โรค “รองช้ำ” เรื่องเล็กน้อย ที่ไม่ควรมองข้าม
มีใครเคยปวดบริเวณฝ่าเท้าหรืออุ้งเท้าบ้างมั้ยครับ พี่หมอเคยเป็นอยู่พักหนึ่ง ต้องใช้เวลาอยู่เป็นปีถึงจะรักษาหาย (ตอนเป็นหนักๆนี่ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ) เพราะแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร จนไปตรวจกับคุณหมอถึงรู้ว่าเป็นโรค “รองช้ำ” 😂😂😂
ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้มีอาการรุนแรง แต่ถ้าเราไม่รีบรักษาอย่างถูกวิธีและปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง นอกจากจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ก็อาจจะทำให้ส่วนอื่นๆ ในร่างกายบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น หรืออาจทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด จนถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยทีเดียว
แล้วโรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีรักษาหรือป้องกันหรือไม่ อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กับพี่หมอได้เลยครับ
สาเหตุของโรครองช้ำ
โรคนี้มีสาเหตุมาจากการรองรับแรงกระแทกของฝ่าเท้าและอุ้งเท้า 🦶 เพราะในขณะที่เรายืนหรือเดิน จะมีการลงน้ำหนักบนฝ่าเท้า ทำให้อุ้งเท้าของเราแบนราบไปกับพื้น ซึ่งแรงที่กระทบลงมานั้น จะทำให้เกิดแรงตึงตัวระหว่างส้นเท้ามากขึ้นจนเกิดเป็นพังผืด ยิ่งถ้ามีการอักเสบสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดการฉีกขาดของเอ็นฝ่าเท้าได้
ซึ่งการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้านั้น มักทำให้เกิดอาการปวดบวมบริเวณส้นเท้าในแนวตามแถบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าตอนตื่นนอน หรือมีอาการเจ็บแปล๊บๆ เหมือนโดนเข็มทิ่มบริเวณส้นเท้า หรือปวดแบบโดนของร้อนสัมผัส ซึ่งอาการจะดีขึ้นหลังจากเดิน แต่ก็อาจจะกลับมาปวดอีกครั้งตอนก่อนนอน โดยอาการทั้งหมดนี้มักจะเป็นๆ หายๆ
สาเหตุหลักของโรครองช้ำมาจากการใช้งานข้อเท้ามากเกินไป การเดินหรือวิ่งมากๆ 🚶 การใส่รองเท้าส้นสูงบ่อยและนานเกินไป รวมถึงคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือมีกระดูกรูปเท้าผิดปกติ เช่น อุ้งเท้าแบน หรือโก่งมากเกินไป การออกกำลังกายบางประเภท เช่น การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน ภาวะกระดูกงอกบริเวณกระดูกส้นเท้า และไขมันบริเวณส้นเท้าฝ่อลีบตามอายุ
การรักษาโรครองช้ำ
ก่อนที่จะรักษาโรครองช้ำ แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าได้เช่นกัน แต่โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทจะมีอาการอื่นร่วมด้วย ส่วนโรครองช้ำจะมีแค่อาการปวดบริเวณจุดเกาะของพังผืดบริเวณฝ่าเท้าเท่านั้น ซึ่งวิธีรักษามีดังนี้
✅ รับประทานยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ร่วมกับการแช่เท้าในน้ำอุ่น รวมถึงแนะนำวิธีการยืดเหยียดฝ่าเท้าและเอ็นร้อยหวาย
✅ ประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการปวดบวม
✅ ให้ใส่ insoles หรือแผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้า (foot orthosis) ไว้ในรองเท้า
✅ ลดน้ำหนัก โดยควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะทำให้เอ็นฝ่าเท้ารับน้ำหนักมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยหายช้า และมีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น
✅ ใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อลดการเคลื่อนไหวและการอักเสบในช่วงแรกที่เป็น
✅ ทำกายภาพบำบัด โดยใช้ความร้อนแบบอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound therapy) ดัดยืดที่เส้นเอ็นของฝ่าเท้า และใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยพยุงในการเดิน
✅ รักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock-wave therapy) โดยใช้คลื่นเสียงกระตุ้นบริเวณจุดเกาะพังผืดฝ่าเท้า เพื่อให้เกิดการสมานตัวและลดการอักเสบ ซึ่งจะทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้ ผลของการรักษาด้วยวิธีนี้มีความใกล้เคียงกับการผ่าตัด
