.
เกือบหนึ่งทุ่มที่พรนภากับเมธีมาถึงบ้าน
“น้องนภาพี่ขอขับเลยบ้านไปซื้อกับข้าวก่อนได้มั้ยคะ ค่อยวนกลับมาบ้านพี่ค่ะ” เมธีถามขณะรถได้เคลื่อนตัวเข้ามาภายในเขตจังหวัดของตนเองแล้ว เหลือไม่กี่กิโลก็ถึงบ้านของตน ทว่าอยากเลยไปซื้อกับข้าวก่อนค่อยแวะเข้าบ้าน ซึ่งร้านที่ตนเองอยากทานมันดันไปทางเดียวกันกับบ้านของภรรยาสาว
“ซื้อที่ร้านไหนตัวเอง ทำไมไม่ไปกินที่บ้าน แม่ทำกับข้าวรอแล้วมั้งป่านนี้” พรนภาตอบ ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ ตอนนี้เมื่อยตัวเต็มทนแล้ว อยากนอนเหยียดกายลงที่นอนเต็มแก่
“ร้านเจ้อื๋อค่ะ อยากกินต้มขมแหมะน้อง อยากกินก้อยมะนาวด้วยค่ะ แซ่บนะก้อยมะนาวแกทำ ถูกปากพี่ค่ะ” เขาตอบ พอพูดถึงกับข้าวท้องก็ร้องจ้อกขึ้นมาทันที ระหว่างวันขับรถก็แค่ทานอะไรรองท้องเท่านั้น ไม่กล้านั่งทานเพราะเสี่ยงต่อโรคระบาด ร้านที่พูดถึงขึ้นชื่อเรื่องลาบก้อยต้มขมมาก ๆ เป็นร้านชื่อดังในย่านแถวบ้านของภรรยาสาวเลย
“ไปถึงขนาดนั้นเข้าบ้านนภาก่อนมั้ยคะ ฮ่วย! คนเมื่อยกะเมื่อย ล่ะบ่อฮอดบ้านจักเทือ” เธอบ่นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก จะถึงบ้านอยู่แล้วไม่รู้จะเลยบ้านไปทำไม เลยไปขนาดนั้นอีกแค่กิโลเดียวก็ถึงบ้านของเธอแล้วด้วย ไม่เข้าบ้านก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
“เอ๋า! ก็ได้ค่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป เดี๋ยวโทรถามแม่พี่แป๊บว่าได้ทำกับข้าวรอมั้ย ถ้าไม่ได้ทำรอเราค่อยหาซื้อเข้าไปน้อ โอ๋… อิหล่าเมื่อยนั่งรถติคะ แล้วคิดเบิ่งคนขับโลดค่ะ เมื่อยซำใด” เขาพูด พรนภาเบิกตากว้าง อ้าปากที่โดนต่อว่า ที่โดนประชดเบา ๆ แต่เขารู้ทันและเอื้อมมือมาง้อก่อน โดยการวางมือบนศีรษะของเธอพร้อมหันมามองหน้าแว่บเดียว พร้อมหัวเราะ เธอทำได้เพียงค่อนขอดให้ทางสายตา
“ถ้าแม่ยังไม่ได้ทำ โต้รุ่งก็มีขายมั้ง ในเมืองหาซื้อไม่ยากหรอก” เธอค่อนขอดให้ บังอาจมาประชดเธอได้อย่างไร
“แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้บอกหรอกว่าจะเข้าบ้านก่อน แม่คิดว่าเราแวะบ้านของน้องก่อนค่ะ” เขาพูด ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกวนใจภรรยาอีกแล้ว รู้ว่าเหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มทน เขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน
ดีที่กลับบ้านวันนี้รถไม่ค่อยติด เหยียบคันเร่งได้เต็มเท้า พวกเธอกลับช้ากว่าคนอื่น ๆ รถจึงไม่ติดหนึบ ที่ถึงบ้านช้าเพราะมัวไปซื้อของฝากและแวะรับญาติกลับด้วยนั่นเอง ทว่าเวลานี้ได้แวะส่งญาติลงบ้านเรียบร้อยแล้ว
เมธีคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นแม่ไม่นานก็วางสาย เป็นอันตกลงว่าคืนนี้นอนที่บ้านของพรนภา พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาบ้านของตนเองก็ได้ แม่ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้รอ เป็นอย่างที่เมธีคาดการณ์เอาไว้ แม่คิดว่าพวกเขาจะแวะที่บ้านของพรนภาก่อนนั่นเอง
