บันทึกเทศกาลสำคัญ "ตังโจ่ย" (冬至) วันไหว้ขนมบัวลอย

บันทึกเทศกาลสำคัญ "ตังโจ่ย" (冬至) วันไหว้ขนมบัวลอย สารทที่ 22 ของปีปฏิทินจีน 
เวียนมาอีกปีแล้วค่ะ 22 ธันวาคมนี้ (คืน 21 ธค. เรามา LIVE ทำขนมบัวลอยพร้อมกันนะคะ)
ชาวจีนให้ความสำคัญกับเทศกาล "ตังโจ่ย" ไม่แพ้วันตรุษจีน เพราะเสมือนเป็นวันสิ้นปีเก่าและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธรรมชาติ 
ผู้คนจะปิดร้านรวงแล้วทำบุญไหว้เทพเจ้าฟ้าดิน ปึงเถ่ากง ตี่จู๋เอี๊ย 
เพื่อขอบคุณที่ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวดำรงชีวิตมาอย่าราบรื่นตลอดปีที่ผ่านมาด้วยขนม "อี๊"
ขนมบัวลอยจีน (ตีอี๊) แป้งข้าวเหนียวปั้นลูกกลมๆสีชมพูสีขาวต้มใส่น้ำเชื่อม ปีก่อนนู้นอาตั่วแจ้มาที่บ้านแม่นันคืนวันทำขนมบัวลอยพอดี 
พวกเราจึงได้อารมณ์เหมือนตอนอาอึ้ม (คุณแม่) ยังอยู่
สมัยอาอึ้มยังอยู่ แม่นันยังได้ช่วยปั้นบ้าง ปั้นเสร็จก็โยนใส่ตั่งปั๊ว (ถาดกลมๆมีลายดอกไม้สวยๆตรงกลาง 
สมัยนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้วค่ะ) ปั้นแป๊บเดียวก็เต็มถาด เป็นที่สนุกสนาน พอเช้าอาอึ้มก็นำมาต้มใส่น้ำเชื่อมหวานๆ ไหว้เจ้าที่ 
ไหว้เสร็จก็จะตักให้กินคนละถ้วย หวานซ้า.า แม่นันไม่ค่อยชอบหรอกค่ะ 

อาอึ้มบอกว่า "เจี้ยะ เหลาะ โน๊ว. เจียะตีตี ฮอ กากี่" (กินซะลูก เจียะตีตี แล้วดีกับตัวเองนะ) 
เจียะตีตี ในที่นี้หมายถึงให้กินเป็นธรรมเนียม ชีวิตจะได้ตีตีหวานๆสดชื่นไม่มีอะไรติดขัด 
อาตัวแจ้เล่าว่า สมัยก่อนบ้านเราเวลาไหว้ขนมบัวลอยที เป็นอะไรที่วุ่นวายแกมตลกมาก 
พอไหว้เจ้าเสร็จ อาป๊ะก็บอกให้พวกเราเอาเจ้าบัวลอยนี่ล่ะ ไปเสียบตรงหมึ่งซึ้ง (ที่ปักธูปข้างประตู้บ้าน) ข้างละเม็ด 
เสร็จแล้วก็ให้แปะโต๊ะ แปะเก้าอี้ แปะนู่นแปะนี่ แปะเต็มไปหมด 
อ้อ..ตอนลาเจ้าที่ต้องเอาเม็ดบัวลอยเสียบตรงข้างๆศาล (ตรงระเบียงด้านข้างน่ะค่ะ) ข้างละเม็ดด้วยนะคะ 
ประมาณว่าเจ้า "ตีอี๊" (ขนมบัวลอยหวานๆเหล่านี่ แทนความเป็นปึกแผ่น เหนียวแน่น สมัครสมาน 
"แจ้ยังคิดในใจตอนทำตามคำสั่งเลยว่า เดี๋ยวมดก็ขึ้นเต็มบ้านหรอก หวานซะขนาดนั้น" อาแจ้เล่าไปหัวเราะไป
"แล้วมดขึ้นมั้ย" แม่นันแกล้งถาม
"ไม่เห็นแฮะ เห็นตอนพอหลายๆวันเข้า ขนมบัวลอยแข็งโป๊กเลย"
"สมัยตอนอาป๊ะยังอยู่ อาป๊ะจะเป็นคนต้นงานในวันไหว้ขนมบัวลอย อาป๊ะจะไปจัดไฟจัดสถานที่ให้ที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากง 
ผู้คนมากมายก็จะมาไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันในวันนั้น ในงานก็มีการประมูลสิ่งของต่างๆ ส้มเป็นกระเช้านำขึ้นมาประมูลกัน 
เค้าถือว่าส้มเป็นผลไม้มงคลในวันนั้น ราคาที่ประมูลกันก็เป็นหลักพันนะสมัยนั้นน่ะ" อาแจ้เล่า
แล้วสมองแม่นันก็หวนจำไปถึงวันแต่งงานของอาแจ้คนใดคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่นันยังเด็กมาก 
จำไม่ได้จริงๆว่าวันนั้นอาแจ้คนไหนเป็นเจ้าสาว ในเช้ามืดวันนั้น เห็นอาอึ้มกำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารแต่ละอย่างป้อนใส่ปากลูกสาวตัวเอง 
ปากก็บ่นอะไรไม่รู้งึมงัม งึมงัม "ใช่วันแต่งงานของแจ้รึเปล่า" แม่นันถาม
อาตั่วแจ้เล่าต่อ..สมัยแจ้เหรอ สมัยนั้นบ้านเรายังอยู่ที่ท่าดินแดง ตอนเช้าวันพิธีอาอ่ึ้มก็เตรียมกับข้าวให้ลูกสาว 
ก็จะเป็นเมนูมงคลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดหัวใจหมู ผัดหมี่ แล้วทุกเมนูต้องจัดเป็นคู่ๆนะ หมายถึงทำอย่างละสองจาน 
รวมทั้งหมดห้าอย่าง สิบจาน ความหมายคือให้อยู่กันเป็นคู่ไม่จากกันไปไหน อาอึ้มก็จะคีบอาหารทีละอย่างป้อนให้ 
ป้อนไปปากก็อวยพรไป ...
