การรู้เห็นกรรมตัวเองจากการนั่งวิปัสนากรรมฐาน และเห็นแสงเมื่อทำสมาธิ

เรื่องจะยาวหน่อยนะคะ ฉันอยากเขียนมันขึ้นมา เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเตือนถึงความอันตรายของการปฎิบัติสมาธิแบบที่ไม่เหมาะกับตัวเองให้คนที่อาจมีอาการเช่นเดียวกันรับรู้และระวังค่ะ 
 
คุณเคยสงสัยว่าทำไมบางคนนั้นสมาธิแล้วแสดงอาการแปลกๆ ท่าทางหรืออะไรก็ตามที่ผิดแปลกไปจากปกติ หรือนั้นคืออาการที่เรียกว่ากรรมเก่าออก? หรือหลับตาแล้วเห็นโน้นนี้ แสงเอย ใดๆเอย มันคืออะไรกันแน่ ?
 
เรื่องนี้ค่อยข้างจะยาว คุณเคยได้ยินไหมคะว่ากรรมเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ฉันกำลังจะเล่าเรื่องการประสบพบเจอสิ่งที่เรียกว่ากรรมตามสนอง อย่างทีละขั้นตอน ตั้งแต่จุดเริ่มกรรม จุดที่กรรมกำลังสะสมกำลังเพื่อสงผล และจุดที่ฉันทรมาณจากผลของกรรมที่ทำ และจุดที่ฉันหลุดพ้นกรรมนั้นมาได้อย่างมีสติ และเรื่องนี้ค่อนข้างอธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ 

- ขอเริ่มเรื่องด้วยคำถามว่า แสงที่เห็นเมื่อหลับตาเมื่อทำสมาธิคืออะไร ? 
        หากลองตั้งคำถามนี้ในบอร์ดวิทยาศาตร์ก็จะได้คำตอบอีกอย่าง หากในบอร์ดที่เกี่ยวกับพลังจิตหรือการทำสมาธิก็จะได้คำตอบที่เหนือโลกอีกอย่าง ส่วนตัวฉันเองค่อนข้างชอบหลักการที่มีเหตุผลอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ และเชื่อว่าศาสนาพุทธก็คือศาสนาแห่งปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็เพราะการเฝ้าดูทุกสิ่งเกิด-ดับตามความเป็นจริง เกินปัญญารู้แจ้งและดับทุกข์ได้ตามหลักอริยสัจ ๔ (ถ้าพูดผิดในข้อการตรัสรู้ขออภัยล่วงหน้านะคะ เนื่องจากอิงตามความเข้าใจตัวเอง) ดังนั้นฉันจึงเป็นผู้ที่นับถือพุทธเพราะชอบหลักการที่มีเหตุและผลนี้ 

ปกติฉันก็นั่งสมาธิบ้าง(ไม่ประจำ)ก่อนนอน ระยะเวลาที่นั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยกำหนด พุธ เข้า – โธ ออก เอาสติจับที่ลมหายใจพร้อมคำบริกรรม และมีประสบการณ์ไปปฏิบัติติธรรมตอนเพิ่งเรียนจบป.ตรี แนวเจริญสติปัฏฐาน 4 ซึ่งก็ได้ประสบการณ์ที่ดี จากคนที่ไม่เคยนั่งสมาธิเลยก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจการทำสมาธิและการอยู่นิ่งๆดูลมหายใจเข้าออกได้มากขึ้น หลังจากนั้นก็ไปอีกครั้ง  ฉันขอเกริ่นให้พอรู้คร่าวๆถึงประสบการณ์ที่มีว่าเคยทำสมาธิมาบ้างแล้ว และครั้งนี้คือการไปเข้าคอร์สฝึกสมาธิอีกครั้ง หลังไม่ได้ไปมาหลายปี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ค่ะ

เข้าเรื่องราวอันยืดยาวนับ 10 วันแห่งการปฏิบัติที่เปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันมีทั้งความสุข และมันสร้างความทุกข์จนฉันรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณสามารถดับจากร่างในนี้ได้ชั่ววินาทีใดวินาทีหนึ่ง

หลักสูตร 10 วัน คอร์สปฏิบัติติกรรมฐาน ที่ฉันรู้จากคนดังท่านหนึ่ง มันฟังดูน่าสนใจ ความคาดหวังก่อนไปคือแค่อยากไปฝึกตัวเองให้ตื่นเช้าขึ้น และมีสมาธิมากขึ้น โดยไม่มีความเข้าใจใดๆเลยกับวิธีปฏิบัติตแนวนี้ รู้แค่วิธีการคร่าวๆ ดูลมหายใจตามความจริง โดยไม่บริกรรม


1-3 วันแรก คือการเอาสติจดจ่อ ดูลมที่เข้าออกช่องจมูก แค่ดูตามความเป็นจริง ไม่มีคำบริกรรมใดๆ หนึ่งวันนั่งนานครั้งละ 1-1.5 ชั่วโมง/ครั้ง รวมทั้งวันคือนั่ง 11 ชั่วโมง ส่วนตัวฉันเองทำได้แค่ 9 ชั่วโมง นอกนั้นในชั่วโมงปฏิบัติในห้องพักก็มีแอบงีบบ้าง  ฉันผ่านไปได้ด้วยดี มีสมาธิมาก ไม่ค่อยส่งจิตออกนอกไปปรุงแต่งเรื่องราวตามความเคยชิน 