“แม่ว่ายังไงอ่ะพี่เมธี” พรนภาถาม หันมามองหน้าสามีรอคำตอบ ภายในใจนึกเกรงใจคนที่บ้านของสามีขึ้นมาดื้อ ๆ หากตนเองจะงอแงไปนอนบ้านกลัวทุกคนตั้งตารอแล้วผิดหวัง ไปถึงขนาดนั้นแล้ว ขับเลยไปแค่กิโลเดียวก็ถึงบ้านของตนเองแล้ว ใครบ้างจะไม่อยากแวะ
“ตามคาดค่ะ แม่คิดว่าเราแวะบ้านน้องก่อน งั้นเราก็ซื้อกับข้าวที่ร้านเจ้อื๋อเสร็จ เราก็เลยไปนอนบ้านน้องก่อน พรุ่งนี้กลับมาบ้านเค้านะ” ทำเสียงอ้อนภรรยา “เค้าอยากกินก้อยร้านเจ้อื๋อแหมะ” พรนภาตอบตกลง จากนั้นเมธีก็ขับรถเลยตัวเมือง เลยบ้านของตนเองมุ่งหน้าไปยังบ้านของภรรยารุ่นลูกเลย
ก่อนถึงบ้านก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อกับข้าวก่อน เนื่องจากคนที่บ้านของพรนภาก็คิดว่าพวกตนจะแวะบ้านของเขาก่อนนั่นเอง “ตัวเองอยู่รออยู่ในรถแหละ เดี๋ยวนภาลงไปสั่งเองค่ะ เอาไรบ้างนะ”
“อือ… ของพี่เอาต้มขม ก้อยมะนาว ซอยจุชุดใหญ่พอ ที่เหลือก็กับข้าวของน้องเลย น้องอยากทานไรก็สั่งเลยค่ะ” เมธีไล่เมนูที่อยากทานให้ภรรยาสาวฟัง “เออน้องที่ร้านค้าในหมู่บ้านน้องมีเหล้าขายอยู่เด้น้อ”
“เอ๋า! มันก็ต้องมีสิพี่เมธี บ้านนอกก็กินเหล้าสีนะ ฮ่วย!” ค่อนขอดให้สามี ถามอะไรไม่คิด เห็นว่าเธออยู่ชนบทกันดารมากหรือไรถึงจะไม่มีเหล้าขาย
“ไม่ช่าย! พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ พี่หมายถึงว่า บรั่นดีน่ะ คนบ้านเฮาน้อน้องเขากะสิบ่อกินตะเหล้าขาวเหล้าสองแปดห้าบ่อ กินอยู่บ่อรีเจนซี่!” ที่สามีรุ่นพ่อพูดก็มีเหตุผล “หาซื้อไสล่ะ ช่างเถอะไม่มีรีเจนซี่พี่กินหงษ์กินสองแปดห้าก็ได้ค่ะ” เขาพูดแบบตัดใจ สำหรับเขาอะไรได้หมด ที่หันมาดื่มบรั่นดีก็เพราะพรนภานั่นแหละ ด้วยความที่ไม่อยากเมาคนเดียว จึงหันมาดื่มเหล้าที่พรนภาดื่มด้วยได้
“แต่นภาไม่กิน! เหม็น! ไม่มีรีเจนซี่นภาก็ไม่กิน เค้าไม่ได้กระแดะนะตัวเอง นภากินไม่ได้จริง ๆ นภาลงไปสั่งกับข้าวก่อนนะ ตัวเองรอในรถนี่แหละ” พูดจบพรนภาก็ผลักประตูรถเปิดออก เดินลงไปสั่งเมนูอาหารของสามีและของตนเอง นั่งรอไม่นานกับข้าวที่สั่งก็ทำเสร็จสรรพ
“เสร็จภารกิจแล้วนะคะ วิ่งตรงเข้าบ้านอย่างเดียวนะ เอ้อยังดิ! ยังเข้าบ้านไม่ได้ ยังไม่ได้เหล้าเลย แฮ่! ก๊งเหล้ากับพ่อตากันน้าปีใหม่หนิ ฮา” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปจากร้านอาหาร มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของพรนภาภรรยาสาวเลย
พวกเธอขับรถครู่เดียวก็มาถึงหมู่บ้านของพรนภากันแล้ว ก่อนจะแวะเข้าบ้านก็ไม่ลืมแวะซื้อเหล้าก่อน ได้บรั่นดีสมดังปรารถนาของสามีมาก ๆ จัดมาสองแบนกันเลย น้ำแข็งโซดาพร้อม กะว่าจะนับถอยหลังสู่ปีใหม่ตั้งแต่วันนี้กันเลยทีเดียว
มาถึงเป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนในครอบครัวของเธอต่างตะลึงกับการมาถึงของพวกเธอสองสามีภรรยา แม่ของเธอหัวเราะชอบใจมาก ที่เห็นเธอเปิดประตูลงมาจากรถ “ไหนบอกจะกลับบ้านคุณเมธีก่อนไงเธอ ไหนมาโผล่ที่บ้านได้” แม่ทักทายเธอแบบนี้เลย พูดกลั้วยิ้มแม่คงนึกไม่ถึง
