ฝันหวาน (Sweet Dream) 82


.

           “พี่เมธีวันนี้ไปส่งนภานะคะ นภาเหนื่อยขับรถอ่ะ” อ้อนสามีผ่านกระจกแต่งตัว เธอนั่งแต่งตัวเพื่อจะไปทำงาน วันนี้สามีหยุดส่วนเธอไม่ได้หยุด และ คงต้องทำงานอีกหลายวันกว่าจะได้หยุดพัก

           เมธีกำลังรีดชุดทำงานให้เธอ มองดูแล้วน่ารักที่สุดเลย เธอไม่ได้ใช้งานคนแก่สักหน่อย แค่วานให้ทำให้เท่านั้น ปกติเธอก็ทำเอง แค่วันนี้มันสายแล้วจึงใช้สามีรีดชุดทำงานให้เสียเลย เพื่อกระชับเวลา

            “ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขาตอบกลับมา พร้อมรีดชุดทำงานให้เธออย่างประณีต “รีดชุดให้มื้อหนิอย่าย่ามเด้อ ใช้ทุกวันไม่ได้เด้” เขาพูดปนหัวเราะ ทำไมจะทำให้ไม่ได้ ถ้าเธออยากจะใช้เขาทำให้

            “หื้ย! ใช้ทุกวันไม่ได้เหรอ นภาอยากใช้พี่เมธีทุกวัน จะใช้ทุกวันเลยคอยดู” ค่อนขอดให้ผ่านกระจกขณะที่ตนเองกำลังเขียนคิ้วตาปากอยู่ จากนั้นก็จะไปเป่าผมให้แห้งแล้วก็หนีบเป็นลำดับถัดไป

             “เอ้า! งานเข้าแล้วไงเมธีบัดหนิ ซวยละ” ก็ยังพูดปนยิ้มเหมือนเดิม สำหรับพรนภามีหรือจะทำให้ไม่ได้ อะไรก็ตามที่เป็นความสุขของภรรยา และ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาพร้อมที่จะทำให้ได้เสมอ

            “พี่เมธีตัวเองไม่ต้องบรรจงขนาดนั้นก็ได้ รีด ๆ พอไม่ยับก็พอแล้ว ไม่ต้องบรรจงรีดเรียบกริบขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” หันไปยิ้มกับท่าทางของสามี รีดชุดทำงานให้คมกริบเลย อะไรจะบรรจงตั้งใจขนาดนั้น

             จากนั้นเธอก็แต่งตัวแต่งหน้าต่อ เพราะนี้ก็ใกล้จะสายเข้าทุกทีแล้ว ไปสายคงไม่ดีแน่ ๆ “พี่เห็นเขาเปิดตลาดใหม่หนิคะ น้องกับพี่ออร์ดี้ไปเดินกันยัง” เขาถาม หลังจากรีดชุดทำงานให้เธอเรียบร้อยแล้ว แขวนไว้ให้ที่ตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็กลับมานั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารอไปส่งเธอทำงาน

             “ยังเลยค่ะ นี่แหละวันนี้ก็ว่าจะชวนพี่เมธีแวะเดินสักหน่อย” เธอพูดพร้อมหนีบผมไปด้วย จากนั้นก็เดินหยิบชุดทำงานมาสวมใส่ มันเพลียชะมัด ถึงอย่างไรก็ต้องทำล่ะมันคือหน้าที่

           “เคค่ะ! เสร็จยังอ่ะ ไปกันได้ยัง” เขาเงยหน้าขึ้นมาถาม ขณะที่พรนภาเดินมานั่งลงที่โซฟาด้วย นั่งเบียด ๆ ใกล้ ๆ เขา “อะไรคะ ไม่ไปทำงานบ่อ จะอ้อนอะไรเค้า” เมื่อภรรยารุ่นลูกเดินมาอ้อน เดินมานั่งลงตรงหน้าก็อ้าแขนสวมกอดเสียเลย ดมหน้าผากเบา ๆ ด้วย รักที่สุดผู้หญิงคนนี้ ให้ได้หมดทุกอย่างชีวิตนี้ของเขา เป็นเรื่องปกติของพวกเขาสองคนไปแล้ว

