ขนส่งมวลชนอ่วม น้ำมันแพง ซ้ำเติมวิกฤตโควิด หลายคนขาดทุนเลิกวิ่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6950079
ขนส่งมวลชน ในจ.ราชบุรี อ่วมหนัก หลังน้ำมันปรับราคาขึ้นสูง ซ้ำเติมวิกฤต โควิด-19 โชเฟอร์โอดเพื่อนเลิกวิ่งเหลือแค่ 2 คัน ขาดทุนวิ่งไม่ไหว
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการขยับตัวสูงขึ้น สาเหตุจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทย โดยพบว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถโดยสารลดลง
นาย
ดำรง คงประดิษฐ์ อายุ 78 ปี เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพขับรถโดยสารประจำทางสาย 443 ระหว่าง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี – ต.ลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มาแล้ว 18 ปี
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ลูกค้าที่เคยใช้บริการรถโดยสารหายไปมากกว่าร้อยละ 90 โดยหันไปใช้วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น
การวิ่งรถรับส่งผู้โดยสารไม่คุ้มค่า ส่งผลให้เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนต่างทยอยล้มเลิกอาชีพไป จากเดิมที่เคยมีอยู่จำนวน 10 คัน ปัจจุบันเหลือเพียงรถของตนกับเพื่อน รวมเป็น 2 คัน เท่านั้น ในส่วนของตนเอง ปัจจุบันก็ได้ลดช่วงเวลาการรับผู้โดยสารลง เหลือเพียงช่วงเช้าเย็น รวม 4 รอบ ต่อวัน ซึ่งในแต่ละรอบก็จะมีลูกค้าไม่มาก เพียง 2-3 คน บางครั้งก็ไม่มีลูกค้าเลย
สำหรับค่าบริการอยู่ที่ 20 ตลอดสาย ในขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันต่อรอบวิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 70 บาท โดยตนจะเติมน้ำมันทุก ๆ 3 วัน ครั้งละ 800 บาท นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าสัมปทานเดินรถอีกเดือนละ 600 บาท ซึ่งหากรัฐสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 29 บาท ก็จะยังพอเหลือรายได้อยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันราคาน้ำมัน จ.ราชบุรี แตะอยู่ที่ 30 บาท บางวันวิ่งขาดทุนก็มี
ด้านนายศรีโพธิ์ หงส์สุนทร อายุ 69 ปี เปิดเผยว่า ตนขับรถจยย. รับจ้างมาแล้วกว่า 20 ปี โดยในปี 2558 รัฐบาลได้มีการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถจยย. รับจ้างขึ้น ทว่าปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินได้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถคงราคาค่าบริการที่กำหนดได้ จำเป็นต้องปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตนจะพูดคุยตกลงกับลูกค้าก่อนให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจถึงปัญหา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง โควิด-19 ที่ส่งผลต่อจำนวนลูกค้าที่ลดลง ซึ่งตนได้มีการปรับตัวหันมารับจ้างรับส่งสินค้าและอาหารให้กับลูกค้าประจำ แต่ละวันก็จะมีลูกค้าใช้บริการมากบ้างน้อยบ้าง เฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 10 รอบ ต่อวัน แต่รายได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ โดยในแต่ละวันต้องเติมน้ำมันวันละ 100 บาท ส่วนเพื่อนร่วมอาชีพหลายคนก็ออกไปทำไรเดอร์หรืออาชีพอื่นแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาขายปลีกน้ำมัน ตามข้อมูลของปั๊มน้ำมันบางจาก ย้อนไปในช่วงวันที่ 18 มี.ค. ปี 2563 และ 2564 พบว่า ปี 2563 ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ลิตรละ 21.15 บาท ดีเซล B7 ราคา 22.19 บาท
ในส่วนของปี 2564 แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 27.25 บาท ดีเซล B7 ราคา 27.19 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวในปี 2565 พบว่าปัจจุบันราคาน้ำมันมีการขยับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ลิตรละ 38.75 บาท ดีเซล B7 ราคา 29.94 บาท
