บก.ลายจุด นัดรำลึก 12 ปี สลายเสื้อแดง 19 พ.ค. 1 ทุ่ม ราชประสงค์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3347981
บก.ลายจุด นัดรำลึก 12 ปี สลายเสื้อแดง 19 พ.ค. 1 ทุ่ม ราชประสงค์
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายส
มบัติ บุญงามอนงค์ หรือ
บก.ลายจุด นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย ประกาศนัดเจอคนเสื้อแดง 19 พ.ค.นี้ เวลา 19.00 น. ที่แยกราชประสงค์ รำลึก 12 ปีสลายการชุมนุม 2553 โดย ระบุว่า
ให้สวมเสื้อแดง หรือผ้าแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันที่ 19 พฤษภาคมในทุกๆปีที่ผ่านมา จะเป็นการนัดชุมนุมเพื่อรำรึกถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ชุมนุมใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2553 เรียกร้องให้
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ กระทั่งมาถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 รัฐบาลประกาศสลายการชุมนุมของนปช. หรือคนเสื้อแดง จากเหตุการณ์นั้นมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ฝ่ายหนึ่งบอกว่าทหารยิง อีกฝ่ายบอกว่าเสื้อแดงก่อการร้าย โดยการสลายการชุมนุมมีการใช้กระสุนจริง 111,303 นัด ภายหลังมีคำพิพากษาหลายกรณี ชี้ว่า ผู้เสียชีวิตหลายกรณีเกิดการกระสุนของเจ้าหน้าที่ทหาร
https://www.facebook.com/nuling/posts/5615062328506099?
เปิด 3 งานวิจัย ม.รังสิต คนพังงา อยุธยา ปราจีนฯ ไม่เอาแล้วรัฐประหาร ทำชาติไม่พัฒนา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3348149
เปิด 3 งานวิจัย ม.รังสิต คนพังงา อยุธยา ปราจีนฯ ไม่เอาแล้วรัฐประหาร ทำชาติไม่พัฒนา
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยงานวิจัย 3 ฉบับจากเขต 3 จังหวัด เรื่องทัศนคติของประชาชนต่อการรัฐประหาร 2557 ศึกษาจาก เทศบาลเมืองปราจีนบุรี เทศบาลตำบลบ้านแพรก อยุธยา และเทศบาลเมืองพังงา ของ
เจตริน เชยประเสริฐ (2563)
ธนวัฒน์ ศิริสังข์ไชย (2564) และ
เสาวลักษณ์ ณ นคร (2565) นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ตามลำดับ โดยมีคำถามเกี่ยวกับรัฐประหาร ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่า การรัฐประหาร คสช. 2557
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตยที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคงที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สรุปประชาชนต่างจังหวัดไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557
2. คนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 อย่างชัดเจนถึง 93%
3. คนต่างจังหวัดและคนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 ทั้งชายหญิงเพศทางเลือก ทุกกลุ่มการศึกษา ทุกช่วงอายุ ทุกอาชีพแม้แต่ข้าราชการพนักงานของรัฐ และทุกกลุ่มรายได้
รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ ยังเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
1. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตย เช่น รัฐประหารเป็นการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรบนหลักการประชาธิปไตย รัฐประหารเป็นการสร้างระบบการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม รัฐประหารทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากยิ่งขึ้น
ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.39) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.25) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.02)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตยที่ดีขึ้น
2. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการ เช่น รัฐประหารทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้ระบบราชการมีวัฒนธรรมการให้บริการประชาชนที่ดียิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้การปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นในระบบราชการได้ดียิ่งขึ้น ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.35) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.24) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.30)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการที่ดีขึ้น
3. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคง เช่น รัฐประหารทำให้กระบวนการยุติธรรมดียิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้เกิดความปรองดองสามัคคีในสังคมไทยมากขึ้น รัฐประหารทำให้มีรัฐบาลที่มีคุณภาพ ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.32) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.22) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 1.87)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคงที่ดีขึ้น
4. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เช่น รัฐประหารทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น รัฐประหารทำให้ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานดีมากขึ้น (ถนน,น้ำประปา,ไฟฟ้า,ขนส่งมวลชน และอินเตอร์เน็ต) รัฐประหารทำให้เศรษฐกิจการค้าและการจ้างงานดียิ่งขึ้น ผลการวิจัย เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.28) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.63)
สรุปทั้ง 2 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สรุป ประชาชนต่างจังหวัดมีทัศนคติเป็นลบต่อการรัฐประหาร 2557 และทัศนคติเป็นลบแบบที่สุดด้านเศรษฐกิจ หรือกล่าวสรุปอีกนัยหนึ่งได้ว่า ประชาชนต่างจังหวัดไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557
ผลสรุปงานวิจัยจากคนต่างจังหวัด 3 ฉบับข้างต้น สอดคล้องกับผลวิจัยคนกรุงเทพฯ ต่อการรัฐประหาร 2557 จากงานวิจัย 3 ฉบับจาก 3 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตดอนเมือง เขตพระนคร และเขตจอมทอง เก็บข้อมูลเมื่อ 16 เมษายน ถึง 8 พฤษภาคม 2565 ของนาย
ภาณุพัฒน์ เหลือพร้อม นางสาวพิมพ์
ณัฐชยา โรจนโยทิน นางสาว
ฐรดา สิรปวเรศ นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต วิจัยเรื่อง “