เธอเองก็หัวเราะตอบแม่ พวกเธอลงมาจากรถยกมือไหว้ทุกคนในบ้าน สามีรุ่นพ่อก็ทำตัวปกติตามสบาย ไม่เกร็งหรือเขินอายใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกคนในครอบครัวของเธอยอมรับและเข้าใจดี
“อ่อ… ผมอยากกินต้มร้านเจ้อื๋อครับ มาถึงขนาดนี้แล้วก็เลยตกลงกันว่าคืนนี้แวะนอนบ้านก่อนดีกว่า ค่อยกลับไปบ้านผมอีกทีครับ” สามีรุ่นพ่ออธิบาย
พอทักทายคุยกันหอมปากหอมคอแล้ว พวกเธอก็เตรียมตัวทานข้าว นี่ก็พึ่งจะทุ่มนิด ๆ ที่พวกเธอสองคนมาถึงบ้าน เมื่อยและหิวมาก แม่กับพ่อกับยายก็เข้ามาทานด้วย ส่วนน้องสาวของเธอยังไม่ทันหยุดงาน น่าจะมาถึงวันที่สามสิบ
“พ่อกับแม่เอาเหล้ามั้ยครับ เหล้าสี บรั่นดีไทยเด้” เมธีพูดพร้อมเทเหล้าให้พ่อของเธอด้วย
“ตักบาตรอย่าถามพระแหมะ ชงมาโลด”พรนภาตอบแทน ยิ้มและมองทั้งสองคนคุยกัน พ่อกับแม่และเธอก็รับไปคนละแก้ว ยายด้วยที่ดื่มกับพวกเธอ แค่แก้วเดียวพอเป็นกษัย
“คุณยายอย่ายกถี่นะครับ เมาเด้หนิ เมาเร็วกว่าเบียร์เด้อครับ” เมธีพูดปนยิ้มเรียกเสียงหัวเราะให้กับพวกเธอในครอบครัวเป็นอย่างมาก
“ยายพอแล้ว! แก้วเดี๋ยวก็พอ ๆ กินข้าวแซ่บ” ยายตอบ ยายยิ้มหน้าบานเลยที่พวกเธอกลับบ้านในวันปีใหม่ “จะไปบ้านคุณเมธีวันไหนกัน” ยายถาม
“นภาว่าจะไปพรุ่งนี้แหละยาย วันที่สามสิบเอ็ดนภากับพี่เมธีค่อยจะกลับมาใหม่” พรนภาเป็นคนตอบ
“อ่อ! แม่ก็นึกว่าจะพากันแวะที่บ้านนั้นก่อน แม่ก็ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้รอน้อ นภาเองก็ไม่โทรมาบอกแม่ล่วงหน้า” แม่ของเธอพูดปนตำหนิ
“นภาก็ไม่รู้ว่าพี่เมธีจะอยากกินต้มร้านเจ้อื๋อน้อแม่ น้องนภาพี่อยากกินต้มร้านเจ้อื๋อพะนะ นภาก็ว่าไปถึงขนาดนั้นก็เลยมานอนบ้านก่อนแล้วกัน” พรนภาพูดพร้อมปรายตามองสามีรุ่นพ่อ เจ้าตัวหัวเราะอึกอักเบา ๆ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่ม จากนั้นแม่ของเธอก็ขอตัวไปจัดห้องเตรียมที่นอนให้พวกเธอสองคน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของเธอเองนั่นแหละ ห้องนอนเก่าตั้งแต่เด็ก ๆ
พ่อกับสามีของเธอคุยกันถูกคอมาก ลูกเขยเป็นคนชงเหล้าให้พ่อตาดื่ม มันดีอย่างนี้นี่เอง ได้สามีแถมยังหาเพื่อนให้พ่อได้อีกด้วย เธอปรายตามองทั้งสองคนแอบคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หัวเราะอะไรคะ” เขาถามเธอเมื่อหันมาเจอเข้าพอดี ส่วนเขาก็ยิ้มแววตาที่มองเธอมา มันบ่งบอกว่าเขาเข้าใจที่เธอหัวเราะ เขาเองก็เค้นเสียงหัวเราะไปด้วยแบบเข้าใจความหมายที่สื่อนั่นแหละ เข้าใจว่าตอนนี้ภรรยารุ่นลูกกำลังคิดอะไรอยู่
“เปล่า! ยายเอาเหล้าอีกมั้ย” เธอถามยาย
“บ่อ ๆ พอแล้ว!” ยายปฏิเสธ
“ป้า! มาทานข้าว มา ๆ นภากับพี่เมธีตรวจเอทีเคแล้ว ผ่าน! ไม่ติดโควิด มาทานข้าวด้วยกันได้” ระหว่างนั่งทานข้าวที่หน้าบ้าน พรนภาดันมองไปเห็นป้าเดินผ่านมาพอดี จึงเรียกชวนทานข้าวด้วยกัน และ ป้าก็เดินมาตามคำชวน แค่เดินมาคุยด้วย
