😎 มนุษย์เรานี่ก็สรรหาทำกันนะครับ คือมันมีการออกกำลังกายแบบนึงเป็นการออกกำลังแบบพร่องออกซิเจน (Hypoxic exercise training บ้างเรียก Hypoxia exercise training) ในแง่ของการลดไขมัน ว่ามันดีกว่าออกกำลังกายแบบปกติรึเปล่า
📚 งานนี้เป็นการศึกษาแบบ Systematic review และ Meta-analysis จากการศึกษาที่เป็น Randomized clinical trials นะครับ วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะดูสิว่า การฝึกภายใต้ภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) นั้น มีผลดีต่อการลดไขมัน ลดน้ำหนักรึเปล่า ? เมื่อเทียบกับการฝึกแบบหายใจปกติธรรมดา ภาวะออกซิเจนปกติ (Normoxia)
🔎 เขาก็ค้นจากฐานข้อมูลงานวิจัยต่างๆ โดยกำหนดว่าศึกษาในกลุ่มคนที่เป็นคนอ้วน หรือน้ำหนักเกิน อายุ 18 ปีขึ้นไป BMI > 25 แล้วก็เป็นงานแบบ RCT มีการเปรียบเทียบระหว่างการออกภายใต้ภาวะ Hypoxia เทียบกับ Normoxia ภายใต้การทำกิจกรรมแบบเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ดูคืองานที่สนใจเรื่อง Body mass , BMI , Body fat percantage , Fat mass , Waist circumference , hip circumference และพวกค่าเลือดทั่วๆไป
📝 ซึ่งก็ทำให้เขาได้งานมาเข้าเกณฑ์ 19 งาน รวมข้อมูลแล้วได้กลุ่มตัวอย่างมา 444 คน น้ำหนักเกิน และอ้วน อายุระหว่าง 18-66 ปี แต่ไม่มีปัญหาสุขภาพนะ มี 11 งานให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน และแอโรบิค เฉลี่ย 20 นาที อีก 4 งานออกกำลังกายแบบ intermittent สามงานเป็น Hiit และหนึ่งงานเป็น Moderate intensity มีสี่งานออกแบบแอโรบิค ร่วมกับ resistance
😎 หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลออกมาแล้ว ผลที่ได้คือ... ในแง่ของการลดไขมัน ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ค่าน้ำตาล ค่าลิพิด(ไขมันนั่นแหละ) การออกกำลังกายแบบพร่องออกซิเจน นั้นให้ผลที่ไม่ได้แตกต่างกันกับออกกำลังกายแบบทั่วๆไปที่หายใจหายคอปกติ
📌ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องปีนหอคอยคาริน ขึ้นไปฝึกกับท่านจอมเทพเหมือนโงกุนนะครับ ถ้าเป้าหมายแค่ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ฝึกสบายๆ หายใจคล่องๆก็ได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าหวังผลเรื่อง VO2Max หรือการปรับตัวในการฝึกที่สูง อากาศเบาบาง แบบพวกนักวิ่งเคนปู่เคนย่า อันนั้นอีกเรื่องนึง
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-08-25-effects-of-exercise-training-in-hypoxia-versus-normoxia-on-fat-reducing-in-overweight-and-or-obese-adults/
ออกกำลังกายแบบพร่องออกซิเจน ทำให้ลดไขมันได้ดีกว่าออกกำลังกายแบบปกติรึเปล่า ? 🤔
📚 งานนี้เป็นการศึกษาแบบ Systematic review และ Meta-analysis จากการศึกษาที่เป็น Randomized clinical trials นะครับ วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะดูสิว่า การฝึกภายใต้ภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) นั้น มีผลดีต่อการลดไขมัน ลดน้ำหนักรึเปล่า ? เมื่อเทียบกับการฝึกแบบหายใจปกติธรรมดา ภาวะออกซิเจนปกติ (Normoxia)
🔎 เขาก็ค้นจากฐานข้อมูลงานวิจัยต่างๆ โดยกำหนดว่าศึกษาในกลุ่มคนที่เป็นคนอ้วน หรือน้ำหนักเกิน อายุ 18 ปีขึ้นไป BMI > 25 แล้วก็เป็นงานแบบ RCT มีการเปรียบเทียบระหว่างการออกภายใต้ภาวะ Hypoxia เทียบกับ Normoxia ภายใต้การทำกิจกรรมแบบเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ดูคืองานที่สนใจเรื่อง Body mass , BMI , Body fat percantage , Fat mass , Waist circumference , hip circumference และพวกค่าเลือดทั่วๆไป
📝 ซึ่งก็ทำให้เขาได้งานมาเข้าเกณฑ์ 19 งาน รวมข้อมูลแล้วได้กลุ่มตัวอย่างมา 444 คน น้ำหนักเกิน และอ้วน อายุระหว่าง 18-66 ปี แต่ไม่มีปัญหาสุขภาพนะ มี 11 งานให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน และแอโรบิค เฉลี่ย 20 นาที อีก 4 งานออกกำลังกายแบบ intermittent สามงานเป็น Hiit และหนึ่งงานเป็น Moderate intensity มีสี่งานออกแบบแอโรบิค ร่วมกับ resistance
😎 หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลออกมาแล้ว ผลที่ได้คือ... ในแง่ของการลดไขมัน ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ค่าน้ำตาล ค่าลิพิด(ไขมันนั่นแหละ) การออกกำลังกายแบบพร่องออกซิเจน นั้นให้ผลที่ไม่ได้แตกต่างกันกับออกกำลังกายแบบทั่วๆไปที่หายใจหายคอปกติ
📌ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องปีนหอคอยคาริน ขึ้นไปฝึกกับท่านจอมเทพเหมือนโงกุนนะครับ ถ้าเป้าหมายแค่ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ฝึกสบายๆ หายใจคล่องๆก็ได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าหวังผลเรื่อง VO2Max หรือการปรับตัวในการฝึกที่สูง อากาศเบาบาง แบบพวกนักวิ่งเคนปู่เคนย่า อันนั้นอีกเรื่องนึง
ที่มาและแหล่งอ้างอิง
https://www.fatfighting.net/article-2022-08-25-effects-of-exercise-training-in-hypoxia-versus-normoxia-on-fat-reducing-in-overweight-and-or-obese-adults/