.
ชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง
แค่มีเธออยู่ข้าง ๆ
อะไรบางอย่างก็ไม่จำเป็น...
สวัสดีและทักทายนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ นับตั้งแต่บทนี้ไป ฝันหวานจะเปลี่ยนโฉมใหม่ค่ะ เปลี่ยนไม่มากหรอก แค่จะทำให้เป็นนิยายมากขึ้นค่ะ จะพยายามเดินเรื่องให้ต่อกันที่สุด
ชลันขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน นักอ่านเงา! อิอิ แต่ว่ายังอยากได้คำทักทายจากทุกคนเด้อค่ะ คำทักทายติชมของนักอ่านคือกำลังใจของนักเขียนค่า(นักอยากเขียน)
ชลันก็ยืนยันว่าจะเขียนฝันหวานต่อไป แม้พล็อตมันจะไม่ดี มันผิดศีลธรรมของชีวิตคู่ ชลันรู้! แต่ชลันก็อยากเขียน อยากให้พล็อตเป็นแบบนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันก็แค่นิยายเรื่องหนึ่ง อ่านด้วยใจที่เป็นนิยายดีกว่าน้อ แหแหแห
พล็อตที่เกิดจากใจชลัน ฝันหวานอาจจะมีสักร้อยบท สองร้อยบท หรือห้าร้อยบท ถ้าชลันไม่ขี้เกียจก่อนนะ 55555 ตราบเท่าที่ใจของชลันอยากเขียนค่ะ
ชลันอยากเป็นนักเขียนค่า นักเขียน ๆ ให้อ่านฟรีในพันทิปเด้อ อิอิ ชลันสนุก รู้สึกรักและเพลิดเพลินกับการเขียนนิยาย นักอ่านทุกท่านอ่านแล้ว ไม่เข้าท่า ไม่เข้าตา ติชมได้เด้อไม่กัดค่า ความในใจยาวหน่อย ฮา ...
Chalun Ch
————————————————————————
“พี่เมธีเมื่อไหร่พี่เมธีจะว่างอีกอ่ะ นภาอยากไปกินหมีพ่นไฟ” พรนภาถามถึงวันหยุดของคนรัก พักนี้เมธีทำงานยาวไม่ค่อยได้หยุดเลย จะสิ้นปีแล้วหรือเปล่าเมธีถึงได้งานยุ่งแบบนี้ พรนภาทำได้แค่คิด ไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของเขาแม้แต่น้อย
ขณะถามตนเองยังนั่งอยู่ในพรมออกกำลังกายอยู่เลย พึ่งจะแพลงค์เสร็จไปหมาด ๆ เหงื่อยังไหลตามตัวไม่แห้ง ดันถามหาของกินเสียแล้ว ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหน ตั้งแต่ไปต่างจังหวัดกลับมา ทั้งสองคนก็ทำงานยาวเลย ไม่ค่อยได้หยุดไปพักผ่อนเช่นเคยทำ
เมธีปรายตามองเธอ อมยิ้มให้กับคนตรงหน้า เธอคือหัวใจของเขา เธอคือคำตอบสุดท้ายของชีวิตเขา พร้อมอมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเธอก็ว่าได้ คนอะไรออกกำลังกายรักษาหุ่นแต่ดันถามหากินน้ำหวาน อยากจะหัวร่อออกมาตรงนี้ก็เกรงใจ ไม่อยากให้คนรักงอน
“อยากกินก็ซื้อสิคะ หน้าปากซอยอ่ะ” เขาตอบเธอ ร้านน้ำหวานหมีพ่นไฟเพิ่งจะมาเปิดสาขาใหม่ใกล้ ๆ กับคอนโดของเขานี่เอง “ก็หมีพ่นไฟเหมือนกันนี่”
พรนภาหน้าบึ้ง มองค้อนให้ในทันที ก็จริงเธออยากกินหมีพ่นไฟ แต่มันไม่ใช่ร้านหน้าปากซอย เธอหมายถึงไปกินไกล ๆ ไปเที่ยวอ่ะ เมธีไม่เข้าใจเธอเลย
“ก็ใช่อยู่ หมีพ่นไฟมันอยู่หน้าปากซอย แต่นภาอยากกินร้านอื่นอ่ะ” เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าบึ้งจ้องมองคนตรงหน้า จะพาไปดี ๆ หรือจะพาไปทั้งน้ำตา อย่าให้เธอต้องงอแงร้องไห้ไปนะ
พรนภาสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ทุกอย่างที่อยู่กับเขา ไม่เหมือนอยู่กับคนนั้น ช่างมันเถอะเธอไม่อยากนึกถึงใคร ตอนนี้ชีวิตของเธอมีความสุขมากที่สุดแล้ว มีเมธีแล้วเธอก็ไม่อยากมีใครอีก