ทั้งเมธีและเธอยกมือไหว้ป้าอย่างรู้งาน ป้ายิ้มให้พวกเธอ ทุกคนญาติ ๆ ของเธอเข้าใจและรับได้ในความรักของพวกเธอ ส่วนคนอื่น ๆ จะพูดจะคิดเช่นไรก็ตาม แค่คนในครอบครัวเข้าใจก็เพียงพอ
“ไหนคุณแม่เธอบอกว่าเธอจะแวะบ้านคุณเมธีก่อนไง” ป้าถามด้วยรอยยิ้ม
“อ่อ! ผมอยากทานต้มร้านเจ้อื๋อครับ ไหน ๆ ก็เลยบ้านผมมาแล้ว อีกไม่ถึงโลก็ถึงบ้านน้องนภา ก็เลยว่าคืนนี้มานอนที่บ้านก่อนแล้วกัน ค่อยกลับไปบ้านผม” เมธีตอบป้าของเธอไปตามตรง ก็เรื่องราวมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
“พุ่นเอิ้นเมียม้วนมวน น้องนภาโลด” เมธีโดนป้าแซว ทั้งคนโดนแซวและเธอต่างทำเพียงหัวเราะเบา ๆ ยิ้มแก้เขินกัน “แล้วจะกลับไปบ้านคุณเมธีวันไหนกันล่ะ”
“ว่าจะกลับพรุ่งนี้ครับ หรือ วันไหนก็แล้วแต่น้องนภาเลย” เมธีตอบ
“พรุ่งนี้ค่ะป้า พรุ่งนี้นภาจะกลับไปบ้านพี่เมธี วันที่สามสิบเอ็ดนภาค่อยจะกลับมาบ้านอีก มาเคานต์ดาวน์ที่บ้าน” พรนภาตอบผู้เป็นป้า
“เอาตามน้องวางแผนไว้นั่นแหละค่ะ” เขาตกลงตามที่เธอพูด ทำเอาป้ายิ้มอีกรอบ ชอบใจนักกับคำพูดของหลานเขยคราวเพื่อน ที่มีอายุเกือบ ๆ รุ่นเดียวกัน
“พุ่น! ค่ะโลดเว้านำเมีย จะแมนเว้ามวน” ป้าก็ชมแบบไม่อ้อมค้อมเลย ทำเอาเจ้าตัวหัวเราะไปอีก เขินไปอีกรอบกันเลย ทั้งเธอด้วย
“ติดพูดแบบนี้ครับ พูดบ่อย พูดประจำ” เมธีตอบ
“นภาชอบฟังแบบนี้ตัวะป้า นภาชอบผู้ชายพูดค่ะ นภาเลยบังคับพี่เมธีพูด ฮา” เธอชี้แจงแทน จากนั้นเหตุการณ์ก็เข้าสู่สภาวะปกติ ป้าขอตัวกลับ ยายกับพ่อกับแม่ขอตัวเข้าไปนอนก่อน เหลือเพียงพวกเธอสองคนที่นั่งดื่มเหล้ากันต่อจนดึก
พวกเธอนั่งกันจนถึงเที่ยงคืนจึงพากันเข้านอน วันนี้คืนนี้มันมีความสุขมาก ได้กลับมาหาครอบครัว ได้กลับมานอนบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ที่มันมีแต่ความรักความอบอุ่นให้สัมผัส แม้พรุ่งนี้จะต้องกลับไปนอนบ้านของสามีก็ตาม พรนภาก็ถือว่ามันเป็นบ้านของเธอเช่นกัน
“ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะ เหนียวนะนั่งรถมาทั้งวัน” เมธีถามหลังอาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาแต่งตัวในห้องนอนของพวกเธอ เมธีไม่หนาวเลยหรือไร ส่วนเธอหนาวจะตายอยู่แล้ว
“ไม่! นภาหนาว” เธอปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดนานกันเลย
“หื้ย! ไม่อาบน้ำไม่ให้นอนกอดเด้อค่ะ!” เมธีพูดปนยิ้ม หนาวก็หนาวแต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องอาบน้ำล่ะ จะได้สบายตัว
“กะซาง! มานี่เลย หวงตัวนักใช่มั้ย ได้! กระโดดกอดแมร่ง!” ไม่พูดเพียงเท่านั้น พรนภาถลาตัวเข้าไปแกล้งกอดเมธีแน่น ๆ กันเลย ยกขาขึ้นพาดก่ายไปเลย “หึหึ! เป็นไง ไม่อาบน้ำก็กอดได้ ฮ่า! สะจาย! ” เจ้าตัวเองก็หัวเราะชอบใจมากที่โดนแกล้ง
จากนั้นเสียงหัวเราะของพวกเธอก็สงบลง “ไม่อาบน้ำพี่ก็รักค่ะ ฮา” พูดกลั้วยิ้มเบา ๆ พร้อมดมแก้มเธอไปด้วย ภายใต้ความมืดของห้อง “เป็นไง สมใจยังมาถึงบ้านแล้ว หนาวมากเค้าขอกอดหน่อย บ่ออาบน้ำกะหอมกะกอดคือเก่า” เขาพูดพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
ฝันหวาน (Sweet Dream) 89
.
