‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ บินพักผ่อนพร้อมเช็กอัพร่างกายที่สิงคโปร์ คาด ส.ส.ตบเท้าเข้าเยี่ยม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3817465
‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ บินพักผ่อนพร้อมเช็กอัพร่างกายที่สิงคโปร์ คาด ส.ส.แห่เข้าเยี่ยมคารวะ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ทักษิณและ น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บินมาพักผ่อนส่วนตัวที่ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนาย
ทักษิณจะใช้เวลาเพื่อตรวจสุขภาพ รวมทั้งเช็กอัพร่างกาย หลังเคยเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีและไส้เลื่อนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ทั้งนี้ คาดว่าจะมีบุคคลใกล้ชิดรวมทั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ใช้โอกาสนี้ทยอยเดินทางไปพบปะและเยี่ยมคารวะสองอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นาน ทั้งนี้ นาย
ทักษิณและ น.ส.
ยิ่งลักษณ์จะใช้เวลาอยู่ในประเทศสิงคโปร์จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก่อนเดินทางกลับนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ก้าวไกล จัดหนักซักฟอก จ้องถลกวงการตำรวจ ลั่น หลักฐานคาหนังคาเขา หัวใจอาจจะวายได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3816880
‘ก้าวไกล’ จัดหนักอภิปราย ม.152 แรงเท่าไม่ไว้วางใจ ลั่น มีหลักฐานคาหนังคาเขา จ้องถลกวงการ ‘ตำรวจ’ บี้ ‘ประยุทธ์’ แน่จริงให้อยู่ฟังจนจบ เผย ข้อมูลชูวิทย์ เป็นแผนที่นำทางพบข้อมูลอื่น
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจการเลือกตั้งของประชาชนอย่างไร ว่า แน่นอนว่าส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชน เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เราเตรียมระดับเอาไว้เท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เพราะเรารู้ดีว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่สามารถลงมติได้ แต่เราเชื่อว่า การลงมติครั้งสำคัญกำลังรอเราอยู่ และการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายที่สำคัญ ซึ่งพรรค ก.ก. เตรียมขุนพลไว้จำนวนมาก
“
วันนี้ผมได้ยินมาว่า ส.ส.บางท่านมีพยานหลักฐานมาก จนอภิปรายคนเดียวไม่ไหว ต้องแบ่งให้คนอื่นช่วยอภิปราย ดังนั้น เรื่องของพยายานหลักฐาน และข้อมูล จะเป็นหนึ่งในครั้งที่ดีที่สุดของพรรค ก.ก. เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน โดยไฮไลต์สำคัญมีหลายเรื่อง แต่จำนวนไม่น้อยจะเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาดและการทุจริตคอร์รัปชั่น ผมมั่นใจว่าข้อมูลครั้งนี้ มันคาหนังคาเขาจริงๆ หลังจากที่เราอภิปรายเสร็จ จะดำเนินการทางกฎหมายด้วย คือทำสองช่องทางไปพร้อมกัน และแน่นอน ใน พ.ศ.นี้ที่รัฐบาลนี้อาจจะยังมีอำนาจกับการดำเนินทางการกฎหมายแต่เราคิดว่าอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล แม้อาจจะช้า แต่ประชาชนสามารถที่จะถอนคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นผ่านการเลือกตั้งออกไปได้ เชื่อว่ากลไกทางกฎหมายจะเดินต่อไป” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรค ก.ก. เตรียมผู้อภิปรายกี่คน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ จะชัดเจนว่ามีผู้อภิปรายจำนวนเท่าใด เพราะหลักฐานบางอย่างจะมาถึงในวันนั้น จึงต้องรอดูก่อน เมื่อถามว่าพรรค ก.