เที่ยวบิน “เบตง” อลเวงปัญหา นกแอร์จี้รัฐช่วยแบกต้นทุน
https://www.prachachat.net/tourism/news-890266
“นกแอร์” ยันพร้อมบินเบตง เครื่องบิน-บุคลากรพร้อมรองรับ ชงรัฐสนับสนุน-ประกันรายได้ 75% อุ้มรายได้ให้สมดุลกับต้นทุนการดำเนินงาน เผยขอหยุดบินชั่วคราวไม่มีกำหนด เหตุดีมานด์ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศยังต่ำ ยิ่งบินยิ่งขาดทุน กรมท่าอากาศยานยื่นมือช่วย ลดค่าแลนดิ้ง-ค่าหลุมจอด
ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินนกแอร์ แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 วัน สายการบินนกแอร์ได้ปิดระบบการจองบัตรโดยสาร พร้อมหยุดทำการบินชั่วคราว โดยชี้แจงว่ามีอัตราการจองบัตรโดยสารเดินทางเพียงแค่ 10 กว่าคนต่อเที่ยวบิน จึงไม่สามารถทำการบินได้ เนื่องจากไม่คุ้มกับต้นทุนการดำเนินงาน
“ต้นทุนสูง-ดีมานด์ต่ำ” ต้นเหตุ
นาย
ธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย
“ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้สายการบินนกแอร์ไม่สามารถทำการบินเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-เบตง ได้คือ เรื่องของต้นทุนการดำเนินงาน และรายได้ที่ไม่สมดุล และยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าดีมานด์การเดินทางจะมีเพียงพอสำหรับการให้บริการตามแผนที่วางไว้เมื่อไหร่ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องชะลอการให้บริการออกไปแบบไม่มีกำหนด ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
นาย
ธีรพลยังระบุด้วยว่า ทั้งนี้ ขนาดของทางวิ่ง (runway) และทางขับ (taxiway) ของท่าอากาศยานเบตง จะรองรับได้เฉพาะเครื่องบินลำเล็ก (ATR-72/Q-400) จำนวน 80-86 ที่นั่ง ขณะที่ระยะทางการบินค่อนข้างไกลและมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูง ทำให้ราคาบัตรโดยสารต่อเที่ยวปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย หรือเฉลี่ยที่ประมาณ 7,000 บาทต่อคน (ไป-กลับ)
“ตอนแรกที่มีข่าวว่าสนามบินเบตงจะเปิดให้บริการ เราได้ทำการศึกษาและประเมินแล้วว่าจะไหวหรือเปล่า เพราะใช้เครื่องบินเล็กแต่บินไกล ต้นทุนสูงมาก แต่บรรดาบริษัทเอเย่นต์ทัวร์หลายแห่งประสานเข้ามาว่า ถ้านกแอร์ทำการบินสู่เบตง เอเย่นต์ทัวร์ดังกล่าวจะขอเหมาที่นั่ง บางรายขอเหมา 20 ที่นั่ง บางรายขอเหมา 30 ที่นั่ง และบางรายขอเหมาถึง 40 ที่นั่ง และทุกรายที่คุยกันขอเหมาเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ซึ่งดีมานด์จากเอเย่นต์ทัวร์ดังกล่าวทำให้เราตัดสินใจเปิดทำการบินสู่เบตง” นาย
ธีรพลกล่าวและว่า
เมื่อถึงเวลาเปิดให้บริการและเปิดจองจริง เอเย่นต์ทัวร์ทั้งหลายขอยกเลิกที่นั่งที่แจ้งจองล่วงหน้าไว้ไปทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์โดยรวมยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีคนจองเข้ามาในระบบต่ำมาก หรือประมาณ 10 กว่าคนต่อเที่ยวบิน บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องปิดระบบการเปิดจองและหยุดทำการบินชั่วคราวไปก่อน เพราะหากฝืนบินต่อไป ตัวเลขขาดทุนก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น
ประกอบกับตามแผนเดิมที่ทำการศึกษาพบว่านอกจากตลาดการเดินทางภายในประเทศแล้วยังมีตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงชายแดนไทย-มาเลเซีย มีความต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ จะข้ามมาใช้บริการบินตรงจากเบตงเข้ากรุงเทพฯอีกส่วนหนึ่ง แต่ด้วยมาตรการการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศก็ยังไม่เอื้อให้กลุ่มนี้เกิดดีมานด์เดินทางแต่อย่างใด
ร้องรัฐช่วยซับซิไดซ์การเงิน