“พี่เมธีหยุดวันไหนเหรอ ถ้าพี่เมธีว่างพี่เมธีพานภาไปนะ” ถึงจะอยากไปมากแค่ไหน ก็ไม่คิดจะงอแง เธอเข้าใจและเห็นว่าเมธียุ่งจริง ๆ จึงแกล้งพูดแกล้งถามให้เมธีเห็นใจมากที่สุดไปอย่างนั้นเอง
สำหรับเมธีแล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพรนภาต้องการอะไร พูดแบบนี้ต้องการอะไร อมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้ที่สุด “โอเคค่ะ พี่ขอเวลาอีกสักสองสามวันนะคะ แล้วพี่จะพาไป” พรนภายิ้มกว้างออกมาให้เห็นทันตา เห็นมั้ยล่ะนึกแล้วไม่มีผิด เขาใส่ใจเธอทุกอย่างทำไมจะไม่รู้นิสัยใจคอกันและกัน
พรนภาคลี่ยิ้มทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบ “ไปหมีพ่นไฟที่พัทยานะคะ พี่ออไปมาแล้วสวยมาก ที่ถ่ายรูปเยอะด้วย” พรนภาพูดด้วยแววตาของคนดีใจ เธอวาดฝันไปถึงสถานที่ดังกล่าว อรวีถ่ายรูปมาให้ดูน่าไปมาก ๆ
ความสุขของเธอก็แค่นี้ ขอแค่ได้เที่ยวกับคนที่รักถ้ามีโอกาส ไม่ใช่ทุกวัน ความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่เงินทองมากมาย แค่ได้ไปในที่ ๆ อยากไป แค่ได้กินในสิ่งที่อยากกินกับคนที่รักสุดหัวใจ เท่านี้ก็พอ
สำหรับเธอแล้วมีอะไรที่เขาจะทำให้ไม่ได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเธอ มีไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ พรนภาไม่เคยหวังอะไรจากเขาเลย พรนภาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เขาจะต้องลดอายุลงมาเท่าเธอเสมอที่อยู่ด้วยกัน ต้องทันเธอ ต้องทำให้เธอได้ทุกอย่าง เฉกเช่นเธอที่ทำตัวเข้าอกเข้าใจวัยอย่างเขา
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ มาทานข้าวกัน เดี๋ยวพี่ทำให้ทานเอง”
“โอเค”
พรนภาทำเสียงออดอ้อน ทั้งสองคนแยกย้ายกันกันไปทำธุระส่วนตัว พรนภาไปอาบน้ำชำระร่างกายออก ส่วนเมธีลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์ไปทำกับข้าวให้เธอทาน ภรรยาสาวที่เขารักที่สุดของหัวใจ
ทุกวันเขาจะเป็นคนเข้าครัวเอง ไม่ค่อยอยากให้เธอเข้าครัวสักเท่าไหร่ ถ้าวันไหนที่เธอทำกับข้าวครัวจำต้องเละทุกที ดังนั้นเขาเป็นคนทำกับข้าวจะดีที่สุด สำหรับทุก ๆ วัน เพื่อลดการเก็บกวาดทำความสะอาดครัวลง เอาเวลามาจูจี๋ดีกว่า
กับข้าวเสร็จสรรพพร้อมบนโต๊ะอาหาร พรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดี เมนูกับข้าวก็ง่าย ๆ ด้วยความที่เป็นคนภูมิลำเนาเดียวกัน จึงทานอาหารด้วยกันได้ และทานอะไรง่าย ๆ ได้เหมือนกัน
กับข้าววางบนโต๊ะแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น “พี่เมธีแกล้งนภาใช่มั้ย พี่เมธีอยากให้นภาอ้วนเหรอ”
“เฮ้ย! เปล่านะคะ พี่ก็ทำของพี่ไปเรื่อย ก็พี่อยากกินอันนี่อ่ะพี่ก็ทำ นภาหิวก็ทานซี่จะอดทำไม” เมธียิ้มปรายตามองเธอที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม ใช่แล้วเขาตั้งใจทำเองแหละ ตั้งใจทำให้เธอทานเอง ก็ไม่อยากทานข้าวคนเดียวมันเหงา
“น้องนภาจะกลัวทำไมคะ ก็ออกกำลังกายอยู่ทุกวัน” พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวไปอย่างสบายใจเฉิบ
“ก็พี่เมธีทำแต่ของอร่อย ๆ นภาก็ทานเยอะ ฮ่วย! เหมือนแกล้งกันอ่ะ นภาก็ทนไม่ได้ ก็ต้องกิน”
“แหม! ที่ชวนพี่ไปกินน้ำปั่นเนี่ยไม่อ้วนเลยน้อ”
“ไม่เหมือนกัน” พรนภาวางช้อน ทำหน้าทะเล้นให้กับเขา แกล้งงอนไปอย่างนั้นเอง