ทัศนคติของประชาชนต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565” ตามลำดับ
ผลสรุป คนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 อย่างชัดเจนถึง 93% เห็นด้วยกับรัฐประหาร 2557 เพียง 2.7% ไม่มีความเห็น 4.3%
‘เพื่อไทย’ ยำใหญ่ปัญหาเศรษฐกิจรัฐบาลตู่-นัดแถลงสอนมวยทุกวันอังคาร
https://www.dailynews.co.th/news/1055188/
คณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทยมองเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลัก วางคิวแถลงข่าวทุกวันอังคาร 10 โมง “พิชัย” เตือน “ประยุทธ์” เศรษฐกิจโลกผันผวนมาก ไทยจะกระทบหนัก จี้เตรียมรับมือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จัดการเรื่องราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ แนะต้องมีทิศทางชัดเจนโดยเฉพาะการเท่องเที่ยว-ส่งออก-รถไฟความเร็วสูง ประชาชนต้องรอดก่อน
ที่ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันอังคารที่ 17 พ.ค. คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วยนาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ นาย
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่-รองเลขาธิการพรรคฯ นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคฯ เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจะแถลงข่าวในลักษณะนี้ทุกวันอังคาร เวลา 10.00 น.
นาย
พิชัยกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวได้เพียง 2.2 % เท่านั้นซึ่งต่ำมาก ขนาดการส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัวได้สูงถึง 14.9 % จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และค่าเงินบาททึ่อ่อนค่า แต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่สามารถขยายตัวได้มาก จึงห่วงว่าหากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะผันผวนสูงจาก เงินเฟ้อที่พุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครน และปัญหา Supply chain ของโลก น่าเป็นห่วงว่าจะฉุดกระชากเศรษฐกิจโลกให้เศรษฐกิจโลกกลับมาตกต่ำได้ โดยมีสัญญาณและปัจจัยหลายด้าน เช่น การที่สหรัฐต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งเพื่อสะกัดเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงถึง 8.3% ในเดือนเม.ย. อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาถดถอยได้ โดยเริ่มมีสัญญาณที่น่ากังวล
คือ Inverted Yield Curve ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว โดยสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อไหร่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งต้องคอยจับตาดู อีกทั้งตลาดหุ้นและราคาเงินสกุลคลิปโตได้ตกลงมาอย่างมากอีกด้วย
นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกันจากการล็อกดาวน์กรุงปักกิ่ง และล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ก่อนหน้านี้ จากนโยบายซีโร่โควิดของจีน และเศรษฐกิจของยุโรปที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องพลังงาน หากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ย่ำแย่ลง เศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่ไปด้วย และเศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนักเพราะขนาดเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไทยรัฐยังฟื้นได้ต่ำมากจากที่ตกลงมา
ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลก ที่เศรษฐกิจของโลกอาจจะเข้าสู่สภาวะถดถอยได้ และต้องเตรียมรับกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่จะสูงขึ้นอีกมาก ซึ่งได้เตือนหลายหนแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดการเรื่องราคาพลังงานให้เหมาะสม เช่น ราคาน้ำมัน ต้องรีบลดภาษีสรรพสามิต 5 บาท หรือมากกว่านั้น ยกเลิกการผสมไบโอดีเซล และลดราคาหน้าโรงกลั่นให้เท่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ อีกทั้งจัดการราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลง โดยลดค่าความพร้อมของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า และลดกำไรของค่าไฟฟ้าลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งลดราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้สำหรับครัวเรือนให้มีราคาลดลง ซึ่งทำได้เพราะประเทศไทยสามารถขุดได้ในอ่าวไทย และจากการกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
การที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เดินสายพบสถานทูตต่างๆเพราะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวเองได้ถ้าไม่ได้รับความเขื่อถือและความมั่นใจจากประชาคมโลก ซึ่งจะเห็นได้จาก 8 ปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำมาตลอด เพราะการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศได้หายไปมาก เศรษฐกิจไทยไม่สามารถจะพึ่งเฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศได้ มิเช่นนั้นจะเหมือนกับศรีลังกาที่เศรษฐกิจพังทลายอยู่ในปัจจุบัน โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้มีแผนงานในการพัฒนาการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆไว้แล้ว
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ รัฐบาลต้องตั้งหลักคิดให้ดี ต้องมีทิศทางการฟื้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน และต้องเร่งช่วยเหลือให้ประชาชนรอดก่อน อย่าไปคิดถึงแต่เฉพาะความอยู่รอดของรัฐบาล โดยไม่สนใจปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนกันอย่างหนัก เพราะสุดท้ายถ้าประชาชนทนไม่ไหว รัฐบาลเองก็จะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน
ทางด้าน นาย
จักรพลกล่าวว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นจึงอยากให้พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร๋โอชา เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นการช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด จะเป็นกระขายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ทำให้ประชาชนมีรายได้และเพิ่มการจ้างงานที่เป็นปัญหาอย่างมากอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้พล.อ.