นายธีรพลกล่าวด้วยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นเสนอให้ภาครัฐพิจารณาให้การสนับสนุนด้านการเงิน (subsidize) บางส่วน ให้กับสายการบินนกแอร์ และประกันรายได้อย่างต่ำ 75% รวมถึงขอให้พิจารณาลดค่าบริการต่าง ๆ ของสนามบิน อาทิ ค่าหลุมจอด ค่าแลนดิ้ง ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทมีรายได้สมดุลกับต้นทุนการดำเนินงานและสามารถกลับมาให้บริการต่อไปได้ตามนโยบายของรัฐบาล
“ตอนนี้อยู่ในช่วงพิจารณาความต้องการของตลาดเส้นทางบินกรุงเทพฯ-เบตง อีกครั้งว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหน ยังประเมินวันกลับมาเปิดบินอีกครั้งได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการประชาสัมพันธ์ การร่วมมือกันกับหน่วยงานในพื้นที่ด้วย โดยในวันที่ 21 มีนาคมนี้ สายการบินจะมีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวอีกครั้ง”
พร้อมกันนี้ นาย
ธีรพลกล่าวย้ำว่า สายการบินนกแอร์พร้อมให้บริการด้านการบินหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะมีเครื่องบินและบุคลากรพร้อมอยู่แล้ว
ด้านนาย
สกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง จังหวัดยะลา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเป็นกุญแจสำคัญของเศรษฐกิจอำเภอเบตง เดิมช่วงก่อนสถานการณ์โควิดระบาด อำเภอเบตงมีนักท่องเที่ยวสูงถึงราว 8 แสนคนต่อปี โดยเข้ามาทางด่านชายแดนราว 6 แสนคน ทางรถยนต์ผ่านถนนสาย 410 อีกราว 1-2 แสนคน
กรณีการเดินทางผ่านท่าอากาศยานเบตงนั้น สายการบินอาจพิจารณาตั้งราคาบัตรโดยสารไป-กลับให้ไม่เกิน 5,000 บาท (ปัจจุบันราว 6,400 บาท+) เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวสามารถออกแพ็กเกจทัวร์ได้ หรือให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
“ถ้าทำราคาบัตรไป-กลับให้ได้ 5,000 บาท ในช่วง 6 เดือนแรก น่าจะสามารถกระตุ้นการเดินทางได้” นาย
สกุลกล่าว
ลดค่าแลนดิ้ง-หลุมจอดช่วย
นาย
สมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผย
“ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีสายการบินนกแอร์ยกเลิกเที่ยวบินดอนเมือง-เบตง ได้รับคำชี้แจงจากสายการบินว่า เกิดจากปัญหามีผู้โดยสารต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ การเปิดเที่ยวบินจึงไม่คุ้มทุน เนื่องจากการทำแผนสื่อสารการตลาดที่ผิดพลาด โดยมีระยะเวลาการโปรโมตเที่ยวบินระหว่างดอนเมือง-เบตงน้อยเกินไป ขณะที่ต้นทุนการปฏิบัติการด้านการบินมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ประกอบกับสายการบินนกแอร์อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดความเสี่ยงด้านการดำเนินการ
เบื้องต้น ทย.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือสายการบินด้วยการลดค่าบริการ 2 รายการ ได้แก่ ค่าแลนดิ้ง และค่าหลุมจอด รวมกันเฉลี่ย 5% หรือ 100-200 บาทต่อคน จากค่าโดยสารกว่า 3,000 บาท ซึ่งปัจจุบัน ทย.มีรายได้จากเที่ยวบินแลนดิ้งสนามบินเบตงเที่ยวละ 4,000 บาท ในกรณีมีผู้โดยสารเต็มอัตรา 80 คนต่อเที่ยวบิน
สำหรับแผนการขยายรันเวย์สนามบินเบตงมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ขณะนี้งบประมาณที่ได้มาในเบื้องต้น ทย.จะใช้ในการศึกษาออกแบบ การเตรียมการเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่วนงบประมาณในการซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินและการก่อสร้างจะพิจารณาดำเนินการในเฟสต่อไป ในกรณีจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบินเต็มความจุและควรเปลี่ยนขนาดของเครื่องบินก่อน
“ทย.พยายามแก้ปัญหาให้นกแอร์ขาดทุนน้อยที่สุด ต้องยอมรับว่าในช่วงเริ่มต้นอาจต้องเผชิญการขาดทุนบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในช่วงเดือนเมษายน มีเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีเที่ยวบินมากขึ้นตามไปด้วย” นาย
