JJNY : ก้าวไกล เปิด 13 นโยบาย| ชาวเน็ตซัดกันนัว ปม 'ม้า อรนภา'| ยุทธพงศ์ ให้ศูนย์คะแนน| เบรก AIS PLAYBOX ยิงสดบอลโลก

ก้าวไกล เปิด 13 นโยบายกระจายอำนาจ ชงประชามติ เลือกตั้ง ‘นายกจังหวัด’ ทั่วปท.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3695074

‘ก้าวไกล’ เปิดนโยบาย ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า มุ่งกระจายอำนาจ-ความเจริญ สู่ท้องถิ่น ชงจัดประชามติยกเลิกส่วนภูมิภาค-เลือกนายกจังหวัดทั่ว ปท. ยัน ปชช.-ข้าราชการ ได้ประโยชน์
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยคณะก้าวหน้า ร่วมกันแถลงนโยบาย “ ”

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นนโยบายหลักตั้งแต่ครั้งพรรคอนาคตใหม่ เพราะต้องการให้ประเทศเกิดการขับเคลื่อน 2 ทางควบคู่กัน คือการขับเคลื่อนจากล่างขึ้นบน ผ่านการสร้างผู้บริหารท้องถิ่นที่มีศักยภาพ พิสูจน์ว่าท้องถิ่นพร้อมบริหาร และพร้อมพัฒนาเมืองของตัวเอง อีกทางหนึ่งคือการขับเคลื่อนจากบนลงล่าง

ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดการทำงานของท้องถิ่น ซึ่งเป็นที่มาของการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่นที่มีประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อกว่า 76,591 คน และจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 29-30 พฤศจิกายนนี้ โดยเราหวังว่าวันหนึ่งการขับเคลื่อนทั้ง 2 ทางจะมาบรรจบกันที่เส้นชัย คือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ก้าวหน้า หลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนา
  
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า ที่ผ่านมาความเจริญและอำนาจในการตัดสินใจส่วนใหญ่ของประเทศไทยรวมศูนย์อยู่ที่ กทม. และรัฐส่วนกลาง ขนาดเศรษฐกิจของกทม. ใหญ่กว่าจังหวัดอันดับ 2 อย่างชลบุรีถึง 5 เท่า ในขณะที่ส่วนกลางมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องการใช้งบสูงถึง 80% ของงบประมาณทั้งหมด พรรค ก.ก. จึงมีเป้าหมายที่จะปลดล็อกความกระจุกตัวของอำนาจและความเจริญ ด้วยการทำให้ประชาชนทุกจังหวัดมีอำนาจและทรัพยากรเพียงพอในการกำหนดอนาคตของตัวเอง

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพรรค ก.ก. พูดแต่เรื่องกระจายอำนาจ ทำไมไม่พูดเรื่องปากท้องเฉพาะหน้าของประชาชน แต่ผมต้องบอกว่านโยบายกระจายอำนาจคือนโยบายเศรษฐกิจ คือเรื่องปากท้อง เพราะการกระจายอำนาจจะนำไปสู่การระเบิดพลังทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้งบประมาณถูกใช้อย่างถูกจุดโดยคนที่ใกล้ชิดกับปัญหาและรู้ปัญหาจริง เพื่อยกระดับบริการสาธารณะ และสร้างงานใหม่ๆ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากกระจายอำนาจควบคู่กับการเพิ่มเสรีภาพในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้คอร์รัปชั่นลดลงอีกด้วย” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า นโยบาย “ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า” จะพลิกประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยหากเป็นรัฐบาล สิ่งที่จะทำใน 100 วันแรกคือการยกเลิกกฎระเบียบและคำสั่ง คสช. ทั้งหมดที่ล็อกคอ และล้วงลูกท้องถิ่น ถัดมาภายใน 1 ปี คือการทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเลือกตั้ง “นายกจังหวัด” ทุกจังหวัด และยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค โดยที่รับประกันว่าไม่มีใครตกงานหรือเสียประโยชน์ และในทุกๆ ปี รัฐบาลก้าวไกลจะค่อยๆ กระจายงบประมาณให้ท้องถิ่นในการจัดทำบริการสาธารณะและพัฒนาพื้นที่ โดยภายใน 4 ปี ท้องถิ่นทั่วประเทศจะได้งบเพิ่มขึ้น 200,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นการเพิ่มงบ อบจ. ละ 250 ล้าน เมืองละ 100 ล้าน ตำบลละ 50 ล้านบาทต่อปี โดยเฉลี่ย