ก. จะเน้นหนักประเด็นตำรวจหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายเรื่องนี้น่าจะมาจากหลากหลายพรรคการเมือง เพราะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ต้องบอกว่าเรื่องตำรวจ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับผิดชอบเต็มๆ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ แต่จะกระทบชิ่งไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่ต้องจับตาดู และคงไม่อภิปรายแค่เรื่องตำรวจเท่านั้น เพราะถ้ามีหลักฐานชัดจะมีเรื่องอื่นด้วย แต่ยอมรับว่าบางเรื่อง ถ้ายังหาหลักฐานมัดตัวไม่ได้ อาจจะต้องเก็บไว้ก่อน แต่เราเชื่อว่าความชั่วร้ายที่รัฐบาลนี้ก่อเอาไว้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องปรากฏ เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ได้จาก นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเพียงใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่าถือว่าเป็นแผนที่สำคัญที่ทำให้ตนไปเจออีกหลายอย่าง ส่วนจะนำไปอภิปรายหรือไม่ต้องรอดู
ถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายฯ ซ้ำซากจะไม่อยู่ร่วมรักษาองค์ประชุม นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่ซ้ำแน่นอน ตนได้พบนาย
ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภท. ที่เป็นประธาน กมธ.การกฎหมาย สภาฯ และได้บอกไปแล้วว่าไหนๆ นายกฯ ก็ดุนาย
ศุภชัยแล้วก็มาเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายค้านหน่อย เราจะได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และยืนยันกับนายศุภชัยแล้วว่าไม่มีซ้ำซากแน่นอน มีแต่ใหม่ แต่หัวใจอาจจะวาย ถ้าพรรค ภท. กังวลเรื่องอภิปรายซ้ำซาก อย่างนั้นพรรค ภท. ต้องรีบเข้าประชุม เพราะไม่มีซ้ำซาก แต่ตนเป็นห่วงว่าจะมีการตีรวน และใช้เทคนิคเพื่อไม่เข้าประชุม หรือขอนับองค์ประชุม เหมือนที่เกิดขึ้นกับการผ่านกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากให้รัฐบาลเตรียมตัวอย่างไรหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือให้รัฐบาลชี้แจง เพราะทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าตัวเองแน่จริงก็มาเจอกัน ไม่ใช่หนีสภา และขอให้พล.อ.
ประยุทธ์ อยู่ฟังตอนตนอภิปรายด้วย ถ้าทำได้ ประชาชนจะให้ความมั่นใจต่อตัวท่าน แต่ท่านจะกล้าหรือไม่
‘เพื่อชาติ’ เปิด 10 นโยบายสู้เลือกตั้ง เน้นการศึกษา ชูปฏิรูป กศน.-อาชีวะทันสมัย กยศ.กู้ง่าย
‘เพื่อชาติ’ เปิด 10 นโยบายสู้เลือกตั้ง ชูปฏิรูป กศน.-อาชีวะทันสมัย ปรับ กยศ.กู้ง่าย ไร้คนค้ำ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ PC Space อาคารวรรณสรณ์ เขตพญาไท กรุงเทพฯ พรรคเพื่อชาติ (พ.ช.) เปิดตัวแถลงนโยบายกลางของพรรค นำโดย น.ส.ป
วิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค, น.ส.
พลอยนภัส โจววณิชย์ รองหัวหน้าพรรค, นาย
ปวีย์ภัทร วัฒนศิริเศรษฐ โฆษกพรรค, นาย
รักษ์ชาติ วงศ์อธิชาติ รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเข้าร่วมงาน
น.ส.
ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติให้ความสำคัญกับนโยบายการศึกษาเป็นลำดับแรก เป็นนโยบายที่มองเห็นคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร เราอยากจะให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ การศึกษาตลอดชีวิต นโยบายที่ 1 การปฏิรูป กศน. จะต้องเป็นการเรียนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน สามารถเก็บหน่วยกิตไปฝึกงานกับภาคเอกชนได้ ต้องเป็นหลักสูตรที่ทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน
นโยบายที่ 2 ปฏิรูปอาชีวะ เรามองเห็นนักเรียนอาชีวะว่าสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ไม่แพ้กัน ดังนั้น อาชีวะจะต้องได้เงินเดือนเท่ากับผู้ที่จบปริญญาตรี หลักสูตรต้องทันสมัย เช่น การเรียนผลิตสื่อออนไลน์ หรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการทำเบื้องหลัง อุตสาหกรรมภาพยนตร์ นี่คือสิ่งที่หลักสูตรอาชีวะต้องมีการปฏิรูปให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
น.ส.
ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า นโยบายที่ 3 ครูอัตราจ้างต้องได้รับเงินเดือนตามวุฒิ ยังมีคุณครูที่ได้รับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 4,000-5,000 บาทเท่านั้น ครูที่ยังลำบากอยู่จะดูแลอนาคตของชาติได้อย่างไร นโยบายที่ 4 เกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะต้องกู้ง่าย ไม่มีคนค้ำประกัน ปลอดดอกเบี้ย กยศ. จะต้องเชื่อมโยงกับองค์กรที่เยาวชนจะออกไปทำงานในอนาคต เราจะต้องการันตีอาชีพภาคบังคับขั้นต่ำ 24 เดือน โดย 6 เดือนแรกยังไม่ต้องชำระหนี้คืน กยศ. นี่เป็นเพียงบันไดขั้นแรกของเรื่องการเรียนฟรี สิ่งที่พรรคเพื่อชาติมองไปถึงปลายทางสุดท้าย คนไทยทุกคนที่อยากจะเรียนควรได้รับการศึกษา ควรเข้าถึงการศึกษาที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
น.ส.
ปวิศรัฐฐ์กล่าวต่อว่า นโยบายที่ 5 เรื่องปริญญา หรืออนุปริญญาตามความเฉพาะของพื้นที่ นี่คือนโยบายที่ลงลึกไปถึงพื้นที่ รับฟังจากพื้นที่จริงสามารถได้วุฒิการศึกษาออกมา นโยบายที่ 6 ยกระดับความสำคัญคุณวุฒิวิชาชีพ เรามีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรที่จะยกระดับ ต่อยอด รับรองวิชาชีพที่หลากหลายมากขึ้น หากไม่สะดวกเรียนในระบบ ทางสถาบันสามารถออกใบรับรองประกาศนียบัตรให้ นอกจากนี้ควรเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ ภาคเอกชนว่า เราจะรับรองประกาศนี้ให้กับคนไทยด้วย
น.ส.
ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า หมวดที่ 2 นโยบายที่ 1 การยกเลิกเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา นอกจากจะให้โอกาสเยาวชนได้เลือกแต่งกายตามเพศสภาพ เป็นการเคารพสิทธิมนุษยชนของเยาวชน และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง รวมถึงเป็นการลดเงินอุดหนุนค่าชุดนักเรียน
“นโยบายที่ 2 เพิ่มคุณภาพและงบอาหารกลางวัน ทุกวันนี้ค่าอาหารกลางวันเป็นเงินเพียง 21 บาทต่อคน เรามีนโยบายเพิ่มค่าอาหารให้ถึง 30 บาทต่อคน ไม่รวมค่านม งบประมาณที่ได้นั้นมาจากการลดเงินอุดหนุนชุดนักเรียน นโยบายที่ 3 ลานเด็กเล็กใกล้บ้าน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดสรรให้มีลานเด็กเล็ก เพื่อให้เติบโตมีพัฒนาการสมวัย ให้เรียนรู้ตามศักยภาพ และใกล้ชิดธรรมชาติ
“นโยบายที่ 4 โรงเรียนปลอดภัยทั้งกายและใจ ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ กายและใจต้องไม่พัง ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูกหลาน เริ่มแรกให้คำนิยามคำว่า ‘การทำร้ายจิตใจ’ ให้เป็นความรุนแรงเทียบเท่าการทำร้ายร่างกาย จะมีแพลตฟอร์ม หรือแอพพลิเคชั่นที่จะเปิดโอกาสให้เยาวชนสามารถรายงานว่าตนถูกทำร้าย หรือถูกล่วงละเมิดได้โดยตรงทันที ครูที่ล่วงละเมิดนักเรียนไม่ว่าจะทางกาย ใจ ไม่เพียงแค่ถูกย้าย แต่ต้องถูกพักงาน” หัวหน้าพรรคเพื่อชาติระบุ
หัวหน้าพรรคเพื่อชาติระบุว่า การที่พรรคเลือกทำนโยบายเด็กและการศึกษาเป็นเรื่องแรก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด เพราะนโยบายด้านการศึกษานั้นขายได้ยาก แต่พรรคเชื่อว่าการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้จริง สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง หาดพรรคไหนไม่ทำ พรรคเพื่อชาติยิ่งต้องทำ และเราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ทันที เพื่อชาตินี้ของพวกเราทุกคน