✅ หลีกเลี่ยงการฉีดยากลุ่มที่มีสเตียรอยด์
✅ แต่หากได้รับการรักษาตามลำดับขั้นตอนนานกว่า 6 เดือนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์ก็อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งแบบผ่าเปิดและผ่าแบบส่องกล้อง เพื่อเลาะจุดเกาะพังผืดของฝ่าเท้า ซึ่งจะช่วยให้การอักเสบและอาการปวดหายไป
การป้องกันโรครองช้ำ
· ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะกับขนาดเท้าของเรา ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป สวมใส่สบายและเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือใส่แผ่นเสริมฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่มลงไปในรองเท้า เพื่อช่วยลดแรงกระแทกจากการออกกำลังกายหรือเดิน
· หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้ฝ่าเท้าเป็นเวลานานๆ เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน เพื่อลดน้ำหนักที่จะลงที่ฝ่าเท้า รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า
· สำหรับสาวๆ ที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานๆ ควรหาเวลาพักเพื่อถอดรองเท้าออก และควรฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อน่องและพังผืดใต้ฝ่าเท้าบ่อยๆ
· ผู้ที่มีเท้าผิดรูป เช่น ฝ่าเท้าแบนหรือโก่งเกินไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อสั่งตัดรองเท้าที่เข้ากับรูปเท้า จะช่วยลดอาการบาดเจ็บและป้องกันโรครองช้ำ
โรครองช้ำอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยและสามารถรักษาให้หายได้ไม่ยาก หลายคนจึงเลือกที่จะซื้อยามารับประทานเอง หรือไปฝังเข็ม รวมถึงไปนวดแผนโบราณ ซึ่งแม้ว่าการนวดจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถรักษาโรครองช้ำให้หายขาดได้
ดังนั้น ถ้าไม่อยากทุกข์ทรมานกับการเป็นโรครองช้ำ หรือยังอยากใส่รองเท้าสวยๆ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันทีที่มีอาการนะครับ 👠👟👞
โรค “รองช้ำ” เรื่องเล็กน้อย ที่ไม่ควรมองข้าม
มีใครเคยปวดบริเวณฝ่าเท้าหรืออุ้งเท้าบ้างมั้ยครับ พี่หมอเคยเป็นอยู่พักหนึ่ง ต้องใช้เวลาอยู่เป็นปีถึงจะรักษาหาย (ตอนเป็นหนักๆนี่ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ) เพราะแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร จนไปตรวจกับคุณหมอถึงรู้ว่าเป็นโรค “รองช้ำ” 😂😂😂
ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้มีอาการรุนแรง แต่ถ้าเราไม่รีบรักษาอย่างถูกวิธีและปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง นอกจากจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ก็อาจจะทำให้ส่วนอื่นๆ ในร่างกายบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น หรืออาจทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด จนถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยทีเดียว
แล้วโรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีรักษาหรือป้องกันหรือไม่ อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กับพี่หมอได้เลยครับ
โรคนี้มีสาเหตุมาจากการรองรับแรงกระแทกของฝ่าเท้าและอุ้งเท้า 🦶 เพราะในขณะที่เรายืนหรือเดิน จะมีการลงน้ำหนักบนฝ่าเท้า ทำให้อุ้งเท้าของเราแบนราบไปกับพื้น ซึ่งแรงที่กระทบลงมานั้น จะทำให้เกิดแรงตึงตัวระหว่างส้นเท้ามากขึ้นจนเกิดเป็นพังผืด ยิ่งถ้ามีการอักเสบสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดการฉีกขาดของเอ็นฝ่าเท้าได้
ซึ่งการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้านั้น มักทำให้เกิดอาการปวดบวมบริเวณส้นเท้าในแนวตามแถบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าตอนตื่นนอน หรือมีอาการเจ็บแปล๊บๆ เหมือนโดนเข็มทิ่มบริเวณส้นเท้า หรือปวดแบบโดนของร้อนสัมผัส ซึ่งอาการจะดีขึ้นหลังจากเดิน แต่ก็อาจจะกลับมาปวดอีกครั้งตอนก่อนนอน โดยอาการทั้งหมดนี้มักจะเป็นๆ หายๆ
