😎 งานนี้ไม่นำเสนอก็เรียกว่าพลาดแน่ๆ (หมายถึงผมนี่แหละ) คืองานนี้เมื่อสักสัปดาห์สองสัปดาห์ก่อน เห็นคนเขียนผ่านๆตาอยู่บ้างเพราะมีคนส่งมาถามหลายคน อาจจะเพราะผมนำเสนอเรื่องสารทดแทนความหวานบ่อย
📌 ประเด็นก็คือว่าหลายสำนักนำเสนอแล้วบอกว่า การทานน้ำตาลเทียม หรือสารทดแทนความหวานนั้น ทำให้เป็นมะเร็ง จริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ งานนี้เขาศึกษาแบบ Meta-analysis นะครับ โดยเขาตั้งคำถามเกี่ยวกับการทานน้ำตาลเทียม (Artificial Sweeteners) กับ ความเสี่ยงของมะเร็งและการเสียชีวิต
🔎 ซึ่งเขาก็ได้รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยที่เข้าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ได้มา 25 งาน พอรวมข้อมูลตัวอย่างออกมาจาก Cohort study จำนวน 25 งาน เลยได้จำนวนตัวอย่างมา 3,739,775 ตัวอย่าง ตัวเลขเยอะขนาดนี้มันเลยยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
😎 เป็น Meta-analysis ที่ศึกษามาจาก Prospective cohort study อีกทีนึง ลักษณะของการศึกษาแบบนี้ก็คือหลังจากที่เขาตั้งคำถามขึ้นมา เขาก็ศึกษาไปข้างหน้า ว่ามันมีผลที่ต้องการเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อดูความเสี่ยงนะครับ
📌 ซึ่งงานนี้วาร์ปไปที่สรุปเขาบอกว่า การทานสารทดแทนความหวานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (all-cause mortality) ได้แต่ไม่พบความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงโดยภาพรวมของการเกิดมะเร็งและการเสียชีวิตจากมะเร็ง แต่บางสำนักแปลพรวดกันไปแล้วว่าการทานสารทดแทนความหวาน ทำให้เกิดมะเร็ง
😎 การเป็นสาเหตุ (causation) มันคนละเรื่องกับความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงนะครับ การศึกษาแบบ Cohort ทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ที่มันอาจจะมีผล แต่ถ้าจะดูว่ามันเป็นสาเหตุจริงๆมั้ย มันต้องไปดูการศึกษาที่มีการควบคุมตัวแปร ควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้มันชัดเจนกว่านี้จึงจะบอกได้ว่าเป็นสาเหตุนะครับ
😎 ไม่ใช่ว่าเห็นตัวเลขว่าข้อมูลมาจากคนสามล้านคนแล้วพรวดๆ ฟันธงโป๊ะป๊ะกันเลยนะครับ ดูให้ดีก่อนว่าเขาศึกษายังไง ผมก็ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาลเทียมนะ แต่เห็นการตีฟูกันไปใหญ่แล้วมันก็ไม่รู้สินะ ไม่อยากจะถามว่าอ่านงานวิจัยเข้าใจรึเปล่า ได้แต่คิดในใจ
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-10-04-can-artificial-sweeteners-increase-the-risk-of-cancer-incidence-and-mortality/
น้ำตาลเทียม ทำให้เป็นมะเร็งจริงรึเปล่า ? 🤔
📌 ประเด็นก็คือว่าหลายสำนักนำเสนอแล้วบอกว่า การทานน้ำตาลเทียม หรือสารทดแทนความหวานนั้น ทำให้เป็นมะเร็ง จริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ งานนี้เขาศึกษาแบบ Meta-analysis นะครับ โดยเขาตั้งคำถามเกี่ยวกับการทานน้ำตาลเทียม (Artificial Sweeteners) กับ ความเสี่ยงของมะเร็งและการเสียชีวิต
🔎 ซึ่งเขาก็ได้รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยที่เข้าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ได้มา 25 งาน พอรวมข้อมูลตัวอย่างออกมาจาก Cohort study จำนวน 25 งาน เลยได้จำนวนตัวอย่างมา 3,739,775 ตัวอย่าง ตัวเลขเยอะขนาดนี้มันเลยยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
😎 เป็น Meta-analysis ที่ศึกษามาจาก Prospective cohort study อีกทีนึง ลักษณะของการศึกษาแบบนี้ก็คือหลังจากที่เขาตั้งคำถามขึ้นมา เขาก็ศึกษาไปข้างหน้า ว่ามันมีผลที่ต้องการเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อดูความเสี่ยงนะครับ
📌 ซึ่งงานนี้วาร์ปไปที่สรุปเขาบอกว่า การทานสารทดแทนความหวานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (all-cause mortality) ได้แต่ไม่พบความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงโดยภาพรวมของการเกิดมะเร็งและการเสียชีวิตจากมะเร็ง แต่บางสำนักแปลพรวดกันไปแล้วว่าการทานสารทดแทนความหวาน ทำให้เกิดมะเร็ง
😎 การเป็นสาเหตุ (causation) มันคนละเรื่องกับความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงนะครับ การศึกษาแบบ Cohort ทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ที่มันอาจจะมีผล แต่ถ้าจะดูว่ามันเป็นสาเหตุจริงๆมั้ย มันต้องไปดูการศึกษาที่มีการควบคุมตัวแปร ควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้มันชัดเจนกว่านี้จึงจะบอกได้ว่าเป็นสาเหตุนะครับ
😎 ไม่ใช่ว่าเห็นตัวเลขว่าข้อมูลมาจากคนสามล้านคนแล้วพรวดๆ ฟันธงโป๊ะป๊ะกันเลยนะครับ ดูให้ดีก่อนว่าเขาศึกษายังไง ผมก็ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทน้ำตาลเทียมนะ แต่เห็นการตีฟูกันไปใหญ่แล้วมันก็ไม่รู้สินะ ไม่อยากจะถามว่าอ่านงานวิจัยเข้าใจรึเปล่า ได้แต่คิดในใจ
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-10-04-can-artificial-sweeteners-increase-the-risk-of-cancer-incidence-and-mortality/