ส่วน นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า นโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้าประกอบด้วย 4 ข้อสำคัญ ได้แก่ (1) การวางโรดแมปไปสู่การเลือกตั้ง “นายกจังหวัด” ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดแทนผู้ว่าราชการที่มาจากการแต่งตั้ง (2) การเพิ่มงบจังหวัดจัดการตนเอง (3) การปลดล็อกกฎระเบียบให้ท้องถิ่นจัดทำบริการสาธารณะและแก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทั้งหมด และ (4) การเพิ่มอำนาจประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
 
พรรค ก.ก. ขอยืนยันกับข้าราชการทุกคนที่สังกัดส่วนภูมิภาคและสังกัดส่วนท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ว่าทุกตำแหน่งแห่งหนจะยังคงอยู่ ทุกสิทธิประโยชน์จะยังคงเดิม และทุกความก้าวหน้าจะยังคงมี โดยการปฏิรูประบบราชการครั้งนี้ เป็นเพียงการเปลี่ยนการทำงานของข้าราชการบางส่วนในแต่ละพื้นที่ จากเดิมที่ทำงานแยกกันภายใต้อธิบดีกรมหรือปลัดกระทรวงที่อยู่ที่ กทม. เปลี่ยนเป็นทำงานร่วมกันภายใต้ผู้บริหารท้องถิ่นที่ประชาชนเลือกในพื้นที่โดยตรง โดยจะเป็นการออกแบบระบบราชการที่ทำให้ศักดิ์และสิทธิของข้าราชการทุกสังกัดเท่าเทียมกัน มีกลไกรองรับการถ่ายโอนโยกย้ายระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น
 
ผมเชื่ออย่างสุดใจ ว่าภารกิจนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ทุกจังหวัดในประเทศไทยก้าวหน้า ถ้าประชาชนเป็นคนเลือกนายกจังหวัดแล้ว จะไม่มีรัฐบาลไหนเปลี่ยนกลับมาให้มีผู้บริหารจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้งได้อีก นี่จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ที่ไม่มีวันย้อนกลับได้” นายวรภพกล่าว
 
ขณะที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่า การกระจายอำนาจจะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอน เช่น ในช่วงเช้า คนภาคเหนือจะไม่ต้องตื่นมาสูดอากาศที่เป็นมลพิษ เพราะปัญหาไฟป่าจะได้รับการจัดการที่ดีขึ้น อาสาสมัครป้องกันไฟป่าจะได้รับการฝึกอบรม มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่เพียงพอ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิต ในช่วงกลางวัน คนภูเก็ตหรือคนขอนแก่น อาจได้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ผลักดันมายาวนาน เช่น รถราง รถไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะเงินไม่พอและไม่มีอำนาจตัดสินใจ ในช่วงเย็น ประชาชนจะมีสวนสาธารณะใกล้บ้านสำหรับพักผ่อนและเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันของคนทุกกลุ่ม
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุดนโยบาย “ทุกจังหวัดไทยไทยก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล แบ่งเป็น 4 ด้าน มีทั้งหมด 13 นโยบาย ได้แก่

“ผู้บริหารจังหวัดเรา เราเลือกเอง” ประกอบด้วย
1. ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ไม่มีใครตกงาน-เสียประโยชน์
2. เลือกตั้งนายกจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
3. เลือกตั้งนายกเขต ทุกเขตใน กทม.
4. ข้าราชการทุกสังกัด ศักดิ์และสิทธิเท่ากัน โยกย้ายก้าวหน้าได้
 