JJNY : 5in1 ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’บินพักผ่อน│ก้าวไกลจัดหนัก│‘เพื่อชาติ’ เปิด 10 นโยบาย│ชาวสมุยเดือดร้อนหนัก│รัสเซียไม่ทน!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3817465
‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ บินพักผ่อนพร้อมเช็กอัพร่างกายที่สิงคโปร์ คาด ส.ส.แห่เข้าเยี่ยมคารวะ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บินมาพักผ่อนส่วนตัวที่ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายทักษิณจะใช้เวลาเพื่อตรวจสุขภาพ รวมทั้งเช็กอัพร่างกาย หลังเคยเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีและไส้เลื่อนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ทั้งนี้ คาดว่าจะมีบุคคลใกล้ชิดรวมทั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ใช้โอกาสนี้ทยอยเดินทางไปพบปะและเยี่ยมคารวะสองอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นาน ทั้งนี้ นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะใช้เวลาอยู่ในประเทศสิงคโปร์จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก่อนเดินทางกลับนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ก้าวไกล จัดหนักซักฟอก จ้องถลกวงการตำรวจ ลั่น หลักฐานคาหนังคาเขา หัวใจอาจจะวายได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3816880
‘ก้าวไกล’ จัดหนักอภิปราย ม.152 แรงเท่าไม่ไว้วางใจ ลั่น มีหลักฐานคาหนังคาเขา จ้องถลกวงการ ‘ตำรวจ’ บี้ ‘ประยุทธ์’ แน่จริงให้อยู่ฟังจนจบ เผย ข้อมูลชูวิทย์ เป็นแผนที่นำทางพบข้อมูลอื่น
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจการเลือกตั้งของประชาชนอย่างไร ว่า แน่นอนว่าส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชน เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เราเตรียมระดับเอาไว้เท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เพราะเรารู้ดีว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่สามารถลงมติได้ แต่เราเชื่อว่า การลงมติครั้งสำคัญกำลังรอเราอยู่ และการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายที่สำคัญ ซึ่งพรรค ก.ก. เตรียมขุนพลไว้จำนวนมาก
“วันนี้ผมได้ยินมาว่า ส.ส.บางท่านมีพยานหลักฐานมาก จนอภิปรายคนเดียวไม่ไหว ต้องแบ่งให้คนอื่นช่วยอภิปราย ดังนั้น เรื่องของพยายานหลักฐาน และข้อมูล จะเป็นหนึ่งในครั้งที่ดีที่สุดของพรรค ก.ก. เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน โดยไฮไลต์สำคัญมีหลายเรื่อง แต่จำนวนไม่น้อยจะเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาดและการทุจริตคอร์รัปชั่น ผมมั่นใจว่าข้อมูลครั้งนี้ มันคาหนังคาเขาจริงๆ หลังจากที่เราอภิปรายเสร็จ จะดำเนินการทางกฎหมายด้วย คือทำสองช่องทางไปพร้อมกัน และแน่นอน ใน พ.ศ.นี้ที่รัฐบาลนี้อาจจะยังมีอำนาจกับการดำเนินทางการกฎหมายแต่เราคิดว่าอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล แม้อาจจะช้า แต่ประชาชนสามารถที่จะถอนคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นผ่านการเลือกตั้งออกไปได้ เชื่อว่ากลไกทางกฎหมายจะเดินต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรค ก.ก. เตรียมผู้อภิปรายกี่คน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ จะชัดเจนว่ามีผู้อภิปรายจำนวนเท่าใด เพราะหลักฐานบางอย่างจะมาถึงในวันนั้น จึงต้องรอดูก่อน เมื่อถามว่าพรรค ก.