อาจาดมุนี

แม่นันโชคดีนะคะ เป็นตึ่งหนั่งเกี้ยที่แต่งเข้ามาอยู่กับสามีไทย 
แถมคุณแม่สามียังได้ถ่ายทอดสูตรอาหารไทยโบราณของต้นตระกูลมาให้แม่นันตั้งหลายเมนู 
ที่สำคัญคุณแม่ไม่เคยเปิดตำราดูเลยค่ะ ถามเมนูไหนตอบได้หมด เมนูไหนไม่เคยทำ
.คุณแม่แค่ชิมก็สามารถถอดได้ว่าปรุงด้วยอะไรบ้าง 
ใช้เครื่องเทศตัวไหน
เมนูนี้ก็เช่นกันค่ะ เครื่องตวงไม่ต้อง..มา..ยกหม้อน้ำปรุงมาให้แม่..ขอแม่แตะๆปลายลิ้นหน่อย..
ขอเล่าย้อนกลับไปครั้งคุณแม่ยังแข็งแรงกว่าปัจจุบันนะคะ

คุณแม่สามีมักจะมากับของอร่อยเสมอ...วันไหนที่แม่นันกำลังจะทำกับข้าวแล้วแว่วเสียงใครคนหนึ่งพูดว่า "คุณปู่คุณย่ามา"..
แม่นันจะหยุดทันทีค่ะ เพราะรู้ว่าท่านจะต้องหอบอะไรมาให้พวกเราทานเยอะแยะ...
วันก่อนนู้นก็ทำน่องไก่อบซ้อสมาให้หลาน..รู้ว่าเด็กๆชอบ...แม่นันเลยจัดให้ทานพร้อมอาจาดมุนีซึ่งเข้ากันมากกับเมนูประเภทนี้...
พี่ภูมิถูกใจหยิบหอมแดงใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ.... แหมถ้ามีหมูสะเต๊ะพร้อมขนมปังอีกสักชุด...จะอร่อยขนาดไหน...
แม่นันเคยเคยทำสดๆแจกแฟนเพจด้วยค่ะ แต่วันนี้จะมาแจกสูตรแทน ทุกคนจะได้นำไปทำเองได้ด้วยค่ะ อย่าลืมส่งการบ้านนะคะ

"อาจาดมุนี" ....ชื่อเมนูไพเราะสมกับสีของผักแต่ละชนิดเลย ว่ามั้ยคะ? 
อาจาดมุนีทำไม่ยากค่ะ แต่ขั้นตอนการเตรียมถ้าไม่มีเวลาเป็นวัน รับรองทำไม่ได้ค่ะ 
ต้องหาจังหวัดแดดดีแต่ไม่แรงเพื่อผึ่งผักให้แห้ง (แต่ไม่เหี่ยว) ก่อนที่จะมาผสมในน้ำปรุงค่ะ ...
คุณแม่สามีเป็นคนชอบเล่าชอบพูด แม่นันก็จะได้เคล็ดลับการทำอาหารเวลาท่านสอนไปพูดไปนี่ล่ะค่ะ 
วัตถุดิบที่ต้องเตรียมสำหรับอาจาดมุนีมีทั้งหมดแปดอย่าง สีสวยๆ มีประโยชน์ดังนี้ค่ะ

** หอมแดง ดอกกะหล่ำ แตงกวา ขิงอ่อน แครอท ไช้โป๊วหวาน 
(ซื้อแบบกะเอาค่ะ เหลือก็นำมาทำเมนูผักอย่างอื่นได้ค่ะ)  น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย **

น้ำปรุงสุตรนี้ใช้น้ำตาลทราย ๑.๕ กก. เกลือ ๓ ชช. ต่อน้ำส้มสายชู ๔๐๐ ก. (ทอนเป็นสูตรเล็กลงตามชอบนะค่ะ) 
*ชอบรสเข้มบางแบบไหนปรับเอาได้ค่ะ 
ค่อยๆเทน้ำส้มสายชูลงผสมกับน้ำตาล คนให้เข้ากัน ใช้ปลายนิ้วแตะชิมดู 
(คุณแม่ไม่เคยตวงเครื่องปรุงค่ะ ใช้วิธีกะเอาทุกครั้ง ครั้งนี้แม่นันต้องคอยชั่งไป ตวงไป จดไป ไม่งั้นนำสูตรมาฝากไม่ได้คร่า) 
จากนั้นนำไปตั้งเตา คนไปเรื่อยๆจนทุกอย่างเข้ากันดี พักไว้ให้เย็น อาจใช้วิธีหล่อน้ำแข็งรอบๆภาชนะก็ได้ค่ะ
๑. เตรียมผัก - ปอกผัก ล้างและแช่ผักทุกชนิดจนสะอาด พักใส่ตะแกรงไว้
- หอมแดง ใช้ทั้งลูกนะคะ กรีดกลางให้เป็นร่อง (เพื่อให้น้ำปรุงซึมเข้าเนื้อในค่ะ)
- ดอกกะหล่ำ ใช้มีดกรีดเป็นช่อเล็กๆ
- แครอท หั่นท่อนเล็กๆ หรือหั่นกลมตามขวางให้สวยงาม
- แตงกวาหั่นขวางหนาพอประมาณ

- ขิงอ่อน ถ้าได้ขิงอ่อนจริงๆ หัวเล็กๆยิ่งดีค่ะ บั้งสวยๆ ชิ้นกำลังดี รอบนี้ได้ขิงไม่อ่อนจริง

คุณแม่สอนวิธีแก้ให้โดยการแช่น้ำเกลือพักใหญ่ ล้างและบีบน้ำทิ้งหลายๆรอบ

- ไช้โป๊วหวานอย่างดีนะคะถึงจะอร่อยค่ะ หั่นเต๋าหรือขวางก็ได้ค่ะ

๒. ลวกดอกกะหล่ำ และแครอทในน้ำเดือดจัด เช็คดูให้เนื้อพอกรอบ นำขึ้น น้อคด้วยน้ำเย็น พักไว้

๓. นำทุกอย่างเรียงใส่กระจาด นำไปผึ่งแดดดีๆ (ถ้าช่วงหน้าฝนนี้หาจังหวะเอานะคะ) 
คอยกลับผักให้น้ำระเหยออกจนหมด โดยเฉพาะขิงอ่อนและไช้โป๊ว ล้างและบีบน้ำออกให้เยอะที่สุดก่อนผึ่งแดดค่ะ

๔. เมื่อแน่ใจว่าผักแห้งดีแล้ว นำผักทุกอย่างผสมลงในน้ำปรุงค่ะ 
ผักจะคลายน้ำออกมาอีกระหว่างผสมในน้ำปรุง กะดูให้สัดส่วนเข้ากันนะคะ ผักต้องไม่แน่นไปจนน้ำปรุงซึมเข้าไม่ทั่ว 
ค่อยๆใช้ทัพพีคนให้ทุกอย่างเข้ากันจนเข้าเนื้อ ชิมดู ตักใส่ภาชนะ นำเข้าตู้เย็น ...
สุดสัปดาห์นี้ลองทำดูนะคะ ทอนเป็นเซตเล็กลงค่ะ ทานเป็นเครื่องเคียงกับเมนูมากมายหลายเมนูค่ะ 
เช่นแฮ่กึ๊น ฮ่อยจ๊อ หมูสะเต๊ะ แกงกะหรี่ ไก่อบ ข้าวซอย ทานกับข้าวต้มยังได้เลยค่ะ
*วิธีทาน "อาจาดมุนี" เป็นเครื่องเคียงให้อร่อย ตักเป็นคำพร้อมกันหลายๆอย่าง 
จะได้รสชาติของผักแต่ละชนิดในน้ำปรุงข้นๆที่แสนจะเข้ากัน แล้วจะลืมอาจาดทั่วๆไปเลยค่ะ*
ไว้จะนำสูตรน่องไก่อบซ้อสมาให้ค่ะ

อีกสองวันจะถึงเทศกาล "หง่วงเซียว" แม่นันสอนทำ "กวงเจียง" (หัวไช้เท้าห่อฟองเต้าหู้) 
แม่นันไม่ได้เขียนเป็นสูตร แต่ไลฟ์สดสอนวิธีทำให้แทน ใครชอบแวะเข้าไปดูย้อนหลังได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่