ประยุทธ์สับสนในการดำเนินนโยบายท่องเที่ยว หากจำกันได้ รัฐบาลมีแนวคิดจะแจกเงินให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยในต้นปี 63 ในโครงการ “
ชิมช้อปใช้ อินเตอร์” ขณะนั้นการท่องเที่ยวของไทยยังไม่แย่นัก แต่ถูกตำหนิเลยต้องเลิกไป ในขณะที่ตอนนี้การท่องเที่ยวไทยยังไม่ฟื้นแต่กลับจะเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวคนละ 300 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งมาก อยากให้ยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินนี้โดยด่วน และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่โครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัยนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ดำเนินการ มิเช่นนั้นน่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยได้เหมือนที่ลาวได้นักท่องเที่ยวจากจีนผ่านรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทร์-คุนหมิง ในตอนนี้
JJNY : บก.ลายจุด นัดรำลึกสลายเสื้อแดง│เปิด3งานวิจัย ม.รังสิต│‘เพื่อไทย’ยำใหญ่ปัญหาศก.รบ.ตู่│ขอความช่วยเหลือน้ำท่วมลำปาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3347981
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย ประกาศนัดเจอคนเสื้อแดง 19 พ.ค.นี้ เวลา 19.00 น. ที่แยกราชประสงค์ รำลึก 12 ปีสลายการชุมนุม 2553 โดย ระบุว่า
ให้สวมเสื้อแดง หรือผ้าแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันที่ 19 พฤษภาคมในทุกๆปีที่ผ่านมา จะเป็นการนัดชุมนุมเพื่อรำรึกถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ชุมนุมใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2553 เรียกร้องให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ กระทั่งมาถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 รัฐบาลประกาศสลายการชุมนุมของนปช. หรือคนเสื้อแดง จากเหตุการณ์นั้นมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ฝ่ายหนึ่งบอกว่าทหารยิง อีกฝ่ายบอกว่าเสื้อแดงก่อการร้าย โดยการสลายการชุมนุมมีการใช้กระสุนจริง 111,303 นัด ภายหลังมีคำพิพากษาหลายกรณี ชี้ว่า ผู้เสียชีวิตหลายกรณีเกิดการกระสุนของเจ้าหน้าที่ทหาร
https://www.facebook.com/nuling/posts/5615062328506099?