แล้วอาอึ้มก็จะเตรียมบัวลอยไข่หวานสองถ้วย พอฝ่ายชายมารับ อาป๊ะอาอึ้มก็จะให้คู่บ่าวสาวทาน แล้วต้องกินไข่ทั้งลูกด้วยนะ 
จะได้มีลูกชายหัวปี แต่ต้องเหลืออี๊ (ขนมบัวลอย) ไว้ในถ้วยบ้าง ห้ามกินหมด 
จะได้แสดงถึงความรักที่มีต่อกันอย่างเหนียวแน่นหนึบหนับเหมือนขนมอี๊ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว
"แล้วแจ้กินเข้าไปได้ยังไงทั้งฟอง ไม่ติดคอเหรอ" แม่นันซักไปหัวเราะไป
"เอ้า อาอึ้มก็ต้มไข่ไก่ เลือกฟองเล็กๆหน่อย สมัยนั้นมีไข่นกกระทาด้วยนะ"
พอเล่าแล้วเครื่องก็ติดค่ะ ดูเหมือนอาแจ้จะไม่ง่วงแล้ว
"พออาเฮีย (เจ้าบ่าว) มารับตัวไปอยู่ที่บ้านได้สามวัน ก็กลับมาเยี่ยมอาอึ้มอาป๊ะที่บ้านท่าดินแดง" 
พิธีการกลับมาเยี่ยมบ้านตามธรรมเนียมสมัยนั้น คือ สามวันแรก และถัดไปอีกสิบสองวันก็จะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง 
พ้นจากสิบสองวันแล้วจะกลับมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สมัยแจ้ก็เริ่มทำพอเป็นพิธีแล้วนะ 
คือหลังจากไปอยู่บ้านผู้ชายสามวัน ก็กลับมาเยี่ยมอาป๊ะอาอึ้ม (แต่เตรียมชุดใหม่มาด้วยหนึ่งชุด) 
ทำทีว่าพอเยี่ยมพ่อแม่เสร็จ บ่ายก็ออกมาเปลี่ยนชุดที่ปั๊มน้ำมัน แล้วก็กลับเข้าไปเยี่ยมใหม่ 
(ประมาณว่าการเยี่ยมครั้งนี้ คือการเยี่ยมครั้งที่สอง สิบสองวันผ่านไป)
ธรรมเนียมจีนที่เข้มงวดอีกอย่างคือ ถ้าน้องสาวแต่งงานก่อน พี่สาวจะต้องไม่อยู่บ้านในวันนั้น 
จะไปเดินเล่นที่ไหนก็ได้ ต้องไม่มาอยู่ในพิธีด้วย
"อาหยู่หมวยแต่งก่อนแจ้ไง" อาตั่วแจ้พูดถึงน้องสาว คือพี่สาวคนที่สองของแม่นัน
วันนั้นแจ้ก็เลยต้องชวนอาหลั่น (เพื่อนอาตั่วแจ้) ไปดูหนังในโรงหนังเฉลิมธนทั้งวัน 
สมัยนั้นหนังจะฉายเวียนไปเรื่อยๆ ตั๋วใบละห้าบาท พระเอกนางเอกก็ต้อง มิตร ชัยบัญชา, เพชรา เชาวราษฎร์ ..โอว.แม่นันทันอยู่นะ
อาตั่วแจ้กำลังจะเล่าต่อ...
"แจ้..ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว..."
ปีนู้นแม่นันไหว้ขนมบัวลอยเสร็จก็ทำตามที่อาตั่วแจ้เล่านะ คือนำเจ้าเม้ดบัวลอยไปติดไว้ตรง "หมึ่งซึ้ง" ข้างประตูรั้วสองข้าง 
ผ่านไปเป็นอาทิตย์นึกขึ้นได้ รีบเดินออกไปดู ฮ่าฮ่า ยังอยู่ที่เดิมในสภาพ "แข็งโป๊ก" เหมือนที่อาแจ้เล่าเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่