JJNY : 10 ปี คนเหนือ ป่วยมะเร็งปอดสูงสุด│ก้าวไกลมีมติเลื่อนเปลี่ยนกก.บห.│‘เงินเฟ้อ’ติดลบ│โดรนยูเครนถล่มฐาน ฝูงบินรัสเซีย

แพทย์ มช. เผยชัด ในรอบ 10 ปี คนภาคเหนือ ป่วยมะเร็งปอด สูงสุดในประเทศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8176105
 
 
แพทย์ มช. เผยชัด ในรอบ 10 ปี คนภาคเหนือ ป่วยมะเร็งปอด สูงที่สุดในประเทศ ผลกระทบโดยตรง ฝุ่นพิษ PM2.5 ชี้ต้องลดปัจจัยฝุ่น ถึงช่วยลดจำนวนผู้ป่วย
 
วันที่ 6 เม.ย.2567 รศ.นพ.เฉลิม ลิ่วศรีสกุล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์และอาจารย์ประจำหน่วยวิชาระบบการหายใจ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ในภาคเหนือที่สะสมมายาวนานกว่า 10 ปี และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยของโรงพยาบาล ในช่วงที่เกิดฝุ่นPM2.5 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
จากการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่า ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด

นอกจากนี้ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 เนื่องจากมีงานวิจัยที่รองรับทั่วโลกแล้วว่าการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปอด ได้อย่างมีนัยสำคัญ
หลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM 2.5 กับมะเร็งได้จากงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ที่ได้ทำการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่
 
โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจเปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 ต่ำ
 
ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนส์มีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต
 
นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น เลือดกำเดาไหล น้ำมูกไหลจากจมูกอักเสบ เจ็บคอ เสียงแหบ ไอ ซึ่งเป็นอาการจาก PM2.5 ที่ไม่รุนแรง
 
แต่โรคที่มีความรุนแรงซึ่งมีความสัมพันธ์กับปริมาณฝุ่น PM2.5 และพบมากที่สุดในเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา คือ การกำเริบของโรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดหัวใจและ โรคหลอดเลือดสมอง” ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่การเจ็บป่วยที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
 
งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ที่ทำการศึกษาผู้ที่เสียชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ที่สัมพันธ์กับระดับ PM2.5 พบว่าทุกๆ 10 ไมโครกรัม/ลบ.เมตรที่เพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ย PM2.5 รายวัน จะสัมพันธ์กับการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นของประชากรเชียงใหม่ 1.6% ในอีก 6 วันต่อมา
 
รศ.นพ.เฉลิม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจะลดจำนวนผู้ป่วยได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ สิ่งสำคัญคือการลดปริมาณฝุ่นได้แก่ ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ควบคุมฝุ่นควันข้ามแดน ส่วนประชาชนจำเป็นต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม แนะนำให้ติดตามค่าฝุ่นละอองทุกวัน
 
หากเกินค่ามาตรฐานควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือหากมีความจำเป็น ควรใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้คือ หน้ากากมาตรฐาน N-95, KN-95 หรือ FFP2 และใช้ระยะเวลาในการออกนอกอาคารให้สั้นที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสูด PM2.5 เข้าไปในร่างกายในปริมาณมากๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวได้”



ก้าวไกล มีมติเลื่อนเปลี่ยน กก.บห. จนกว่าได้ข้อสรุปคดียุบพรรค พริษฐ์ ปัดตอบ เป็นหน.พรรคคนต่อไป?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4513167

ก้าวไกล มีมติเลื่อนพิจารณาเปลี่ยน กก.บห. รับมือ คดียุบพรรค เผย สานต่อหลังปิดสมัยประชุมชู 5 ส่วนงาน ’พริษฐ์’ ปัดตอบ อาจเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ยัน พรรคต้องใหญ่กว่าคน
 
เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่โรงแรมเมเปิล ภายหลังการประชุมสามัญประจำปี 2567 ของพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงผลประชุมว่า วาระหลัก คือเรื่องการสร้างพรรคในส่วนของการทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ขณะนี้ตัวเลขสมาชิกพรรคมีเกือบ 100,000 คน เราได้มีการตั้งตัวแทนตัวแทนประจำอำเภอ เกือบ 200 อำเภอทั่วประเทศ ซึ่งเราได้เห็นอัตราการต่ออายุของสมาชิกพรรคที่เป็นรายปีถึงประมาณ 3 เท่า เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาพรรคเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง รวมถึงการแก้ไขข้อบังคับ เพื่อทำให้กระบวนการสมัครสมาชิกพรรคสะดวกสบายมากขึ้น จากเดิมที่อาจจะต้องใช้เอกสารเยอะหน่อย ตอนนี้สามารถสมัครได้โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่อยากจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล
 