เปิด 3 งานวิจัย ม.รังสิต คนพังงา อยุธยา ปราจีนฯ ไม่เอาแล้วรัฐประหาร ทำชาติไม่พัฒนา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3348149
เปิด 3 งานวิจัย ม.รังสิต คนพังงา อยุธยา ปราจีนฯ ไม่เอาแล้วรัฐประหาร ทำชาติไม่พัฒนา
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยงานวิจัย 3 ฉบับจากเขต 3 จังหวัด เรื่องทัศนคติของประชาชนต่อการรัฐประหาร 2557 ศึกษาจาก เทศบาลเมืองปราจีนบุรี เทศบาลตำบลบ้านแพรก อยุธยา และเทศบาลเมืองพังงา ของ เจตริน เชยประเสริฐ (2563) ธนวัฒน์ ศิริสังข์ไชย (2564) และ เสาวลักษณ์ ณ นคร (2565) นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ตามลำดับ โดยมีคำถามเกี่ยวกับรัฐประหาร ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่า การรัฐประหาร คสช. 2557
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตยที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคงที่ดีขึ้น
ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สรุปประชาชนต่างจังหวัดไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557
2. คนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 อย่างชัดเจนถึง 93%
3. คนต่างจังหวัดและคนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 ทั้งชายหญิงเพศทางเลือก ทุกกลุ่มการศึกษา ทุกช่วงอายุ ทุกอาชีพแม้แต่ข้าราชการพนักงานของรัฐ และทุกกลุ่มรายได้
รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ ยังเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
1. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตย เช่น รัฐประหารเป็นการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรบนหลักการประชาธิปไตย รัฐประหารเป็นการสร้างระบบการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม รัฐประหารทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากยิ่งขึ้น
ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.39) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.25) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.02)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านประชาธิปไตยที่ดีขึ้น
2. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการ เช่น รัฐประหารทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้ระบบราชการมีวัฒนธรรมการให้บริการประชาชนที่ดียิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้การปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นในระบบราชการได้ดียิ่งขึ้น ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.35) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.24) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.30)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านระบบราชการที่ดีขึ้น
3. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคง เช่น รัฐประหารทำให้กระบวนการยุติธรรมดียิ่งขึ้น รัฐประหารทำให้เกิดความปรองดองสามัคคีในสังคมไทยมากขึ้น รัฐประหารทำให้มีรัฐบาลที่มีคุณภาพ ผลการวิจัย เทศบาลเมืองปราจีนบุรีอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 2.32) เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.22) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อย (𝑥̅ = 1.87)
สรุปทั้ง 3 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านความมั่นคงที่ดีขึ้น
4. ต่อคำถามที่ว่า รัฐประหาร 2557 ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เช่น รัฐประหารทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น รัฐประหารทำให้ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานดีมากขึ้น (ถนน,น้ำประปา,ไฟฟ้า,ขนส่งมวลชน และอินเตอร์เน็ต) รัฐประหารทำให้เศรษฐกิจการค้าและการจ้างงานดียิ่งขึ้น ผลการวิจัย เทศบาลตำบลบ้านแพรกอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.28) เทศบาลเมืองพังงาอยู่ในระดับ น้อยที่สุด (𝑥̅ = 1.63)
สรุปทั้ง 2 งานวิจัย ประชาชนต่างจังหวัดเห็นว่าการรัฐประหารไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
สรุป ประชาชนต่างจังหวัดมีทัศนคติเป็นลบต่อการรัฐประหาร 2557 และทัศนคติเป็นลบแบบที่สุดด้านเศรษฐกิจ หรือกล่าวสรุปอีกนัยหนึ่งได้ว่า ประชาชนต่างจังหวัดไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557
ผลสรุปงานวิจัยจากคนต่างจังหวัด 3 ฉบับข้างต้น สอดคล้องกับผลวิจัยคนกรุงเทพฯ ต่อการรัฐประหาร 2557 จากงานวิจัย 3 ฉบับจาก 3 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่ เขตดอนเมือง เขตพระนคร และเขตจอมทอง เก็บข้อมูลเมื่อ 16 เมษายน ถึง 8 พฤษภาคม 2565 ของนายภาณุพัฒน์ เหลือพร้อม นางสาวพิมพ์ณัฐชยา โรจนโยทิน นางสาวฐรดา สิรปวเรศ นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต วิจัยเรื่อง “ทัศนคติของประชาชนต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565” ตามลำดับ
ผลสรุป คนกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร คสช. 2557 อย่างชัดเจนถึง 93% เห็นด้วยกับรัฐประหาร 2557 เพียง 2.7% ไม่มีความเห็น 4.3%
‘เพื่อไทย’ ยำใหญ่ปัญหาเศรษฐกิจรัฐบาลตู่-นัดแถลงสอนมวยทุกวันอังคาร
https://www.dailynews.co.th/news/1055188/
คณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทยมองเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลัก วางคิวแถลงข่าวทุกวันอังคาร 10 โมง “พิชัย” เตือน “ประยุทธ์” เศรษฐกิจโลกผันผวนมาก ไทยจะกระทบหนัก จี้เตรียมรับมือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จัดการเรื่องราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ แนะต้องมีทิศทางชัดเจนโดยเฉพาะการเท่องเที่ยว-ส่งออก-รถไฟความเร็วสูง ประชาชนต้องรอดก่อน
ที่ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันอังคารที่ 17 พ.ค. คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่-รองเลขาธิการพรรคฯ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคฯ เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจะแถลงข่าวในลักษณะนี้ทุกวันอังคาร เวลา 10.00 น.
นายพิชัยกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวได้เพียง 2.2 % เท่านั้นซึ่งต่ำมาก ขนาดการส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัวได้สูงถึง 14.9 % จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และค่าเงินบาททึ่อ่อนค่า แต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่สามารถขยายตัวได้มาก จึงห่วงว่าหากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะผันผวนสูงจาก เงินเฟ้อที่พุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครน และปัญหา Supply chain ของโลก น่าเป็นห่วงว่าจะฉุดกระชากเศรษฐกิจโลกให้เศรษฐกิจโลกกลับมาตกต่ำได้ โดยมีสัญญาณและปัจจัยหลายด้าน เช่น การที่สหรัฐต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งเพื่อสะกัดเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงถึง 8.3% ในเดือนเม.ย. อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาถดถอยได้ โดยเริ่มมีสัญญาณที่น่ากังวล
คือ Inverted Yield Curve ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว โดยสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อไหร่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งต้องคอยจับตาดู อีกทั้งตลาดหุ้นและราคาเงินสกุลคลิปโตได้ตกลงมาอย่างมากอีกด้วย
นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกันจากการล็อกดาวน์กรุงปักกิ่ง และล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ก่อนหน้านี้ จากนโยบายซีโร่โควิดของจีน และเศรษฐกิจของยุโรปที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องพลังงาน หากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ย่ำแย่ลง เศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่ไปด้วย และเศรษฐกิจไทยจะยิ่งทรุดหนักเพราะขนาดเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไทยรัฐยังฟื้นได้ต่ำมากจากที่ตกลงมา
ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลก ที่เศรษฐกิจของโลกอาจจะเข้าสู่สภาวะถดถอยได้ และต้องเตรียมรับกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่จะสูงขึ้นอีกมาก ซึ่งได้เตือนหลายหนแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดการเรื่องราคาพลังงานให้เหมาะสม เช่น ราคาน้ำมัน ต้องรีบลดภาษีสรรพสามิต 5 บาท หรือมากกว่านั้น ยกเลิกการผสมไบโอดีเซล และลดราคาหน้าโรงกลั่นให้เท่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ อีกทั้งจัดการราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลง โดยลดค่าความพร้อมของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า และลดกำไรของค่าไฟฟ้าลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งลดราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้สำหรับครัวเรือนให้มีราคาลดลง ซึ่งทำได้เพราะประเทศไทยสามารถขุดได้ในอ่าวไทย และจากการกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
การที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เดินสายพบสถานทูตต่างๆเพราะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวเองได้ถ้าไม่ได้รับความเขื่อถือและความมั่นใจจากประชาคมโลก ซึ่งจะเห็นได้จาก 8 ปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำมาตลอด เพราะการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศได้หายไปมาก เศรษฐกิจไทยไม่สามารถจะพึ่งเฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศได้ มิเช่นนั้นจะเหมือนกับศรีลังกาที่เศรษฐกิจพังทลายอยู่ในปัจจุบัน โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้มีแผนงานในการพัฒนาการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆไว้แล้ว
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ รัฐบาลต้องตั้งหลักคิดให้ดี ต้องมีทิศทางการฟื้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน และต้องเร่งช่วยเหลือให้ประชาชนรอดก่อน อย่าไปคิดถึงแต่เฉพาะความอยู่รอดของรัฐบาล โดยไม่สนใจปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนกันอย่างหนัก เพราะสุดท้ายถ้าประชาชนทนไม่ไหว รัฐบาลเองก็จะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน
ทางด้าน นายจักรพลกล่าวว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นจึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร๋โอชา เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นการช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด จะเป็นกระขายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ทำให้ประชาชนมีรายได้และเพิ่มการจ้างงานที่เป็นปัญหาอย่างมากอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์สับสนในการดำเนินนโยบายท่องเที่ยว หากจำกันได้ รัฐบาลมีแนวคิดจะแจกเงินให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยในต้นปี 63 ในโครงการ “ชิมช้อปใช้ อินเตอร์” ขณะนั้นการท่องเที่ยวของไทยยังไม่แย่นัก แต่ถูกตำหนิเลยต้องเลิกไป ในขณะที่ตอนนี้การท่องเที่ยวไทยยังไม่ฟื้นแต่กลับจะเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินกับนักท่องเที่ยวคนละ 300 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งมาก อยากให้ยกเลิกค่าเหยียบแผ่นดินนี้โดยด่วน และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่โครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ดำเนินการ มิเช่นนั้นน่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยได้เหมือนที่ลาวได้นักท่องเที่ยวจากจีนผ่านรถไฟความเร็วสูงเวียงจันทร์-คุนหมิง ในตอนนี้