สาเหตุหลักของโรครองช้ำมาจากการใช้งานข้อเท้ามากเกินไป การเดินหรือวิ่งมากๆ 🚶 การใส่รองเท้าส้นสูงบ่อยและนานเกินไป รวมถึงคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือมีกระดูกรูปเท้าผิดปกติ เช่น อุ้งเท้าแบน หรือโก่งมากเกินไป การออกกำลังกายบางประเภท เช่น การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน ภาวะกระดูกงอกบริเวณกระดูกส้นเท้า และไขมันบริเวณส้นเท้าฝ่อลีบตามอายุ
ก่อนที่จะรักษาโรครองช้ำ แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าได้เช่นกัน แต่โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทจะมีอาการอื่นร่วมด้วย ส่วนโรครองช้ำจะมีแค่อาการปวดบริเวณจุดเกาะของพังผืดบริเวณฝ่าเท้าเท่านั้น ซึ่งวิธีรักษามีดังนี้
✅ รับประทานยา เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ร่วมกับการแช่เท้าในน้ำอุ่น รวมถึงแนะนำวิธีการยืดเหยียดฝ่าเท้าและเอ็นร้อยหวาย
✅ ประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการปวดบวม
✅ ให้ใส่ insoles หรือแผ่นเสริมใต้ฝ่าเท้า (foot orthosis) ไว้ในรองเท้า
✅ ลดน้ำหนัก โดยควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะทำให้เอ็นฝ่าเท้ารับน้ำหนักมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยหายช้า และมีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น
✅ ใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อลดการเคลื่อนไหวและการอักเสบในช่วงแรกที่เป็น
✅ ทำกายภาพบำบัด โดยใช้ความร้อนแบบอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound therapy) ดัดยืดที่เส้นเอ็นของฝ่าเท้า และใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยพยุงในการเดิน
✅ รักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock-wave therapy) โดยใช้คลื่นเสียงกระตุ้นบริเวณจุดเกาะพังผืดฝ่าเท้า เพื่อให้เกิดการสมานตัวและลดการอักเสบ ซึ่งจะทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้ ผลของการรักษาด้วยวิธีนี้มีความใกล้เคียงกับการผ่าตัด
✅ หลีกเลี่ยงการฉีดยากลุ่มที่มีสเตียรอยด์
✅ แต่หากได้รับการรักษาตามลำดับขั้นตอนนานกว่า 6 เดือนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์ก็อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งแบบผ่าเปิดและผ่าแบบส่องกล้อง เพื่อเลาะจุดเกาะพังผืดของฝ่าเท้า ซึ่งจะช่วยให้การอักเสบและอาการปวดหายไป
การป้องกันโรครองช้ำ
· ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะกับขนาดเท้าของเรา ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป สวมใส่สบายและเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือใส่แผ่นเสริมฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่มลงไปในรองเท้า เพื่อช่วยลดแรงกระแทกจากการออกกำลังกายหรือเดิน
· หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้ฝ่าเท้าเป็นเวลานานๆ เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน เพื่อลดน้ำหนักที่จะลงที่ฝ่าเท้า รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า
· สำหรับสาวๆ ที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานๆ ควรหาเวลาพักเพื่อถอดรองเท้าออก และควรฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อน่องและพังผืดใต้ฝ่าเท้าบ่อยๆ
· ผู้ที่มีเท้าผิดรูป เช่น ฝ่าเท้าแบนหรือโก่งเกินไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อสั่งตัดรองเท้าที่เข้ากับรูปเท้า จะช่วยลดอาการบาดเจ็บและป้องกันโรครองช้ำ
โรครองช้ำอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยและสามารถรักษาให้หายได้ไม่ยาก หลายคนจึงเลือกที่จะซื้อยามารับประทานเอง หรือไปฝังเข็ม รวมถึงไปนวดแผนโบราณ ซึ่งแม้ว่าการนวดจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถรักษาโรครองช้ำให้หายขาดได้
ดังนั้น ถ้าไม่อยากทุกข์ทรมานกับการเป็นโรครองช้ำ หรือยังอยากใส่รองเท้าสวยๆ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันทีที่มีอาการนะครับ 👠👟👞