เกือบหนึ่งทุ่มที่พรนภากับเมธีมาถึงบ้าน
“น้องนภาพี่ขอขับเลยบ้านไปซื้อกับข้าวก่อนได้มั้ยคะ ค่อยวนกลับมาบ้านพี่ค่ะ” เมธีถามขณะรถได้เคลื่อนตัวเข้ามาภายในเขตจังหวัดของตนเองแล้ว เหลือไม่กี่กิโลก็ถึงบ้านของตน ทว่าอยากเลยไปซื้อกับข้าวก่อนค่อยแวะเข้าบ้าน ซึ่งร้านที่ตนเองอยากทานมันดันไปทางเดียวกันกับบ้านของภรรยาสาว
“ซื้อที่ร้านไหนตัวเอง ทำไมไม่ไปกินที่บ้าน แม่ทำกับข้าวรอแล้วมั้งป่านนี้” พรนภาตอบ ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ ตอนนี้เมื่อยตัวเต็มทนแล้ว อยากนอนเหยียดกายลงที่นอนเต็มแก่
“ร้านเจ้อื๋อค่ะ อยากกินต้มขมแหมะน้อง อยากกินก้อยมะนาวด้วยค่ะ แซ่บนะก้อยมะนาวแกทำ ถูกปากพี่ค่ะ” เขาตอบ พอพูดถึงกับข้าวท้องก็ร้องจ้อกขึ้นมาทันที ระหว่างวันขับรถก็แค่ทานอะไรรองท้องเท่านั้น ไม่กล้านั่งทานเพราะเสี่ยงต่อโรคระบาด ร้านที่พูดถึงขึ้นชื่อเรื่องลาบก้อยต้มขมมาก ๆ เป็นร้านชื่อดังในย่านแถวบ้านของภรรยาสาวเลย
“ไปถึงขนาดนั้นเข้าบ้านนภาก่อนมั้ยคะ ฮ่วย! คนเมื่อยกะเมื่อย ล่ะบ่อฮอดบ้านจักเทือ” เธอบ่นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก จะถึงบ้านอยู่แล้วไม่รู้จะเลยบ้านไปทำไม เลยไปขนาดนั้นอีกแค่กิโลเดียวก็ถึงบ้านของเธอแล้วด้วย ไม่เข้าบ้านก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
“เอ๋า! ก็ได้ค่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป เดี๋ยวโทรถามแม่พี่แป๊บว่าได้ทำกับข้าวรอมั้ย ถ้าไม่ได้ทำรอเราค่อยหาซื้อเข้าไปน้อ โอ๋… อิหล่าเมื่อยนั่งรถติคะ แล้วคิดเบิ่งคนขับโลดค่ะ เมื่อยซำใด” เขาพูด พรนภาเบิกตากว้าง อ้าปากที่โดนต่อว่า ที่โดนประชดเบา ๆ แต่เขารู้ทันและเอื้อมมือมาง้อก่อน โดยการวางมือบนศีรษะของเธอพร้อมหันมามองหน้าแว่บเดียว พร้อมหัวเราะ เธอทำได้เพียงค่อนขอดให้ทางสายตา
“ถ้าแม่ยังไม่ได้ทำ โต้รุ่งก็มีขายมั้ง ในเมืองหาซื้อไม่ยากหรอก” เธอค่อนขอดให้ บังอาจมาประชดเธอได้อย่างไร
“แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้บอกหรอกว่าจะเข้าบ้านก่อน แม่คิดว่าเราแวะบ้านของน้องก่อนค่ะ” เขาพูด ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกวนใจภรรยาอีกแล้ว รู้ว่าเหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มทน เขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน
ดีที่กลับบ้านวันนี้รถไม่ค่อยติด เหยียบคันเร่งได้เต็มเท้า พวกเธอกลับช้ากว่าคนอื่น ๆ รถจึงไม่ติดหนึบ ที่ถึงบ้านช้าเพราะมัวไปซื้อของฝากและแวะรับญาติกลับด้วยนั่นเอง ทว่าเวลานี้ได้แวะส่งญาติลงบ้านเรียบร้อยแล้ว
เมธีคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นแม่ไม่นานก็วางสาย เป็นอันตกลงว่าคืนนี้นอนที่บ้านของพรนภา พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาบ้านของตนเองก็ได้ แม่ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้รอ เป็นอย่างที่เมธีคาดการณ์เอาไว้ แม่คิดว่าพวกเขาจะแวะที่บ้านของพรนภาก่อนนั่นเอง
