JJNY : ปชน.จัดประชุมใหญ่ปี 68│ปชช.91.29% รู้ข่าวลต.ท้องถิ่น│ทีดีอาร์ไอหวั่นปรับ ครม.│รัสเซียอ้างจับสายลับยูเครนวางระเบิด

ปชน. จัดประชุมใหญ่ปี 68 เท้ง อุบตัวเลขเทศบาลไหนมีลุ้น มั่นใจ ทุกสนามที่ส่งมีโอกาสชนะ
.
.
ปชน. จัดประชุมใหญ่ปี 68 เตรียมพร้อมวางกลยุทธ์เลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า เท้ง อุบตัวเลขเทศบาลไหนมีลุ้น แต่มั่นใจทุกสนามที่ส่งมีโอกาสชนะ จับตา “ทิม – ธร – ต๋อม” อดีตหัวหน้าพรรคส้ม แอ่วเหนือ ช่วยผู้สมัครนายกฯเล็ก เทศบาลนครเชียงใหม่หาเสียง
.
วันที่ 27 เมษายน 2568 ที่โรงแรม The Idle Hotel & Residence พรรคประชาชนจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 มีกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรคร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีวาระสำคัญหลายเรื่อง เช่น การดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปี 2567 ,รายงานงบการเงิน และการแก้ข้อบังคับพรรค โดยมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธาน
.
นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การประชุมใหญ่สามัญเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการทุกปี ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ต้องการขับเคลื่อนให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง เป้าหมายของการพูดคุยเรื่องการบริหารภายในพรรค จะมีการพูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งในครั้งหน้า
.
โดยงานภายในพรรค และเครือข่ายของพรรค ยืนยันเช่นเดิมว่า การทำงานเมือง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ผ่านการรณรงค์ทางความคิด เพราะฉะนั้นเรื่องของเครือข่ายของพรรคและทีมงานจังหวัดในการลงไปทำงานในพื้นที่ ให้เข้าถึงประชาชน ก็จะเป็นเนื้อหาสาระหลักที่จะมีการพูดคุยกันในวันนี้ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ถึงการสื่อสารยุทธศาสตร์ทางการเมือง การเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง รวมทั้งนโยบายที่จะเสนอต่อประชาชน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ
.
ส่วนการเลือกตั้งเทศบาลที่กำลังจะมาถึง นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า มีความมั่นใจในหลายสนาม ซึ่งตนได้ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงในหลายสนาม ก็พบว่า ผู้สมัครของพรรคมีความพร้อมทั้งจากประสบการณ์ในอดีต และนโยบายที่ดีในการเตรียมพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้ตอบโจทย์กับปัญหาในพื้นที่ ซึ่งตนเชื่อว่า จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงจากสนามการเลือกตั้งเทศบาล
.
เมื่อถามถึงเป้าหมายของการเลือกตั้งเทศบาล นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่อยากบอกเป็นตัวเลข เนื่องจากทุกสนามที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัคร มีโอกาสที่จะชนะ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งหน้าที่ของเราในตอนนี้คือ การสื่อสาร การรณรงค์อย่างแข็งขัน ส่วนคนที่จะตัดสินว่าพรรคจะได้นายกเทศบาลที่ใดบ้าง คือ ประชาชน
.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาชนจะจัดเวทีปราศรัยใหญ่เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่วันที่ 30 เมษายนนี้ โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค พร้อมกับผู้ช่วยหาเสียงคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายชัยธวัช ตุลาธน คณะกรรมการคณะก้าวหน้า หน้าหอพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นเชียงใหม่ เวลา 18.30 น.  และในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงจะขึ้นปราศรัยขอคะแนนประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่
.

.
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจ ปชช.91.29%รู้ข่าวลต.ท้องถิ่น
..
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจ ปชช.91.29%รู้ข่าวลต.ท้องถิ่น “บ้านใหญ่” ในแต่ละพื้นที่ได้เปรียบคู่แข่ง
 .
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ “การเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,137 คน ระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) และนายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 สูงถึงร้อยละ 91.29 โดยรู้จากข่าวและการหาเสียง โดยมีผู้คาดว่าจะไปเลือกตั้งร้อยละ 65.44 และไม่แน่ใจ ร้อยละ 21.72 มองว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นค่อนข้างมีความสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่น ร้อยละ 53.39 โดยเห็นว่าผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองสนับสนุนจะค่อนข้างได้เปรียบในการเลือกตั้ง ร้อยละ 52.59
 .
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาตินั้นมองว่ามีการใช้เงินจำนวนมากในการหาเสียง/ซื้อเสียงเหมือนกัน ร้อยละ 48.02 หลังการเลือกตั้งจึงอยากเห็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และถนนหนทางในชุมชน ร้อยละ 52.15
 .
โดยนางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สร้างความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น คือ เงินทุนในการหาเสียงและอิทธิพลของ “บ้านใหญ่” ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงพรรคการเมืองที่สนับสนุน โดยสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากผู้ชนะการเลือกตั้งไม่ว่าใครจะได้รับเลือก เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ประปา ปากท้อง และค่าครองชีพที่ประชาชนอยากเห็นผลชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม
 .
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบและให้ความสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางและสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งจุดสำคัญที่เป็นข้อท้าทายภายหลังการเลือกตั้ง ก็คือ สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งมาแล้วจะต้องแสดงศักยภาพโดยการทำงานเชิงรุก
 .
พร้อมทั้งขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอความต้องการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่างๆ ในพื้นที่
 .
อาทิ การซ่อมบำรุงถนนหนทางในชุมชน รวมทั้งควรเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือภัยธรรมชาติต่างๆ เช่น อุทกภัย ฝุ่น PM 2.5
.
และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเท่าเทียม ตลอดจนควรส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ท้องถิ่นโดยการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
.