             “ถักเปียให้เค้าหน่อยสิ” พรนภาพูดปนยิ้ม รอยยิ้มของพรนภาช่างสดใสน่าหลงใหลเสียจริง นี่แหละคนที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเขาให้สู้ไปวัน ๆ ขอบคุณที่รักเขา และ อยู่เป็นครอบครัวไปด้วยกันกับเขา

            “ฮะ! ให้พี่ถักเปียให้เนี่ยนะ” เขาหัวเราะอึกอัก เขาเคยทำที่ไหนล่ะ ลูกก็มีแต่ลูกชาย ไม่เคยถักเปียให้ใครเลย แม้แต่ภรรยาเก่าก็ไม่เคยได้ทำ

            “อือ! จะตกใจทำไมคะ ถักธรรมดา ๆ แหมะ แค่ทำแบบนี้ ๆ เอง ง่าย ๆ ถักให้หน่อยนะ” นั่งหันหน้าเข้าหาเมธี ทำอ้อนให้เมธีถักเปียให้ หลับตาพริบ ๆ อย่างตลก อยากอ้อน อยากงอแง อยากอยู่แบบนี้ที่สุด และ เมธีก็ไม่เคยปฏิเสธด้วย วันนี้มันแค่อยากอ้อนสามีรุ่นพ่อเท่านั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน

              “แน่ใจ!” เขาย้ำ

             “ค่ะ! แน่ใจ ถักให้หน่อยเร็ว ถักสั้น ๆ ไง ถักมาถึงตรงนี้ก็พอ ข้างเดียว” เธอออกคำสั่งสามี พร้อมทำให้ดูด้วย เธอถักเองได้ทว่าอยากใช้สามีถักเฉย ๆ อยากอ้อน มันเหนื่อย ๆ ก็อยากมีคนเอาใจ

             “แป๊บนะคะ” เมธีพูดพร้อมเปิดยูทูปดูขั้นตอนการถักเปีย ทำเอาเธอหัวเราะลั่นห้องอย่างชอบใจเลย เอ็นดูในความเปิดดูยูทูปของสามี แค่ใช้ให้ถักเปียธรรมดา ๆ แค่จับมันไขว้กันแค่นี้เอง ถึงกับต้องเปิดดูยูทูป “อะไรคะเค้าก็ต้องดูไปด้วยไง เค้าทำไม่เป็น” เมธีพูด หัวเราะให้ตนเองเช่นกัน

              จากนั้นเขาก็ถักเปียให้เธอ ค่อย ๆ ทำตามในยูทูป เธอนั่งนิ่ง ๆ ให้เขาถักเปียให้ ดูเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็สำเร็จไปได้ด้วยดี ยิ้มไปด้วยกับท่าทางของสามี “พี่เมธีลงมาแค่นี้พอค่ะ มัดเลย ๆ สวยมาก! ถักสวยนะเนี่ย รู้แบบนี้นะนภาใช้ตั้งนานแล้ว ไม่มัวส่องกระจกทำเองให้เมื่อยแขนหรอก” ชมฝีมือของสามีซะเลย

             “หื้ยคักโพดหรอก! ทางย้องใช้เขาน่ะ” เขารู้ทันว่าทำเป็นชมเฉย ๆ พูดปนยิ้มให้กับภรรยา ตั้งใจทำที่สุดแล้ว ตั้งแต่ทำงานมาไม่มีงานไหนกดดันเท่างานนี้เลย งานถักเปียให้ภรรยา กดดันที่สุดแล้ว แค่ถักเปียสั้น ๆ มันช่างยาวนานเหลือเกินกว่าจะเสร็จ สั่นไปหมดกลัวไม่สวย กลัวไม่ได้เรื่อง กลัวใช้ไม่ได้