“งบจังหวัดเรา เราตัดสินใจเอง” ประกอบด้วย
5. เพิ่มงบจังหวัดจัดการตนเองทุกปี
– ทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาทต่อปี ภายใน 4 ปี
– จังหวัดละ 250 ล้านบาทต่อปี ภายใน 4 ปี
– เมืองละ 100 ล้านบาทต่อปี ภายใน 4 ปี
– ตำบลละ 20 ล้านบาทต่อปี ภายใน 4 ปี
6. ปรับสูตรกระจายงบให้เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่
7. ท้องถิ่นมีช่องทางหารายได้ใหม่ กู้เงิน-ออกพันธบัตร-ร่วมทุน

“บริการสาธารณะในพื้นที่เรา เราจัดการเอง” ประกอบด้วย
8. บริการสาธารณะถูก-เร็ว-ดี ท้องถิ่นจัดทำได้ทั้งหมด ยกเว้น ทหาร-ศาล-เงินตรา
9. ถ่ายโอน ถนน-คูคลอง-แหล่งน้ำ-ขนส่ง-สิ่งแวดล้อม-พิสูจน์สิทธิที่ดิน-โรงงาน-โรงแรม-สถานบริการ
10. ยกเลิกกฎระเบียบและคำสั่ง คสช. ที่ล็อกคอ-ล้วงลูกท้องถิ่น ภายใน 100 วัน
 
“ท้องถิ่นเรา เราร่วมตรวจสอบได้เอง” ประกอบด้วย
11. ท้องถิ่นโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลงบประมาณทุกบาท-จัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน
12. ประชุมสภาพลเมือง ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกท้องถิ่น ทุกไตรมาส
13. ประชาชนเข้าชื่อออนไลน์ เสนอโครงการ-ข้อบัญญัติ ถอดถอนท้องถิ่นได้
 

 
ชาวเน็ตซัดกันนัว ปม 'ม้า อรนภา' ลามไปถึงความเห็นต่างเรื่องการเมือง
https://www.matichon.co.th/entertainment/news_3694907

หลังจาก ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดเผยว่า มีนักแสดงรุ่นใหญ่ตบหน้าดาราช่องน้อยสี ก่อนที่จะมีคำใบ้ และในที่สุด ม้า อรนภา กฤษฎี ก็อกมาชี้แจง

ล่าสุดในอินสตาแกรม maornapa ของม้า อรนภา ก็มีผู้ไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และก็กลายเป็นเวทีที่ชาวเน็ตซัดกันนัว โดยเมื่อมีบุคคลหนึ่งโพสต์ถาม ‘ลุงไปตบเขาจริงรึป่าวครับ?
 
ก็มีผู้เข้ามาตอบ ‘จริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรเรียกพี่ม้าแบบนั้น หยุดบูลลี่ค่ะ เวลาโดนด่ากลับก็ไม่ต้องเรียกร้องสิทธิ์ในเมื่อตัวเองไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น เม้นได้อุบาทว์มาก!
 
จากนั้นชาวเน็ตอีกรายก็แสดงความเห็น ‘เพิ่งรู้ว่าการเรียกลุงคือการบูลลี่’ ซึ่งผู้ที่ ‘ขอให้หยุดบูลลี่’ ก็ว่า ‘รับรู้ไว้ด้วยค่ะ ทุกวันนี้ความหลากหลายทางเพศมีมากมาย พี่ม้าเพศสภาพคือผู้หญิง สมควรเรียกแบบนั้นหรอคะ คิดไม่ได้? จะต้องให้อธิบาย? ต่อให้เป็นคนที่คุณไม่ชอบก็ไม่สมควรค่ะ’ 

