JJNY : 'โทนี่' เย้ย รทสช. │‘ชูวิทย์’ ส่งไม้ต่อ ‘โรม’│อมรัตน์ บี้ แจงความคืบหน้าทุจริตกองทัพ│จวกยับ 'ไตรรงค์' ที่ปรึกษา

'โทนี่' เย้ย รทสช. ได้ไม่ถึง 25 เสียง ลั่นปชช.ลงโทษแน่ โวฝ่ายปชต.เกิน 300
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7453158
 
 
‘โทนี่’ เย้ย รทสช.ได้ไม่เกิน 25 เสียง โอดบ้านเมืองคอร์รัปชั่นสูงมาก ประชาชนลงโทษแน่ เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้าฝ่ายประชาธิปไตยเกิน 300 เสียงแน่
 
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2565 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือโทนี่ วู้ดซัม กล่าวผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse หัวข้อ “เมืองไทยปี 2566 คนที่ทำอย่างแบด จนปชช.แซดอย่างบ่อย จะได้ไปต่อไหม” กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตนกะตั้งนานแล้วว่าพรรคนี้ได้ไม่ถึง 25 เสียง เพราะเริ่มขุดลำคลองจะให้เป็นแม่น้ำคงลำบาก แล้วคลองเล็กๆ ด้วย เครื่องไม้เครื่องมือที่เอามาขุดคลองก็ทำเป็นแม่น้ำไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นคลองอยู่ดี
 
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในภายหลังหรือไม่นั้น คิดว่าคงจับยากแล้ว ใครจะขอจับมือใคร มาคิกแอสดีกว่า ตนมองว่าพรรคพปชร.ได้เกิน 25 เสียง อยู่ที่ประมาณ 35 เสียง เพราะมีคนจะไหลออกอีก วันนี้พยายามดึง พยายามจูงใจอยู่ พยายามจูงใจรายเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้ไปไหน
 
ผมถึงบอกว่าถ้าบ้านเมืองเป็นแบบนี้ไปไม่ได้ การเมืองเลี้ยงด้วยเงินแบบนี้ ผลสุดท้ายก็ต้องคอร์รัปชั่นอย่างหนัก ประชาชนลำบาก ช่วงนี้เป็นช่วงที่คอร์รัปชั่นสูงมากๆ แล้วเรื่องที่เป็นปัญหาก็ไม่กล้าทำ เพราะเป็นน้องชายเพื่อนรุ่นเดียวกันอีก สรุปแล้วลูบหน้าปะจมูกแต่อยากอยู่ยาว ห่วงเก้าอี้มากกว่าห่วงบ้านเมือง คำพูดกับการกระทำคนละเรื่อง ดังนั้นประชาชนลงโทษแน่นอน เลือกตั้งครั้งหน้าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างไรก็เกิน 300 เสียงแน่นอน พรรคเพื่อไทยอย่างไรก็เกิน 250 เสียง” นายทักษิณ ระบุ



‘ชูวิทย์’ ยื่นข้อมูลธุรกิจสีเทา ส่งไม้ต่อ ‘โรม’ ซักฟอกกลางสภา มั่นใจ ความกล้าหาญ-‘เจ้าตัว’ ไม่หวั่นถูกฟ้อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3765977

‘ชูวิทย์’ ยื่นข้อมูลธุรกิจสีเทา ส่งไม้ต่อ ‘โรม’ ซักฟอกกลางสภา มั่นใจ ความกล้าหาญ-‘เจ้าตัว’ ไม่หวั่นถูกฟ้อง
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อ นายรังสิมันต์  โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
  
โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไรก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชนเมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง ทั้งนี้ นายรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ หรือเรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา
 
ด้าน นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องชื่นชมนายชูวิทย์จริงๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรค ก.ก.เราตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่างๆ จากแหล่งข่าวต่างๆ จากตำรวจน้ำดีที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภา เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งนี้ พรรคก.ก.เรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา และหากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้กับพวกเรา เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภา ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชั่น ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน
  
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรค ก.ก.เท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่างๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธาน ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภา และรองประธานเข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
 
ส่วนความกังวลว่าจะมีการยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคิดดีๆ เพราะหากเลือกยุบสภาก่อน แสดงว่าข้อกล่าวหานี้เป็นความจริงใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันจับตา และมั่นใจว่า ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่จะอภิปรายเรื่องนี้ เชื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคได้เตรียมข้อมูลอภิปรายเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ทั้งยังคงมีทางเลือกในการอภิปรายนอกสภาอยู่
 
เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ระบุว่าไม่มีการเปิดเผยต่อสื่อฯ พอจะสามารถลงรายละเอียดลึกกว่านี้ได้หรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า ตนไม่กล้าพูด เพราะการที่ตนพูดจะไม่เหมือนกับสิ่งที่นายรังสิมันต์เป็นคนพูด เพราะสิ่งที่ตนพูดจะเป็นแค่ประชาชนคนเล็กๆ ไม่สามารถที่จะพูดในเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าประชาชนได้ จึงได้ให้นายรังสิมันต์พิจารณาว่า ข้อมูลดังกล่าวมันใหญ่ ลึก กว้าง และครอบคลุมไปถึงว่าอาจจะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในรัฐบาล และการที่นายรังสิมันต์พูดถึงในสภาก็มีสิทธิ์ มีหน้าที่มากกว่า แต่หากถามตนในวันนี้ตนคงพูดอะไรมากไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การพูดของตนนอกสภาเป็นการพูดในฐานะประชาชนและคงไม่มีใครมาปิดปากตนได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายรังสิมันต์จะพิจารณารับหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวนายรังสิมันต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน เพราะตนก็เป็นเหมือนประชาชนที่มาร้องเรียน เพียงแต่ว่าเสียงตนอาจจะดังขึ้นมาหน่อย
 
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการชิงยุบสภาก่อน นายชูวิทย์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอนนี้ท่านก็เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วการจะยุบสภาต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ



อมรัตน์ บี้ ‘นายกฯ’ แจงความคืบหน้าทุจริตกองทัพ ซัดเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว อย่าหนีปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3766020
 
‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ บี้ ‘บิ๊กตู่’ แจงความคืบหน้าทุจริตในกองทัพ ซัด เสพติดอำนาจอย่างรุนแรง ฉะ เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว อย่าหนีปัญหา ตอบปัญหา ปชช.เพื่อความโปร่งใส
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 มกราคม ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงถามความคืบหน้ากรณีทุจริตในกองทัพ ที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อครั้งที่ผ่านมา ว่า การอภิปรายการทุจริตในกองทัพทั้งเรื่องบ้านหลวง และเรื่องอื่นๆ ที่ในกองทัพทำเป็นวัฒนธรรมการทุจริตคดโกง ด้วยการทำรัฐประหาร โดยอ้างว่าปราบโกงนั้น ทำไม่ได้จริง ขณะที่เรือรบหลวงสุโขทัยที่จมอยู่ในทะเลก็ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ ในส่วนเรื่องป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ ที่จะมีการเปลี่ยนโดยใช้งบประมาณ 33 ล้านบาทนั้น ก็มีการยุติการดำเนินการไปแล้ว เนื่องจากมีการท้วงติงจาก ส.ส.ในสภา ดังนั้น การตรวจสอบจึงสำคัญ ตนจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงความคืบหน้าเรื่องการทุจริตในกองทัพและเรื่องอื่นๆ

นางอมรัตน์กล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้น ถือว่าเป็นพรรคทหารที่ 2 เมื่อตนได้ฟังการปราศรัยแล้ว พบว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ การอ้างความจำเป็นที่จะอยู่ต่ออีก 2 ปีหลังจากที่หมดความชอบธรรมไปนานแล้ว ตนเห็นว่าโดยมารยาทในการเป็นนายกฯ ด้วยการถูกเสนอชื่อโดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และยังอยู่ในตำแหน่ง แต่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เสพติดอำนาจอย่างรุนแรง ตนต้องขอบคุณสื่อมวลชนสายทำเนียบที่ตั้งฉายาว่า “นายกฯ แปดเปื้อน
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วถือว่าเป็นนักการเมืองแบบเต็มตัว จึงขอเรียกร้องจิตสำนึกของนักการเมืองที่ดี อยากขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พิสูจน์ตัวเอง อย่าหนีปัญหา เผชิญหน้ากับความจริง ตอบคำถามของ ส.ส.และประชาชน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นเยี่ยงอย่างผู้นำที่ดี พล.อ.ประยุทธ์อาจจะหลอกคนบางคนได้ตลอดเวลา หลอกคนทุกคนได้บางเวลา แต่ไม่สามารถจะหลอกทุกคนทุกเวลาได้” นางอมรัตน์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่