สมเกียรติกล่าว
JJNY : ขนส่งมวลชนอ่วม│“เบตง”อลเวง นกแอร์จี้ช่วยแบกต้นทุน│‘ส.ส.โจ้’หวั่นทร.เจ็บซ้ำ│“อาร์โนลด์”พยายาม“เบิกเนตร”ชาวรัสเซีย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6950079
ขนส่งมวลชน ในจ.ราชบุรี อ่วมหนัก หลังน้ำมันปรับราคาขึ้นสูง ซ้ำเติมวิกฤต โควิด-19 โชเฟอร์โอดเพื่อนเลิกวิ่งเหลือแค่ 2 คัน ขาดทุนวิ่งไม่ไหว
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการขยับตัวสูงขึ้น สาเหตุจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทย โดยพบว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถโดยสารลดลง
นายดำรง คงประดิษฐ์ อายุ 78 ปี เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพขับรถโดยสารประจำทางสาย 443 ระหว่าง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี – ต.ลูกแก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มาแล้ว 18 ปี
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ลูกค้าที่เคยใช้บริการรถโดยสารหายไปมากกว่าร้อยละ 90 โดยหันไปใช้วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น
การวิ่งรถรับส่งผู้โดยสารไม่คุ้มค่า ส่งผลให้เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนต่างทยอยล้มเลิกอาชีพไป จากเดิมที่เคยมีอยู่จำนวน 10 คัน ปัจจุบันเหลือเพียงรถของตนกับเพื่อน รวมเป็น 2 คัน เท่านั้น ในส่วนของตนเอง ปัจจุบันก็ได้ลดช่วงเวลาการรับผู้โดยสารลง เหลือเพียงช่วงเช้าเย็น รวม 4 รอบ ต่อวัน ซึ่งในแต่ละรอบก็จะมีลูกค้าไม่มาก เพียง 2-3 คน บางครั้งก็ไม่มีลูกค้าเลย
สำหรับค่าบริการอยู่ที่ 20 ตลอดสาย ในขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันต่อรอบวิ่งจะอยู่ที่ประมาณ 70 บาท โดยตนจะเติมน้ำมันทุก ๆ 3 วัน ครั้งละ 800 บาท นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าสัมปทานเดินรถอีกเดือนละ 600 บาท ซึ่งหากรัฐสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 29 บาท ก็จะยังพอเหลือรายได้อยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันราคาน้ำมัน จ.ราชบุรี แตะอยู่ที่ 30 บาท บางวันวิ่งขาดทุนก็มี
ด้านนายศรีโพธิ์ หงส์สุนทร อายุ 69 ปี เปิดเผยว่า ตนขับรถจยย. รับจ้างมาแล้วกว่า 20 ปี โดยในปี 2558 รัฐบาลได้มีการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถจยย. รับจ้างขึ้น ทว่าปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินได้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถคงราคาค่าบริการที่กำหนดได้ จำเป็นต้องปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตนจะพูดคุยตกลงกับลูกค้าก่อนให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจถึงปัญหา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง โควิด-19 ที่ส่งผลต่อจำนวนลูกค้าที่ลดลง ซึ่งตนได้มีการปรับตัวหันมารับจ้างรับส่งสินค้าและอาหารให้กับลูกค้าประจำ แต่ละวันก็จะมีลูกค้าใช้บริการมากบ้างน้อยบ้าง เฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 10 รอบ ต่อวัน แต่รายได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ โดยในแต่ละวันต้องเติมน้ำมันวันละ 100 บาท ส่วนเพื่อนร่วมอาชีพหลายคนก็ออกไปทำไรเดอร์หรืออาชีพอื่นแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาขายปลีกน้ำมัน ตามข้อมูลของปั๊มน้ำมันบางจาก ย้อนไปในช่วงวันที่ 18 มี.ค. ปี 2563 และ 2564 พบว่า ปี 2563 ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ลิตรละ 21.15 บาท ดีเซล B7 ราคา 22.19 บาท
ในส่วนของปี 2564 แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 27.25 บาท ดีเซล B7 ราคา 27.19 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวในปี 2565 พบว่าปัจจุบันราคาน้ำมันมีการขยับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ลิตรละ 38.75 บาท ดีเซล B7 ราคา 29.94 บาท
