนการต่างๆ
สยามยังคงความเป็นเอกราชไว้ได้ แม้จะต้องเสียดินแดนลาวและกัมพูชาให้แก่ฝรั่งเศส

ฝั่งจักรวรรดิเก่าแก่อย่างจีน ราชวงศ์ชิงที่อ่อนแอ
มีการปกครองที่แท้จริงอยู่ภายใต้อำนาจจักรพรรดินีหม้าย “พระนางซูสีไทเฮา”ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1861

ผลจากการพ่ายแพ้สงครามฝิ่นต่ออังกฤษ ทำให้จีนต้องเปิดเมืองท่า 11 แห่งให้ชาติตะวันตก 4 ชาติ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ค้าขายได้อย่างเสรี โดยเสียภาษีนำเข้าไม่เกินร้อยละ 2.5 รวมทั้งเรือรบของชาติเหล่านี้สามารถเข้าออกแม่น้ำฮวงโหได้อย่างอิสระ

ฝ่ายชนชั้นปกครองก็เกิดความแตกแยก ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง กับฝ่ายที่ต้องการปฏิรูปประเทศแล้วจีนก็ประสบความพ่ายแพ้อีกครั้งในสงครามปี ค.ศ. 1895 คราวนี้ผู้ชนะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีขนาดเล็กกว่ามากอย่างญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นทำการปฏิวัติอุตสาหกรรมตามยุโรป จนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแห่งเอเชีย..

แม้ศตวรรษที่ 19 จะปิดฉากลงด้วยสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เปลี่ยนแปลงโลก ศตวรรษใหม่ถูกปูรากฐานด้วยอุตสาหกรรม ความพยายามและความฝันที่ต้องการทะลุ ทุกขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์
แต่ความแตกต่างในสังคม กำลังก่อรอยร้าวครั้งใหญ่ระหว่างนายทุน กับชนชั้นแรงงาน ผู้ปกครอง กับประชาชน เจ้าจักรวรรดินิยม กับดินแดนอาณานิคม

ศตวรรษที่ 20 กำลังเปิดฉากขึ้นพร้อมความท้าทายครั้งใหญ่ที่จะพาจักรวรรดิทั้งหลาย ไปพบกับจุดจบ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่