วันที่ 4 ช่วงบ่าย เริ่มต้นวิธีการสอนทำวิปัสสนา โดยให้เพ่งจิตดูเวทนาที่เกิดขึ้นตรงช่องเล็กๆบริเวณที่ลมหายใจ เข้า-ออก ให้สัมผัสว่าเห็นอะไรบ้าง 
เวทนาหยาบ-เวทนาละเอียด  ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าต้องดูหรือเห็นอะไรฉันเห็นแค่ลมหายใจตัวเอง ฉันคือผู้ปฏิบัติใหม่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า สมาธิกับวิปัสสนาแตกต่างกันอย่างไร แต่ฉันก็ทำต่อไปเรื่อยๆ 

และวิธีการก็เพิ่มขึ้นคือ

เคลื่อนย้ายสติให้เริ่มจับที่กลางหัว > เลื่อนต่อไปทั่วหนังหัว > หน้าผาก > คิ้ว>ตา> คอ >คอด้านหลัง > หลังส่วนบน-ล่าง > ทุกๆส่วนของร่างกายไล่จนถึงเท้า  และไล่กลับขึ้นมาด้านบนใหม่  ทำแบบนี้ซ้ำๆ โดยนั่งสมาธิหลับตา จับความรู้สึกใดก็ตามให้ได้ เย็น ร้อน แสงสว่าง คัน อะไรก็แล้วแต่ ...

ฉันสัมผัสได้แค่ว่าเวลาหลับตาจะเห็นแสงสว่างเหมือนส่องมาจากหน้าผากด้านซ้ายและที่จุดบนอื่นๆ แรกเริ่มมันไม่เคลื่อนไหว ต่อมามันอาบไปทั่วหน้าผาก ทั้งที่ทั้งห้องไม่ค่อยมีแสงยิ่งหลับตาทำสมาธินานยิ่งเห็นชัด มันคือการเห็นชัดเจนเกินจะบอกแค่ว่ารู้สึก ฉันเคยเอาผ้ามาผูกตาให้มืดที่สุดเมื่ออยู่ในห้องพัก แม้ช่องระหว่างจมูกที่แสงรอดเข้าได้ก็เอาผ้ามาปิดเพื่อทดสอบเรื่องนี้ และแสงนั้นก็ค่อยๆสว่างขึ้นเช่นเคยเมื่อหลับตาทำสมาธิ เรื่องแสงนี้แม้แต่ตอนนั่งสมาธิที่บ้านแบบกำหนดดูลมหายใจที่จมูกก็เคยเห็นแสงแต่มันจางๆบางๆ บางทีมีบางทีไม่มี ก็ไม่รู้จริงๆว่าคืออะไร แต่ครั้งนี้มันชัดมาก และเคลื่อนที่ตามการนึกคิดหรือจิตฉันได้ คิดไปที่คิ้วมันก็ไปที่คิดแบบค่อยๆไหลแผ่ไป

วันที่ 5-6 ก็ดำเนินต่อไปเช่นวันที่ 4 แต่ฉันเริ่มมีอาการเมื่อจะนอน หัวสัมผัสถึงหมอนฉันเริ่มมีความรู้สึกมึนหัวอย่างแรง เหมือนมีการหมุนวนๆบนหัวแม้หลับตาก็ยังรู้สึกมึนๆอยู่สักครู่ก่อนมันจะหายไป อ่อ น่าจะเพราะนั่งหลับตานาน เลือดไปเลี้ยงหัวไม่พอมั้ง ฉันให้คำตอบตัวเองแบบส่งๆไป  
ต่อวันที่ 7 ฉันไม่เคยรู้จักเวทนาละเอียดมาก่อน แค่รู้สึกว่าลมหายใจจะเบาลงเมื่อทำสมาธินานๆ อ.ท่านว่าลมหายใจก็ต้องละเอียดลงอยู่แล้วเพราะร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว ฉันได้แต่แย้งในใจ ก็เสียงสอนในวีดีโอให้ให้สัมผัสอะไรก็ได้ แม้จะแค่ความธรรมดาที่ไม่พิเศษ สัมผัสไม่ได้ก็ไม่ต้องผิดหวัง ให้วางอุเบกขา

รู้ว่าลมออกร้อนกว่าลมหายใจเข้า ก็นับว่าดีแล้ว แต่เมื่อรายงานผลปฏิบัติติแก่อาจารย์ก็ถูกตำหนิว่า นี้มันวันที่ 7 แล้วทำไมถึงไม่มีความรู้สึกอะไรสักที ฉันเคยรายงานอาจารย์เรื่องว่าเห็นแสงไปก่อนหน้านี้ ท่านก็บอกไม่ต้องสนใจ ให้เคลื่อนความสนใจไปที่ส่วนอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ ครั้งนี้ฉันเลยไม่ได้บอกท่านอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่