เที่ยวบิน “เบตง” อลเวงปัญหา นกแอร์จี้รัฐช่วยแบกต้นทุน
https://www.prachachat.net/tourism/news-890266
“นกแอร์” ยันพร้อมบินเบตง เครื่องบิน-บุคลากรพร้อมรองรับ ชงรัฐสนับสนุน-ประกันรายได้ 75% อุ้มรายได้ให้สมดุลกับต้นทุนการดำเนินงาน เผยขอหยุดบินชั่วคราวไม่มีกำหนด เหตุดีมานด์ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศยังต่ำ ยิ่งบินยิ่งขาดทุน กรมท่าอากาศยานยื่นมือช่วย ลดค่าแลนดิ้ง-ค่าหลุมจอด
ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินนกแอร์ แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 วัน สายการบินนกแอร์ได้ปิดระบบการจองบัตรโดยสาร พร้อมหยุดทำการบินชั่วคราว โดยชี้แจงว่ามีอัตราการจองบัตรโดยสารเดินทางเพียงแค่ 10 กว่าคนต่อเที่ยวบิน จึงไม่สามารถทำการบินได้ เนื่องจากไม่คุ้มกับต้นทุนการดำเนินงาน
“ต้นทุนสูง-ดีมานด์ต่ำ” ต้นเหตุ
นายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้สายการบินนกแอร์ไม่สามารถทำการบินเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-เบตง ได้คือ เรื่องของต้นทุนการดำเนินงาน และรายได้ที่ไม่สมดุล และยังไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าดีมานด์การเดินทางจะมีเพียงพอสำหรับการให้บริการตามแผนที่วางไว้เมื่อไหร่ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องชะลอการให้บริการออกไปแบบไม่มีกำหนด ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
นายธีรพลยังระบุด้วยว่า ทั้งนี้ ขนาดของทางวิ่ง (runway) และทางขับ (taxiway) ของท่าอากาศยานเบตง จะรองรับได้เฉพาะเครื่องบินลำเล็ก (ATR-72/Q-400) จำนวน 80-86 ที่นั่ง ขณะที่ระยะทางการบินค่อนข้างไกลและมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูง ทำให้ราคาบัตรโดยสารต่อเที่ยวปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย หรือเฉลี่ยที่ประมาณ 7,000 บาทต่อคน (ไป-กลับ)
“ตอนแรกที่มีข่าวว่าสนามบินเบตงจะเปิดให้บริการ เราได้ทำการศึกษาและประเมินแล้วว่าจะไหวหรือเปล่า เพราะใช้เครื่องบินเล็กแต่บินไกล ต้นทุนสูงมาก แต่บรรดาบริษัทเอเย่นต์ทัวร์หลายแห่งประสานเข้ามาว่า ถ้านกแอร์ทำการบินสู่เบตง เอเย่นต์ทัวร์ดังกล่าวจะขอเหมาที่นั่ง บางรายขอเหมา 20 ที่นั่ง บางรายขอเหมา 30 ที่นั่ง และบางรายขอเหมาถึง 40 ที่นั่ง และทุกรายที่คุยกันขอเหมาเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ซึ่งดีมานด์จากเอเย่นต์ทัวร์ดังกล่าวทำให้เราตัดสินใจเปิดทำการบินสู่เบตง” นายธีรพลกล่าวและว่า
เมื่อถึงเวลาเปิดให้บริการและเปิดจองจริง เอเย่นต์ทัวร์ทั้งหลายขอยกเลิกที่นั่งที่แจ้งจองล่วงหน้าไว้ไปทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์โดยรวมยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีคนจองเข้ามาในระบบต่ำมาก หรือประมาณ 10 กว่าคนต่อเที่ยวบิน บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องปิดระบบการเปิดจองและหยุดทำการบินชั่วคราวไปก่อน เพราะหากฝืนบินต่อไป ตัวเลขขาดทุนก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น
ประกอบกับตามแผนเดิมที่ทำการศึกษาพบว่านอกจากตลาดการเดินทางภายในประเทศแล้วยังมีตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงชายแดนไทย-มาเลเซีย มีความต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ จะข้ามมาใช้บริการบินตรงจากเบตงเข้ากรุงเทพฯอีกส่วนหนึ่ง แต่ด้วยมาตรการการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศก็ยังไม่เอื้อให้กลุ่มนี้เกิดดีมานด์เดินทางแต่อย่างใด
ร้องรัฐช่วยซับซิไดซ์การเงิน