             “ฝึกไว้ ๆ เผื่อมีลูกสาวจะได้ถักเป็นไง” เธอกล่าว ไม่ได้แกล้งชมสักหน่อย ชมจากใจเมธีก็หาว่าเธอแกล้งชม มันน่าน้อยใจนัก พอถักเปียเสร็จพวกเธอสองคนก็ปิดห้องเดินทางมาทำงานทันที โดยเมธีขับรถมาส่งเธอที่ทำงาน

             “อีกกี่วันคะพี่ออร์ดี้ถึงจะมาทำงาน” เขาถามขณะขับรถมาส่งเธอ เปิดเพลงร่วมสมัยของเขาฟังไปตามทางด้วย รอบนี้เธอปล่อยให้เขาฟังเพลงของเขาไปได้ตามสบาย “แล้วให้พี่มารับตอนกี่โมง”

             “น่าจะมาวันที่สิบหกมั้งคะ นภาก็ไม่ได้ถาม แต่เห็นพูด ๆ อยู่ อือ มารับนภาสักหกโมงสี่สิบก็ได้ค่ะ เราไปเดินตลาดใหม่กัน มีร้านกาแฟด้วย” เธอพูดด้วยท่าทางไร้เดียงสา จะทำแบบไหนก็ได้ที่อยู่ด้วยกัน จะอ้อนจะงอแงก็ได้สำหรับผู้ชายคนนี้

              “โถ่! มันดีตรงนี้ใช่มั้ยคะ ตรงที่มีร้านคาเฟ่ด้วยเนี่ย ฮึ” พูดพร้อมยกมือมาวางบนศีรษะของพรนภาด้วยความเอ็นดูนัก คนอะไรชอบทำให้หลงรักได้ตลอดเวลา “อี่หล่า! เมื่อยบ่อ อดเอาเด้อ”

              “อือ… นภาสบายมากค่ะ ในตลาดใหม่มีร้านกาแฟเล็ก ๆ นภาแอบชำเลืองมองทุกวันอ่ะเวลาขับผ่าน  สวยอยู่นะ ว่าง ๆ เรามาลองน้อ” เธอหันข้างไปพูดกับสามีรุ่นพ่ออย่างคนอารมณ์ดี มีคนคอยเข้าใจทุกวันจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เหนื่อย

             “มัวแต่มองระวังรถสอยเอาเด้อ” เขาบ่นอย่างเป็นห่วง

            “เอ๋า! ก็มองแป๊บเดียวเอง ร้านเล็ก ๆ ไม่มีที่ถ่ายรูปหรอก แต่การจัดร้านก็สวยดี แลดูไฮโซ แต่รสชาติต้องมาว่ากันอีกที” เพราะพวกเธอสายคาเฟ่อยู่แล้ว เลือกร้านที่ตกแต่งสวย ๆ เท่ ๆ ไว้ก่อน รสชาติค่อยว่ากันทีหลัง

            เมธีขับรถมาส่งเธอสักพักก็มาถึงที่ทำงาน พวกเธอแวะตลาดเช้ากันก่อน เพื่อหาซื้ออะไรเอาไว้ให้เธอทานมื้อเที่ยง “น้องจะซื้ออะไรไว้ทานคะ” เขาเดินข้าง ๆ เธอ ยกมือขึ้นแตะไหล่ของเธอเลือกดูกับข้าว ไม่สนใจสายตาของใคร ๆ จะมอง

            “ดูก่อนค่ะ อยากกินข้าวเหนียวปิ้งตับ” เธอพูดลอย ๆ แบบไม่ได้คิดอะไรเลย พร้อมมองหาร้านขายตับไก่ปิ้ง

             เขาก้มศีรษะลงมากระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ “รอไปกินที่บ้านค่ะ” พูดจบก็ขำอยู่คนเดียว ทำลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่ได้พูดอะไร ส่วนเธอเงยหน้าขึ้นไปมอง เม้มปากยิ้มให้กับประโยคเมื่อครู่ คนแก่นี่นา! หึหึ ค่อนขอดให้ทางสายตาเสียเลย เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอาขอแค่ได้เล่นมุก