“แม่ว่ายังไงอ่ะพี่เมธี” พรนภาถาม หันมามองหน้าสามีรอคำตอบ ภายในใจนึกเกรงใจคนที่บ้านของสามีขึ้นมาดื้อ ๆ หากตนเองจะงอแงไปนอนบ้านกลัวทุกคนตั้งตารอแล้วผิดหวัง ไปถึงขนาดนั้นแล้ว ขับเลยไปแค่กิโลเดียวก็ถึงบ้านของตนเองแล้ว ใครบ้างจะไม่อยากแวะ
“ตามคาดค่ะ แม่คิดว่าเราแวะบ้านน้องก่อน งั้นเราก็ซื้อกับข้าวที่ร้านเจ้อื๋อเสร็จ เราก็เลยไปนอนบ้านน้องก่อน พรุ่งนี้กลับมาบ้านเค้านะ” ทำเสียงอ้อนภรรยา “เค้าอยากกินก้อยร้านเจ้อื๋อแหมะ” พรนภาตอบตกลง จากนั้นเมธีก็ขับรถเลยตัวเมือง เลยบ้านของตนเองมุ่งหน้าไปยังบ้านของภรรยารุ่นลูกเลย
ก่อนถึงบ้านก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อกับข้าวก่อน เนื่องจากคนที่บ้านของพรนภาก็คิดว่าพวกตนจะแวะบ้านของเขาก่อนนั่นเอง “ตัวเองอยู่รออยู่ในรถแหละ เดี๋ยวนภาลงไปสั่งเองค่ะ เอาไรบ้างนะ”
“อือ… ของพี่เอาต้มขม ก้อยมะนาว ซอยจุชุดใหญ่พอ ที่เหลือก็กับข้าวของน้องเลย น้องอยากทานไรก็สั่งเลยค่ะ” เมธีไล่เมนูที่อยากทานให้ภรรยาสาวฟัง “เออน้องที่ร้านค้าในหมู่บ้านน้องมีเหล้าขายอยู่เด้น้อ”
“เอ๋า! มันก็ต้องมีสิพี่เมธี บ้านนอกก็กินเหล้าสีนะ ฮ่วย!” ค่อนขอดให้สามี ถามอะไรไม่คิด เห็นว่าเธออยู่ชนบทกันดารมากหรือไรถึงจะไม่มีเหล้าขาย
“ไม่ช่าย! พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ พี่หมายถึงว่า บรั่นดีน่ะ คนบ้านเฮาน้อน้องเขากะสิบ่อกินตะเหล้าขาวเหล้าสองแปดห้าบ่อ กินอยู่บ่อรีเจนซี่!” ที่สามีรุ่นพ่อพูดก็มีเหตุผล “หาซื้อไสล่ะ ช่างเถอะไม่มีรีเจนซี่พี่กินหงษ์กินสองแปดห้าก็ได้ค่ะ” เขาพูดแบบตัดใจ สำหรับเขาอะไรได้หมด ที่หันมาดื่มบรั่นดีก็เพราะพรนภานั่นแหละ ด้วยความที่ไม่อยากเมาคนเดียว จึงหันมาดื่มเหล้าที่พรนภาดื่มด้วยได้
“แต่นภาไม่กิน! เหม็น! ไม่มีรีเจนซี่นภาก็ไม่กิน เค้าไม่ได้กระแดะนะตัวเอง นภากินไม่ได้จริง ๆ นภาลงไปสั่งกับข้าวก่อนนะ ตัวเองรอในรถนี่แหละ” พูดจบพรนภาก็ผลักประตูรถเปิดออก เดินลงไปสั่งเมนูอาหารของสามีและของตนเอง นั่งรอไม่นานกับข้าวที่สั่งก็ทำเสร็จสรรพ
“เสร็จภารกิจแล้วนะคะ วิ่งตรงเข้าบ้านอย่างเดียวนะ เอ้อยังดิ! ยังเข้าบ้านไม่ได้ ยังไม่ได้เหล้าเลย แฮ่! ก๊งเหล้ากับพ่อตากันน้าปีใหม่หนิ ฮา” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปจากร้านอาหาร มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของพรนภาภรรยาสาวเลย
พวกเธอขับรถครู่เดียวก็มาถึงหมู่บ้านของพรนภากันแล้ว ก่อนจะแวะเข้าบ้านก็ไม่ลืมแวะซื้อเหล้าก่อน ได้บรั่นดีสมดังปรารถนาของสามีมาก ๆ จัดมาสองแบนกันเลย น้ำแข็งโซดาพร้อม กะว่าจะนับถอยหลังสู่ปีใหม่ตั้งแต่วันนี้กันเลยทีเดียว
มาถึงเป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนในครอบครัวของเธอต่างตะลึงกับการมาถึงของพวกเธอสองสามีภรรยา แม่ของเธอหัวเราะชอบใจมาก ที่เห็นเธอเปิดประตูลงมาจากรถ “ไหนบอกจะกลับบ้านคุณเมธีก่อนไงเธอ ไหนมาโผล่ที่บ้านได้” แม่ทักทายเธอแบบนี้เลย พูดกลั้วยิ้มแม่คงนึกไม่ถึง