และก็ได้คำตอบจากคน ‘เพิ่งรู้’ ว่า ‘ผมชื่นชมคุณนะที่ตอบผมด้วยความสุภาพ ถ้อยคำที่ดี แต่ผมอยากถามว่าถ้าเกิดเป็นเพื่อนคุณหรือคนที่คนชื่นชอบในขณะนี้ ไปทำร้ายคนอื่น หรือด่าคนอื่น คุณจะออกมาตำหนิ และว่าไม่สมควรเหมือนที่คุณบอกให้คนอื่นฟังรึป่าว ปล.ผมไม่ได้ตัดสินใครหรือพูดถึงใครยังไงน่ะมันเป็นคำถามทั่วไป
 
นอกจากนี้จากความเห็นของชาวเน็ตอีกคนที่ว่า ‘เปลี่ยนหน้าใหม่แล้ว อย่าลืมเปลี่ยนสัน-ใหม่ด้วยนะคะ ลุงข้างบ้านฝากมา’ ก็มีผู้เข้ามาโต้ว่า ‘แนะนำควรเปลี่ยนสัน-ตัวเองก่อนดีกว่านะ ดูหน้าสม-ดีเที่ยวด่าคนอื่น กฎหมายมีนะรู้จักไหม มีการศึกษาหาความรู้ไหมต้องพัฒนาบ้างนะ จะได้ไม่ต้องมาด่าคนอื่นแบบนี้ โพสต์เดียวถ้าคนมีสติเค้าจะมองความเป็นจริงว่ามันเป็นไปได้หรอมันขนาดนั้นเลยหรอในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ใช่ไหมขนาดนั้น เรื่อง 10% โพสต์ 100% ไม่หัก อี๋ๆ
 
รวมถึงยังมีที่บอก ‘มีบางครั้งเราก็ไม่ชอบการกระทำพี่ม้านะ แต่อันนี้คุณด่าเขาแรงเกินไปไหมคะ’, ‘แนะนำให้แม่ฟ้องค่ะ’ 
 
ทั้งนี้ผู้แสดงความเห็นให้ ‘เปลี่ยน’ ยังโพสต์เพิ่มด้วยว่า ‘สำหรับใครที่ผ่านไปผ่านมา แล้วรับไม่ได้ หรือเจ็บใจแทน แนะนำให้จัดการตัวเองเนอะ มันไม่ใช่ครั้งแรก การไปตบหน้าคนอื่นนั้นคือพฤติกรรมที่ดี คนที่มีสมองมักจะคิดได้ แต่ส่วนมากแล้ว การที่คนทำผิดซ้ำๆ แล้วยังมีคนยกยอปอปั้น ถึงว่า ไม่เจริญกันไปไหนสักที กี่ครั้งกี่ดราม่าถึงจะเปลี่ยนนิสัย แก่ไปข้างหน้า ยังต้องให้คนอื่นมาสอน แล้วคนที่มาเม้นให้กำลังใจ ไม่ผิดหรอก แต่อยากถามว่า พึ่งเล่นโซเชียลหรอ พึ่งหัดดูข่าวหรอ ถึงไม่รู้พฤติกรรมนาง ไม่โอก็ช่วยไม่ได้ เพราะนั่นคืออารมณ์พวกคุณ ชอบดาราไม่ผิด แต่เห็นผิดเป็นถูก นั้นแปลว่าพวกคุณโรคจิตกันแล้ว สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจ

แล้วก็มีผู้แย้ง ‘พวกสามกีบตัวดี พี่ศรีโดนต่อยพวกบอกสมควร แถมโอนเงินให้อีก ส่วนพี่ม้าไปตบเขา บอกเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย ถล่มเขาซะยับ ซึ่งยังไม่รู้ข้อเท็จจริง อะไรคือความถูกต้องของพวก’ 

ขณะอีกรายก็บอก ‘หวังว่าตอนศรีสุวรรณโดนชก คุณคงไม่ได้ร่วมสะใจด้วยนะ ถ้าจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ต้องทุกกรณีนะคะ ไม่ใช่แค่กับบางคน
 
ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่ยังไม่ปักใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น และรอฟังคำจากปากม้า อรนภา โดยว่าขอให้เธอตั้งโต๊ะแถลง และถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็แนะนำให้ฟ้อง พร้อมกันนั้นส่งกำลังใจผ่านภาพหลายราย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่