             “นั่นไง! นึกว่าจะไม่ได้กินซะแล้ว” ระหว่างเดินดูกับข้าวที่จะซื้อ ก็ดันเจอร้านขายตับปิ้งซะอย่างนั้น สมใจของพรนภาแล้ว นึกอยากมาหลายวัน วันนี้ได้ทานสักที

            “ว้า! อุตส่าห์ว่าจะให้กินตอนเลิกงานที่ห้อง ดันเจอก่อนซะอย่างนั้น” พูดจบก็หัวเราะอึกอัก เธอเองก็หัวเราะตาม พร้อมเหวี่ยงค้อนให้เบา ๆ ด้วย พวกเธอซุบซิบกันอยู่สองคน โดยที่แม่ค้าก็มองแบบงง ๆ นิดหน่อย ว่าพวกเธอหัวเราะอะไรกัน

              เมื่อเมธีมาส่งเธอถึงที่ทำงานแล้วก็ขอตัวกลับ รอเวลาหกโมงเย็นค่อยกลับมารับเธอเช่นเดิม พวกเธอจะแวะตลาดใหม่กัน เป็นตลาดเปิดใหม่ที่พึ่งเปิดเมื่อต้นเดือนนี่เอง เธอยังไม่มีเวลาจะแวะเดินเลย วันนี้แหละได้ฤกษ์ดีแล้ว จะแวะเดินให้ทั่วทุกมุมกันเลย

             ………………………………………..

            หนึ่งทุ่มพอดีเธอเลิกงาน เก็บกระเป๋าปิดออฟฟิศกลับบ้าน พร้อมรถของสามีมาจอดรอรับแล้ว ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ไม่เคยให้รอเลย มีแต่มารอแบบนี้ประจำ

             “รอนานมั้ยคะ” เอ่ยทักทายคนในรถทันทีที่เปิดประตูเข้ามานั่ง จากนั้นก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย

              “ไม่เลยค่ะ! พี่พึ่งจะจอดรอน้องแป๊บเดียวเอง วนรถสองรอบอ่ะ กว่าจะได้จอดตรงนี้ ก่อนหน้านี้มีคนนำรถมาจอดตรงนี้ก่อนพี่” เขาพูดพร้อมสตาร์ทรถเตรียมขับออกไป

              “ใช่ค่ะ รถใครก็ไม่รู้ พี่เมธีจอดในตลาดสดฝั่งตรงข้ามก็ได้มั้ย ทำไมต้องขับรถวนกลับไปกลับมาด้วย” เธอบ่น ชอบทำเรื่องง่าย ๆ ให้มันเป็นเรื่องยากนัก

              “เอ๋า! ก็เค้าอยากจอดรอน้องตรงนี้อ่ะ ขี้เกียจไปจอดฝั่งนู้นแล้วเดินข้ามมาไง” เขาอธิบาย ทว่าก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า ไม่เคยหงุดหงิดใส่เธอเลย แม้ในวันที่โดนเธอบ่น

               “ถ้าเกิดหน้าออฟฟิศมันไม่ว่างสักที ตัวเองก็จะขับวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเหรอ” เธอค่อนขอดให้

             “อื้อ ค่ะ ฮา” เขาพูดปนหัวเราะ พร้อมขับรถพาเธอมุ่งหน้าไปยังตลาดเปิดใหม่ ซึ่งก็เป็นทางผ่านกลับคอนโดพอดี

            “หื้ยคัก! พ่อเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันบ่อ ฮ่วย”

             “ครับโพ้ม! ฮา” เขาก็ยังแกล้งกวนประสาทเธออีก เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอม ๆ ไปอย่างนั้น ไม่นานก็ขับมาถึงตลาดใหม่ รถติดมาก ๆ มีผู้คนมาเดินเยอะพอสมควร เห่อของใหม่เป็นเรื่องธรรมดา