เธอเองก็หัวเราะตอบแม่ พวกเธอลงมาจากรถยกมือไหว้ทุกคนในบ้าน สามีรุ่นพ่อก็ทำตัวปกติตามสบาย ไม่เกร็งหรือเขินอายใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกคนในครอบครัวของเธอยอมรับและเข้าใจดี
“อ่อ… ผมอยากกินต้มร้านเจ้อื๋อครับ มาถึงขนาดนี้แล้วก็เลยตกลงกันว่าคืนนี้แวะนอนบ้านก่อนดีกว่า ค่อยกลับไปบ้านผมอีกทีครับ” สามีรุ่นพ่ออธิบาย
พอทักทายคุยกันหอมปากหอมคอแล้ว พวกเธอก็เตรียมตัวทานข้าว นี่ก็พึ่งจะทุ่มนิด ๆ ที่พวกเธอสองคนมาถึงบ้าน เมื่อยและหิวมาก แม่กับพ่อกับยายก็เข้ามาทานด้วย ส่วนน้องสาวของเธอยังไม่ทันหยุดงาน น่าจะมาถึงวันที่สามสิบ
“พ่อกับแม่เอาเหล้ามั้ยครับ เหล้าสี บรั่นดีไทยเด้” เมธีพูดพร้อมเทเหล้าให้พ่อของเธอด้วย
“ตักบาตรอย่าถามพระแหมะ ชงมาโลด”พรนภาตอบแทน ยิ้มและมองทั้งสองคนคุยกัน พ่อกับแม่และเธอก็รับไปคนละแก้ว ยายด้วยที่ดื่มกับพวกเธอ แค่แก้วเดียวพอเป็นกษัย
“คุณยายอย่ายกถี่นะครับ เมาเด้หนิ เมาเร็วกว่าเบียร์เด้อครับ” เมธีพูดปนยิ้มเรียกเสียงหัวเราะให้กับพวกเธอในครอบครัวเป็นอย่างมาก
“ยายพอแล้ว! แก้วเดี๋ยวก็พอ ๆ กินข้าวแซ่บ” ยายตอบ ยายยิ้มหน้าบานเลยที่พวกเธอกลับบ้านในวันปีใหม่ “จะไปบ้านคุณเมธีวันไหนกัน” ยายถาม
“นภาว่าจะไปพรุ่งนี้แหละยาย วันที่สามสิบเอ็ดนภากับพี่เมธีค่อยจะกลับมาใหม่” พรนภาเป็นคนตอบ
“อ่อ! แม่ก็นึกว่าจะพากันแวะที่บ้านนั้นก่อน แม่ก็ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้รอน้อ นภาเองก็ไม่โทรมาบอกแม่ล่วงหน้า” แม่ของเธอพูดปนตำหนิ
“นภาก็ไม่รู้ว่าพี่เมธีจะอยากกินต้มร้านเจ้อื๋อน้อแม่ น้องนภาพี่อยากกินต้มร้านเจ้อื๋อพะนะ นภาก็ว่าไปถึงขนาดนั้นก็เลยมานอนบ้านก่อนแล้วกัน” พรนภาพูดพร้อมปรายตามองสามีรุ่นพ่อ เจ้าตัวหัวเราะอึกอักเบา ๆ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่ม จากนั้นแม่ของเธอก็ขอตัวไปจัดห้องเตรียมที่นอนให้พวกเธอสองคน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของเธอเองนั่นแหละ ห้องนอนเก่าตั้งแต่เด็ก ๆ
พ่อกับสามีของเธอคุยกันถูกคอมาก ลูกเขยเป็นคนชงเหล้าให้พ่อตาดื่ม มันดีอย่างนี้นี่เอง ได้สามีแถมยังหาเพื่อนให้พ่อได้อีกด้วย เธอปรายตามองทั้งสองคนแอบคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หัวเราะอะไรคะ” เขาถามเธอเมื่อหันมาเจอเข้าพอดี ส่วนเขาก็ยิ้มแววตาที่มองเธอมา มันบ่งบอกว่าเขาเข้าใจที่เธอหัวเราะ เขาเองก็เค้นเสียงหัวเราะไปด้วยแบบเข้าใจความหมายที่สื่อนั่นแหละ เข้าใจว่าตอนนี้ภรรยารุ่นลูกกำลังคิดอะไรอยู่
“เปล่า! ยายเอาเหล้าอีกมั้ย” เธอถามยาย
“บ่อ ๆ พอแล้ว!” ยายปฏิเสธ
“ป้า! มาทานข้าว มา ๆ นภากับพี่เมธีตรวจเอทีเคแล้ว ผ่าน! ไม่ติดโควิด มาทานข้าวด้วยกันได้” ระหว่างนั่งทานข้าวที่หน้าบ้าน พรนภาดันมองไปเห็นป้าเดินผ่านมาพอดี จึงเรียกชวนทานข้าวด้วยกัน และ ป้าก็เดินมาตามคำชวน แค่เดินมาคุยด้วย