.
ทีดีอาร์ไอ หวั่นปรับ ครม.ทำนโยบายไม่ต่อเนื่อง ไม่หนุนแจกเงินกระตุ้นศก. แนะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง-เพิ่มขีดแข่งขัน
https://www.matichon.co.th/economy/news_5156021
.
ทีดีอาร์ไอ หวั่นปรับ ครม.ทำนโยบายไม่ต่อเนื่อง ไม่หนุนแจกเงินกระตุ้นศก. แนะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง-เพิ่มขีดแข่งขัน
.
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย หรือ (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เริ่มมีความกังวลว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วนั้น ประเมินในหลักวิชาการเมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารองค์กร ต้องดูว่านโยบายที่ดำเนินการอยู่จะมีความต่อเนื่องมากน้อยเท่าใด ซึ่งปกติแล้วหากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารมักทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องกับนโยบายที่ได้ดำเนินการอยู่ ถือเป็นเรื่องกังวลหลักหากมีการเปลี่ยนเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องมาประเมินอีกครั้งว่า นโยบายที่ดำเนินการอยู่นั้นเป็นนโยบายที่ดีหรือไม่ หากเป็นนโยบายที่ดีก็มองว่าจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอ ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารงานต่อก็ตาม
.
นายนณริฏ กล่าวว่า ยกตัวอย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่วางแผนไว้ว่าจะออกมาในรูปแบบต่างๆ ส่วนนี้อาจต้องชะลอไปก่อน ซึ่งส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้ชะลอตัวขนาดนั้น แม้มีการเติบโตลดลง แต่ยังสามารถเติบโตได้ ไม่ได้ติดลบเหมือนปีที่เกิดวิกฤตใหญ่ อาทิ วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือการระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ขณะนี้เป็นภาพของการโตต่ำลงจากเดิม แต่ยังสามารถเติบโตได้อยู่ จึงอยากให้รัฐบาลมองไปที่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมากกว่า
.
นายนณริฏ กล่าวว่า ปัญหาหลักของประเทศไทยในตอนนี้ เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง เพราะประชาชนเป็นหนี้สูง มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ความสามารถในการเลี้ยงปากท้องลดลง ส่วนภาคธุรกิจก็ประสบปัญหาภาระหนี้เช่นกัน ทั้งยังเข้าถึงแหล่งเงินกู้หรือสินเชื่อได้ยากขึ้น หากปล่อยให้ปัญหาการเงินลากยาว จะเกิดปัญหาตามมา เพราะหนี้เสียหรือหนี้ไม่ก่อรายได้ (เอ็นพีแอล) จะสูงขึ้น ยิ่งมาเจอบรรยากาศเชิงลบที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีสินค้าไทยเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งทำให้ค้าขายไม่สดใสอย่างที่ควร คนใช้ได้น้อยลง เพราะเงินในมือลดลง เม็ดเงินที่ควรหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจก็จะลดลงตาม สุดท้ายปัญหาที่หยั่งรากลึกลงไปในเชิงโครงสร้างก็จะรุนแรงกว่าเดิม รัฐบาลจึงได้มองการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและยาวมากขึ้น
.
เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงจากกำแพงภาษีสหรัฐ แม้ยืดเวลาออกไปก่อน แต่ยังไม่สิ้นสุดลง ทำให้รัฐบาลไทยต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างรอบคอบ โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันหาทางออก ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยเฉพาะการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวกับประเทศไทย หรือโครงสร้างของประเทศไทย ทั้งในแง่การค้า การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจรวม ควรมองไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวมากกว่าการแก้ปัญหาชั่วคราว ไม่ควรแก้ปัญหาระยะสั้น หรือกระตุ้นเศรษฐกิจแค่สั้นๆ เท่านั้น แต่ควรมองไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว” นายนณริฏ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่