              เมธีพาเธอนำรถมาจอดยังลานจอดรถของลูกค้า จากนั้นพวกเธอก็พากันเดินดูของ เป็นตลาดสดเหมือนตลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ทำงานของเธอนั่นแหละ ไม่แตกต่างกันเลย มีร้านคาเฟ่ที่พูดถึงตอนเมื่อเช้า มีร้านขายเสื้อผ้าและกิ๊ฟช้อปมากมาย ละลานตาดี

             พวกเธอแค่เดินดูไปอย่างนั้น ไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับเลย มันเป็นตลาดสดธรรมดา ๆ เอง “น้องเราไปลองน้ำปั่นกันดีกว่าปะ ว่าจะอร่อยแค่ไหน”  เขาชวน

              “กินตอนนี้เนี่ยนะ” เธอลังเล วันนี้มันไม่อยากแล้วนี่นา วันก่อนก็กินไปแล้วกับเขาคนละแก้ว กินบ่อยไม่ดีสำหรับเธอ น้ำหนักขึ้น

              “ใช่ค่ะ! ไม่อ้วนหรอก นะ ๆ เอางี้พี่กินคนเดียวก็ได้ค่ะ แต่น้องพาพี่เข้าไปสั่งนะ” เขาพูดพร้อมมองหน้าเธอ

             “นภากินด้วย! เดี๋ยวนภาสั่งให้เอง เหมือนเดิมนะ โกโก้ปั่น” เธอถามระหว่างที่เดินกอดคอกันมายังร้านกาแฟ

             “ค้าบเหมือนเดิมหวานน้อย” เขาตอบ จากนั้นพวกเธอก็เดินเข้ามาภายในร้านกาแฟ เป็นร้านสไตล์ลอร์ป เกาหลี ๆ โทนสีขาวควันบุหรี่ เป็นทรงนิยมสำหรับคาเฟ่นั่นแหละ

             จากนั้นเธอก็เป็นคนสั่งเมนูโดยมีเมธียืนอยู่ข้าง ๆ รอไม่นานก็ได้น้ำปั่นแล้ว จากนั้นพวกเธอก็กลับคอนโดกัน มาแค่นี้เอง แค่ได้แวะล่ะ เพราะมันไม่แตกต่างกับตลาดสดหน้าที่ทำงานเลย

            “อร่อยอยู่นะคะ พอได้ ๆ “ เขาพูดขณะดูดโกโก้ปั่นไปปืดใหญ่ ระหว่างขับรถกลับ

            “มันก็สูตรเดียวกันแหละพี่เมธี สำหรับนภานะแค่ไม่หวานก็อร่อยแล้ว” เธอพูดอย่างคนอารมณ์ดีที่ได้กินน้ำปั่นเย็น ๆ ชื่นใจ แต่แก้วนี้พอ หลังจากนั้นจะไม่กินแล้ว สองรอบแล้วที่กินน้ำปั่นก่อนนอน กินมากไม่ดีต่อเธอ

             “สำหรับเค้าขอแค่หวานก็พอค่ะ” เขาพูดปนยิ้มเช่นกัน

             “พอเหรอ!” เธอหันมาถามสามี กะจะเล่นมุกสักหน่อย

            “ไม่พอค่ะ! ต้องได้ความหวานจากน้องเท่านั้น” เขาพูดและยิ้มให้เธอ ยกมือขึ้นมายีผมของเธอระหว่างขับรถกลับ พวกเธอเล่นกัน คุยกัน ทำตัวเด็กแบบไหนก็ได้ที่อยู่ด้วยกัน จะอ้อนจะออเซาะแค่ไหนก็ทำได้ตามใจ และ เมธีก็ชอบให้เธอทำด้วย และ เธอก็ชอบทำด้วย ลืมอายุกันไปเลยสำหรับสองคน

            แค่คนธรรมดา แค่วันธรรมดา แค่มีกันและกันในทุก ๆ วัน เท่านี้ทุกอย่างที่อยู่รอบกายก็พิเศษแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่