ก. จะเน้นหนักประเด็นตำรวจหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายเรื่องนี้น่าจะมาจากหลากหลายพรรคการเมือง เพราะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ต้องบอกว่าเรื่องตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับผิดชอบเต็มๆ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ แต่จะกระทบชิ่งไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่ต้องจับตาดู และคงไม่อภิปรายแค่เรื่องตำรวจเท่านั้น เพราะถ้ามีหลักฐานชัดจะมีเรื่องอื่นด้วย แต่ยอมรับว่าบางเรื่อง ถ้ายังหาหลักฐานมัดตัวไม่ได้ อาจจะต้องเก็บไว้ก่อน แต่เราเชื่อว่าความชั่วร้ายที่รัฐบาลนี้ก่อเอาไว้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องปรากฏ เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ได้จาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเพียงใด นายรังสิมันต์ กล่าวว่าถือว่าเป็นแผนที่สำคัญที่ทำให้ตนไปเจออีกหลายอย่าง ส่วนจะนำไปอภิปรายหรือไม่ต้องรอดู
ถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายฯ ซ้ำซากจะไม่อยู่ร่วมรักษาองค์ประชุม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่ซ้ำแน่นอน ตนได้พบนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภท. ที่เป็นประธาน กมธ.การกฎหมาย สภาฯ และได้บอกไปแล้วว่าไหนๆ นายกฯ ก็ดุนายศุภชัยแล้วก็มาเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายค้านหน่อย เราจะได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และยืนยันกับนายศุภชัยแล้วว่าไม่มีซ้ำซากแน่นอน มีแต่ใหม่ แต่หัวใจอาจจะวาย ถ้าพรรค ภท. กังวลเรื่องอภิปรายซ้ำซาก อย่างนั้นพรรค ภท. ต้องรีบเข้าประชุม เพราะไม่มีซ้ำซาก แต่ตนเป็นห่วงว่าจะมีการตีรวน และใช้เทคนิคเพื่อไม่เข้าประชุม หรือขอนับองค์ประชุม เหมือนที่เกิดขึ้นกับการผ่านกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากให้รัฐบาลเตรียมตัวอย่างไรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือให้รัฐบาลชี้แจง เพราะทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าตัวเองแน่จริงก็มาเจอกัน ไม่ใช่หนีสภา และขอให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ฟังตอนตนอภิปรายด้วย ถ้าทำได้ ประชาชนจะให้ความมั่นใจต่อตัวท่าน แต่ท่านจะกล้าหรือไม่
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ PC Space อาคารวรรณสรณ์ เขตพญาไท กรุงเทพฯ พรรคเพื่อชาติ (พ.ช.) เปิดตัวแถลงนโยบายกลางของพรรค นำโดย น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค, น.ส.พลอยนภัส โจววณิชย์ รองหัวหน้าพรรค, นายปวีย์ภัทร วัฒนศิริเศรษฐ โฆษกพรรค, นายรักษ์ชาติ วงศ์อธิชาติ รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเข้าร่วมงาน
น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติให้ความสำคัญกับนโยบายการศึกษาเป็นลำดับแรก เป็นนโยบายที่มองเห็นคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร เราอยากจะให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ การศึกษาตลอดชีวิต นโยบายที่ 1 การปฏิรูป กศน. จะต้องเป็นการเรียนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน สามารถเก็บหน่วยกิตไปฝึกงานกับภาคเอกชนได้ ต้องเป็นหลักสูตรที่ทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน
นโยบายที่ 2 ปฏิรูปอาชีวะ เรามองเห็นนักเรียนอาชีวะว่าสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ไม่แพ้กัน ดังนั้น อาชีวะจะต้องได้เงินเดือนเท่ากับผู้ที่จบปริญญาตรี หลักสูตรต้องทันสมัย เช่น การเรียนผลิตสื่อออนไลน์ หรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการทำเบื้องหลัง อุตสาหกรรมภาพยนตร์ นี่คือสิ่งที่หลักสูตรอาชีวะต้องมีการปฏิรูปให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า นโยบายที่ 3 ครูอัตราจ้างต้องได้รับเงินเดือนตามวุฒิ ยังมีคุณครูที่ได้รับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 4,000-5,000 บาทเท่านั้น ครูที่ยังลำบากอยู่จะดูแลอนาคตของชาติได้อย่างไร นโยบายที่ 4 เกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะต้องกู้ง่าย ไม่มีคนค้ำประกัน ปลอดดอกเบี้ย กยศ. จะต้องเชื่อมโยงกับองค์กรที่เยาวชนจะออกไปทำงานในอนาคต เราจะต้องการันตีอาชีพภาคบังคับขั้นต่ำ 24 เดือน โดย 6 เดือนแรกยังไม่ต้องชำระหนี้คืน กยศ. นี่เป็นเพียงบันไดขั้นแรกของเรื่องการเรียนฟรี สิ่งที่พรรคเพื่อชาติมองไปถึงปลายทางสุดท้าย คนไทยทุกคนที่อยากจะเรียนควรได้รับการศึกษา ควรเข้าถึงการศึกษาที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวต่อว่า นโยบายที่ 5 เรื่องปริญญา หรืออนุปริญญาตามความเฉพาะของพื้นที่ นี่คือนโยบายที่ลงลึกไปถึงพื้นที่ รับฟังจากพื้นที่จริงสามารถได้วุฒิการศึกษาออกมา นโยบายที่ 6 ยกระดับความสำคัญคุณวุฒิวิชาชีพ เรามีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรที่จะยกระดับ ต่อยอด รับรองวิชาชีพที่หลากหลายมากขึ้น หากไม่สะดวกเรียนในระบบ ทางสถาบันสามารถออกใบรับรองประกาศนียบัตรให้ นอกจากนี้ควรเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ ภาคเอกชนว่า เราจะรับรองประกาศนี้ให้กับคนไทยด้วย
น.ส.ปวิศรัฐฐ์กล่าวว่า หมวดที่ 2 นโยบายที่ 1 การยกเลิกเครื่องแบบนักเรียน-นักศึกษา นอกจากจะให้โอกาสเยาวชนได้เลือกแต่งกายตามเพศสภาพ เป็นการเคารพสิทธิมนุษยชนของเยาวชน และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง รวมถึงเป็นการลดเงินอุดหนุนค่าชุดนักเรียน
“นโยบายที่ 2 เพิ่มคุณภาพและงบอาหารกลางวัน ทุกวันนี้ค่าอาหารกลางวันเป็นเงินเพียง 21 บาทต่อคน เรามีนโยบายเพิ่มค่าอาหารให้ถึง 30 บาทต่อคน ไม่รวมค่านม งบประมาณที่ได้นั้นมาจากการลดเงินอุดหนุนชุดนักเรียน นโยบายที่ 3 ลานเด็กเล็กใกล้บ้าน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดสรรให้มีลานเด็กเล็ก เพื่อให้เติบโตมีพัฒนาการสมวัย ให้เรียนรู้ตามศักยภาพ และใกล้ชิดธรรมชาติ
“นโยบายที่ 4 โรงเรียนปลอดภัยทั้งกายและใจ ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ กายและใจต้องไม่พัง ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูกหลาน เริ่มแรกให้คำนิยามคำว่า ‘การทำร้ายจิตใจ’ ให้เป็นความรุนแรงเทียบเท่าการทำร้ายร่างกาย จะมีแพลตฟอร์ม หรือแอพพลิเคชั่นที่จะเปิดโอกาสให้เยาวชนสามารถรายงานว่าตนถูกทำร้าย หรือถูกล่วงละเมิดได้โดยตรงทันที ครูที่ล่วงละเมิดนักเรียนไม่ว่าจะทางกาย ใจ ไม่เพียงแค่ถูกย้าย แต่ต้องถูกพักงาน” หัวหน้าพรรคเพื่อชาติระบุ
หัวหน้าพรรคเพื่อชาติระบุว่า การที่พรรคเลือกทำนโยบายเด็กและการศึกษาเป็นเรื่องแรก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด เพราะนโยบายด้านการศึกษานั้นขายได้ยาก แต่พรรคเชื่อว่าการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้จริง สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง หาดพรรคไหนไม่ทำ พรรคเพื่อชาติยิ่งต้องทำ และเราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ทันที เพื่อชาตินี้ของพวกเราทุกคน