ส่วนอีกเรื่องที่ได้รับความสนใจ คือจะมีการปรับกรรมการบริหารพรรคหรือไม่นั้น ในที่ประชุมมีมติขอเลื่อนการพิจารณาจนกว่าจะมีข้อสรุปในเรื่องของคดียุบพรรค” นายพริษฐ์กล่าว
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า ในช่วงสภาปิดสมัยประชุมพรรคก้าวไกลก็จะเดินหน้าทำงานต่อ ซึ่งเราได้แบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลักๆ คือ
 
1. การเตรียมร่างกฎหมายเพิ่มเติม นอกจาก 50 กว่าฉบับที่เราได้เสนอการพิจารณาของสภาแล้ว ซึ่งจะครอบคลุมทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน โดยคาดว่า เมื่อเปิดสมัยประชุม น่าจะใกล้เคียงกับการมี ส.ว.ชุดใหม่ ซึ่งเราหวังว่าจะมีท่าทีสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นทั้งในมุมของการจัดทำฉบับใหม่ และมุมของการแก้ไขรายมาตราคู่ขนานกัน ส่วนงานในด้านกรรมาธิการ ถึงแม้ว่าจะปิดสมัยประชุม แต่การประชุมของคณะกรรมาธิการ ยังเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มีตัวแทน ส.ส.ของพรรคไปดูแลก็จะขับเคลื่อนงานในส่วนนี้ต่อ
 
2. งานในเชิงพื้นที่ ในช่วงที่มีการปิดสมัยประชุมสภา ส.ส.ของเราจะได้ใช้เวลาเต็มที่ในการเข้าหาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเขตหรือบัญชีรายชื่อก็ตาม เพื่อทำความเข้าใจกับปัญหาของประชาชนมากขึ้นรวมถึงได้มีการพูดคุยในมุมกว้างและลึกขึ้นนำปัญหาที่ประชาชนพบเจอรีบนำกลับ มาแก้ไขทันทีที่สภาเปิดผ่านกระบวนการของสภา
 
3. งานเชิงประเด็น ขณะนี้ ส.ส.ของก้าวไกลมีการแบ่งทีมเป็นเชิงประเด็น เช่น ก้าวกรีน ที่ดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อม, ก้าวGeek ที่ดูแลเรื่องงานดิจิทัล, ก้าวlearn ที่ดูแลด้านการศึกษา เป็นต้นในช่วงปิดสมัยประชุมก็เป็นเวลาที่ทีมเชิงประเด็นเหล่านี้จะได้ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมขยายเครือข่าย รวมไปถึงการพัฒนาเชิงนโยบายเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญรวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

4. งานท้องถิ่น จากที่พรรคก้าวไกลประกาศจะลงสมัครเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึงมากที่สุดคือการเลือกตั้งในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ซึ่งเราเปิดรับผู้สมัครไปแล้วทั้งหมด 16 จังหวัด และมีประมาณ 4-5 จังหวัดที่เราได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว อาทิ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดอุดรธานี จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีการทยอยเปิดตัวผู้สมัครเพิ่มเติม
 
5. งานของการสร้างพรรค คือการเพิ่มสมาชิกให้ทะลุ 100,000 คน และเพิ่มไปเรื่อยๆ เชื่อว่า ในวันนี้ที่มีมติแก้ข้อบังคับพรรค จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถเพิ่มสมาชิกได้เร็วยิ่งขึ้น
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า ในเหตุการณ์เช่นนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะมีโอกาสพบปะกับคณะทำงานแล้วก็ตัวแทนของพรรคทั่วประเทศ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนประเด็นที่ผ่านมารวมไปถึงทิศทางการทำงานในอนาคต
 
เมื่อถามว่าในส่วนของคำชี้แจงที่ใช้ต่อสู้กับคดียุบพรรคใครเป็นผู้ดูแลเป็นหลัก นายพริษฐ์กล่าวว่า ทีมกฎหมายของพรรคจะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบตอนนี้อยู่ในกระบวนการให้เราได้ยื่นคำชี้แจงต่อข้อกล่าวหา โดยกำหนดเบื้องต้นไว้ที่ 15 วัน แต่มีช่องทางกฎหมายที่สามารถทำให้เราขยายเวลาได้ ซึ่งเข้าใจว่าตอนนี้ทางทีมกฎหมายได้เตรียมคำชี้แจงดังกล่าวอยู่ โดยคาดว่าหากส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทางพรรคก็มีการแถลงต่อสื่อมวลชนในเรื่องของแนวทางการสู้คดีอย่างเป็นระบบเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ด้วย
 