ทั้งเมธีและเธอยกมือไหว้ป้าอย่างรู้งาน ป้ายิ้มให้พวกเธอ ทุกคนญาติ ๆ ของเธอเข้าใจและรับได้ในความรักของพวกเธอ ส่วนคนอื่น ๆ จะพูดจะคิดเช่นไรก็ตาม แค่คนในครอบครัวเข้าใจก็เพียงพอ
“ไหนคุณแม่เธอบอกว่าเธอจะแวะบ้านคุณเมธีก่อนไง” ป้าถามด้วยรอยยิ้ม
“อ่อ! ผมอยากทานต้มร้านเจ้อื๋อครับ ไหน ๆ ก็เลยบ้านผมมาแล้ว อีกไม่ถึงโลก็ถึงบ้านน้องนภา ก็เลยว่าคืนนี้มานอนที่บ้านก่อนแล้วกัน ค่อยกลับไปบ้านผม” เมธีตอบป้าของเธอไปตามตรง ก็เรื่องราวมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
“พุ่นเอิ้นเมียม้วนมวน น้องนภาโลด” เมธีโดนป้าแซว ทั้งคนโดนแซวและเธอต่างทำเพียงหัวเราะเบา ๆ ยิ้มแก้เขินกัน “แล้วจะกลับไปบ้านคุณเมธีวันไหนกันล่ะ”
“ว่าจะกลับพรุ่งนี้ครับ หรือ วันไหนก็แล้วแต่น้องนภาเลย” เมธีตอบ
“พรุ่งนี้ค่ะป้า พรุ่งนี้นภาจะกลับไปบ้านพี่เมธี วันที่สามสิบเอ็ดนภาค่อยจะกลับมาบ้านอีก มาเคานต์ดาวน์ที่บ้าน” พรนภาตอบผู้เป็นป้า
“เอาตามน้องวางแผนไว้นั่นแหละค่ะ” เขาตกลงตามที่เธอพูด ทำเอาป้ายิ้มอีกรอบ ชอบใจนักกับคำพูดของหลานเขยคราวเพื่อน ที่มีอายุเกือบ ๆ รุ่นเดียวกัน
“พุ่น! ค่ะโลดเว้านำเมีย จะแมนเว้ามวน” ป้าก็ชมแบบไม่อ้อมค้อมเลย ทำเอาเจ้าตัวหัวเราะไปอีก เขินไปอีกรอบกันเลย ทั้งเธอด้วย
“ติดพูดแบบนี้ครับ พูดบ่อย พูดประจำ” เมธีตอบ
“นภาชอบฟังแบบนี้ตัวะป้า นภาชอบผู้ชายพูดค่ะ นภาเลยบังคับพี่เมธีพูด ฮา” เธอชี้แจงแทน จากนั้นเหตุการณ์ก็เข้าสู่สภาวะปกติ ป้าขอตัวกลับ ยายกับพ่อกับแม่ขอตัวเข้าไปนอนก่อน เหลือเพียงพวกเธอสองคนที่นั่งดื่มเหล้ากันต่อจนดึก
พวกเธอนั่งกันจนถึงเที่ยงคืนจึงพากันเข้านอน วันนี้คืนนี้มันมีความสุขมาก ได้กลับมาหาครอบครัว ได้กลับมานอนบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ที่มันมีแต่ความรักความอบอุ่นให้สัมผัส แม้พรุ่งนี้จะต้องกลับไปนอนบ้านของสามีก็ตาม พรนภาก็ถือว่ามันเป็นบ้านของเธอเช่นกัน
“ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะ เหนียวนะนั่งรถมาทั้งวัน” เมธีถามหลังอาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาแต่งตัวในห้องนอนของพวกเธอ เมธีไม่หนาวเลยหรือไร ส่วนเธอหนาวจะตายอยู่แล้ว
“ไม่! นภาหนาว” เธอปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดนานกันเลย
“หื้ย! ไม่อาบน้ำไม่ให้นอนกอดเด้อค่ะ!” เมธีพูดปนยิ้ม หนาวก็หนาวแต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องอาบน้ำล่ะ จะได้สบายตัว
“กะซาง! มานี่เลย หวงตัวนักใช่มั้ย ได้! กระโดดกอดแมร่ง!” ไม่พูดเพียงเท่านั้น พรนภาถลาตัวเข้าไปแกล้งกอดเมธีแน่น ๆ กันเลย ยกขาขึ้นพาดก่ายไปเลย “หึหึ! เป็นไง ไม่อาบน้ำก็กอดได้ ฮ่า! สะจาย! ” เจ้าตัวเองก็หัวเราะชอบใจมากที่โดนแกล้ง
จากนั้นเสียงหัวเราะของพวกเธอก็สงบลง “ไม่อาบน้ำพี่ก็รักค่ะ ฮา” พูดกลั้วยิ้มเบา ๆ พร้อมดมแก้มเธอไปด้วย ภายใต้ความมืดของห้อง “เป็นไง สมใจยังมาถึงบ้านแล้ว หนาวมากเค้าขอกอดหน่อย บ่ออาบน้ำกะหอมกะกอดคือเก่า” เขาพูดพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น