นายธีรพลกล่าวด้วยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นเสนอให้ภาครัฐพิจารณาให้การสนับสนุนด้านการเงิน (subsidize) บางส่วน ให้กับสายการบินนกแอร์ และประกันรายได้อย่างต่ำ 75% รวมถึงขอให้พิจารณาลดค่าบริการต่าง ๆ ของสนามบิน อาทิ ค่าหลุมจอด ค่าแลนดิ้ง ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทมีรายได้สมดุลกับต้นทุนการดำเนินงานและสามารถกลับมาให้บริการต่อไปได้ตามนโยบายของรัฐบาล
“ตอนนี้อยู่ในช่วงพิจารณาความต้องการของตลาดเส้นทางบินกรุงเทพฯ-เบตง อีกครั้งว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหน ยังประเมินวันกลับมาเปิดบินอีกครั้งได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการประชาสัมพันธ์ การร่วมมือกันกับหน่วยงานในพื้นที่ด้วย โดยในวันที่ 21 มีนาคมนี้ สายการบินจะมีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวอีกครั้ง”
พร้อมกันนี้ นายธีรพลกล่าวย้ำว่า สายการบินนกแอร์พร้อมให้บริการด้านการบินหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะมีเครื่องบินและบุคลากรพร้อมอยู่แล้ว
ด้านนายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง จังหวัดยะลา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเป็นกุญแจสำคัญของเศรษฐกิจอำเภอเบตง เดิมช่วงก่อนสถานการณ์โควิดระบาด อำเภอเบตงมีนักท่องเที่ยวสูงถึงราว 8 แสนคนต่อปี โดยเข้ามาทางด่านชายแดนราว 6 แสนคน ทางรถยนต์ผ่านถนนสาย 410 อีกราว 1-2 แสนคน
กรณีการเดินทางผ่านท่าอากาศยานเบตงนั้น สายการบินอาจพิจารณาตั้งราคาบัตรโดยสารไป-กลับให้ไม่เกิน 5,000 บาท (ปัจจุบันราว 6,400 บาท+) เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวสามารถออกแพ็กเกจทัวร์ได้ หรือให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
“ถ้าทำราคาบัตรไป-กลับให้ได้ 5,000 บาท ในช่วง 6 เดือนแรก น่าจะสามารถกระตุ้นการเดินทางได้” นายสกุลกล่าว
ลดค่าแลนดิ้ง-หลุมจอดช่วย
นายสมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีสายการบินนกแอร์ยกเลิกเที่ยวบินดอนเมือง-เบตง ได้รับคำชี้แจงจากสายการบินว่า เกิดจากปัญหามีผู้โดยสารต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ การเปิดเที่ยวบินจึงไม่คุ้มทุน เนื่องจากการทำแผนสื่อสารการตลาดที่ผิดพลาด โดยมีระยะเวลาการโปรโมตเที่ยวบินระหว่างดอนเมือง-เบตงน้อยเกินไป ขณะที่ต้นทุนการปฏิบัติการด้านการบินมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าเชื้อเพลิง ประกอบกับสายการบินนกแอร์อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดความเสี่ยงด้านการดำเนินการ
เบื้องต้น ทย.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือสายการบินด้วยการลดค่าบริการ 2 รายการ ได้แก่ ค่าแลนดิ้ง และค่าหลุมจอด รวมกันเฉลี่ย 5% หรือ 100-200 บาทต่อคน จากค่าโดยสารกว่า 3,000 บาท ซึ่งปัจจุบัน ทย.มีรายได้จากเที่ยวบินแลนดิ้งสนามบินเบตงเที่ยวละ 4,000 บาท ในกรณีมีผู้โดยสารเต็มอัตรา 80 คนต่อเที่ยวบิน
สำหรับแผนการขยายรันเวย์สนามบินเบตงมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ขณะนี้งบประมาณที่ได้มาในเบื้องต้น ทย.จะใช้ในการศึกษาออกแบบ การเตรียมการเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่วนงบประมาณในการซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินและการก่อสร้างจะพิจารณาดำเนินการในเฟสต่อไป ในกรณีจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบินเต็มความจุและควรเปลี่ยนขนาดของเครื่องบินก่อน
“ทย.พยายามแก้ปัญหาให้นกแอร์ขาดทุนน้อยที่สุด ต้องยอมรับว่าในช่วงเริ่มต้นอาจต้องเผชิญการขาดทุนบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในช่วงเดือนเมษายน มีเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีเที่ยวบินมากขึ้นตามไปด้วย” นายสมเกียรติกล่าว