ส่วนจะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ หากถูกยุบพรรค นายพริษฐ์กล่าวว่า ในเชิงกฎหมายก็ว่ากันไปตามกระบวนการหากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น ส่วนทิศทางในการทำงานไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เพราะเราเชื่อว่าการบริหารท้องถิ่นเป็นพื้นที่หนึ่งที่คนของพรรคก้าวไกลที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลมีโอกาสในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงนโยบายในส่วนของท้องถิ่น คนที่มีชุดความคิดเหมือนพรรคก้าวไกลแล้วอาสาตนเองเข้ามาสมัครก็สามารถเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกได้ตามปกติไม่มีปัญหาอะไร
 
ถามว่าได้ประเมินถึง ส.ส.ที่จะย้ายพรรคหากมีการเกิดยุบพรรคขึ้นจริงหรือไม่นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า เราทุกคนที่เดินเข้ามาในพรรคนี้ และตัดสินใจยื่นใบสมัครเป็น ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ทุกคนมีชุดความคิดและอุดมการณ์ที่ตรงกัน ตนเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกคนจะเดินหน้าต่อร่วมกันเป็นเอกภาพในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เราฝันอยากเห็นร่วมกัน
 
ในส่วนของพรรคก้าวไกลได้มีการประเมินการทำงานเป็นระยะๆ อยู่แล้ว และเราจะยกระดับการทำงานขึ้นไป ทิศทางของการทำงานของพรรคก้าวก่ายในแกนนำพรรคฝ่ายค้านหลังจากที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่ เราก็ทำหน้าที่ในฝ่ายค้านเชิงรุก และพยายามผลักดันวาระทางสังคมที่เราเห็นว่าสำคัญ โดยไม่ต้องรอรัฐบาลว่าจะออกวาระอะไร ซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดคือ ในทุกสัปดาห์จะมีการพูดคุยกฎหมายของพรรคก้าวไกลในสภา โดยตรงนี้เป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นรัฐบาลให้มองเห็นถึงปัญหาที่พรรคก้าวไกลมองว่าเป็นปัญหา และรัฐบาลจะต้องมีชุดคำตอบของตัวเองต่อปัญหาดังกล่าว แม้จะมีรายละเอียดที่แตกต่างจากพรรคก้าวไกลบ้าง
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า เราใช้ทุกกลไกของสภา ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรารู้ว่า เป็นอาวุธที่ฝ่ายค้านมีในมือ แต่เราจะใช้มันอย่างถูกจังหวะ ถูกเวลา และคุ้มค่าที่สุด ไม่อยากให้มองว่า กลไกที่ฝ่ายค้านมีแค่การอภิปราย แต่ยังมีการตั้งกระทู้ถาม ทำให้เราสามารถถามแทนพี่น้องประชาชนต่อรัฐบาลในประเด็นที่รัฐบาลอาจเดินไม่ตรงจุด รวมถึงกลไก กมธ. ที่ทางพรรคก้าวไกลพยายามขยายองค์ความรู้ในการเสนอแนะ
 
เมื่อถามว่านายพริษฐ์เองสามารถเป็นหัวหน้าพรรครุ่นต่อไปได้หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคต้องใหญ่กว่าคนอยู่แล้ว ในมุมหนึ่งทุกพรรคการเมืองต้องเสริมทักษะความเป็นผู้นำให้แก่คนในพรรคอยู่แล้ว และพรรคก้าวไกลทำงานเป็นทีมมาตลอดเพื่อให้การทำงานนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายให้เร็วที่สุด ย้ำว่า พรรคใหญ่กว่าคน ตอนนี้เราเป็นพรรคก้าวไกล นำโดยหัวหน้าพรรค ประธานที่ปรึกษาฯ ซึ่งพรรคมีความเข้มแข็งในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงมีความพร้อมหากได้รับเลือกจากประชาชนเข้าไปบริหารประเทศ
 
นายพริษฐ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคสำรองอีกว่า พรรคอนาคตไกลไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล เพราะตอนนี้สมาธิเราโฟกัสอยู่แค่ 2 อย่างคือ ทำอย่างไรให้เราพิสูจน์กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญได้ และทำงานเต็มที่ผ่านกลไกทางการเมืองต่างๆ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในฐานะพรรคก้าวไกล
 
“เราเห็นว่าที่ผ่านมา การยุบพรรคการเมืองคือเครื่องมือในการทำลายล้างฝั่งตรงข้าม หากเราดูมาตรฐานประชาธิปไตยสากลจะไม่มีการยุบพรรคเกิดขึ้น หากมีพรรคไหนที่กรรมการบริหารพรรคทำอะไรผิดจะเป็นการลงโทษบุคคล พรรคการเมืองควรเป็นสถาบันทางการเมืองที่ควรจะใหญ่กว่าคนใดคนหนึ่ง หรือคณะบริหารชุดใดชุดหนึ่ง” นายพริษฐ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่