“ค่ะ ๆ ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน อ่ะทานเยอะ ๆ จะได้โตเร็ว ๆ “
แล้วเขาก็ตักกับข้าวให้พรนภา ทั้งสองคนนั่งทานข้าวภายใต้แสงไฟห้อง ทานไปคุยไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข เมธีคือคนที่เธอใฝ่หามานาน ตั้งแต่ตกลงคบกันเป็นแฟนไม่เคยทำให้เสียใจเลย อย่างมากก็แค่งอนนิดหน่อย จนกระทั่งตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้เสียใจสักครั้ง
“น้องนภาคะ” เขาเรียกชื่อเธอ หยุดทานข้าววางช้อนลงพร้อมมองหน้าเธอ สายตาจ้องประสานกัน
พรนภาก็หยุดทานข้าวเหมือนกัน ด้วยความสงสัย เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “คะพี่เมธี”
“น้องนภาอย่าออกไปจากชีวิตพี่นะคะ พี่รักหนูมากเลยนะ รู้มั้ยหนูคือทุกอย่างของชีวิตพี่ คือหัวใจของพี่นะ”
พรนภายิ้ม กี่รอบแล้วที่เธอได้ยินได้ฟังประโยคเหล่านี้ ทว่าไม่เคยเบื่อเลย กลับอยากได้ยินมันทุกวัน “นภาก็รักพี่เมธีมากค่ะ นภาสัญญา นภาไม่ทิ้งพี่เมธีไปไหนแน่นอน” และเธอก็ไม่เบื่อที่จะตอบคำถามซ้ำ ๆ เช่นกัน เพราะคำตอบที่ตอบออกไป มันมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจของเธอทั้งนั้น
“น้องนภา”
“คะ” พรนภาคอยฟังว่าเมธีจะพูดอะไรต่อ
“เราไปหมีพ่นไฟอ่ะ พาพี่แวะไปเทอร์มินอลพัทยาด้วยนะ มีของที่จะต้องซื้อค่ะ” เขามีสิ่งที่จะอยากเซอร์ไพรส์เธอ รอให้ถึงวันก่อนเดี๋ยวก็รู้เอง
พรนภาแอบถอนหายใจ นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็ขอให้พาไปห้างสรรพสินค้านี่เอง ก็พูดซะทำให้ลุ้น พรนภายิ้มก่อนจะตอบตกลง เมธีคิดผิดเสียแล้ว พาเธอไปห้างงั้นหรือ ไม่จบง่าย ๆ แน่ ของที่อยากได้ลอยมาในหัวทันที ก่อนจะรีบตอบตกลง “ค่ะ” และนึกในใจ เมธีพลาดแล้ว! หึหึ
พวกเธอนั่งทานข้าวกันต่อ ทานไปด้วยนั่งคุยกันไปด้วยอย่างมีความสุข พรนภาทานข้าวอีกมื้อแล้ว ทานทุกวันเลย ก็ฝีมือทำกับข้าวของเมธีอร่อยออกอย่างนั้น จะให้เธออดใจได้ไหวอย่างไร
เมื่อทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดโลกส่วนตัว แต่ไม่ส่วนตัวเท่าไหร่ เมธีเอางานมาทำที่บ้าน เขานั่งทำงานบนเตียงนอน ใช้โน้ตบุ๊คในการทำงาน ส่วนเธอนอนเล่นโทรศัพท์มือถือใกล้ ๆ กับเขา
บางครั้งเมธีก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตหน้าผากของเธอเบา ๆ แกล้งเล่นอยู่อย่างนั้น “กุ๊กไนท์นะพี่เมธี” แล้วเธอก็พล่อยหลับไปก่อนทุกที ...
พรนภานอนนึกถึงใบหน้าของเมธี ชายในฝัน ชายในจินตนาการที่แสนดีของเธอ เขาจะอยู่ในจินตนาการของเธอเท่านั้น จะไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริง ขอแค่ได้คิด ขอแค่ได้นึกถึง เธอก็มีความสุขที่สุดแล้ว
“แล้วเจอกันในฝันนะคะพี่เมธี”
บนความจริงเป็นอย่างที่ใจหวังไม่ได้ ก็ขอให้มันได้เกิดขึ้นในจินตนาการก็แล้วกัน ให้มันเกิดขึ้นในฝันก็พอ ฝันที่มีความสุขที่สุด จินตนาการที่ล้ำที่สุด เธอขอแค่นั้นจริง ๆ
จบบท... 🐜
ฝันวาน (sweet dream) 11
.
ชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง
แค่มีเธออยู่ข้าง ๆ
อะไรบางอย่างก็ไม่จำเป็น...
สวัสดีและทักทายนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ นับตั้งแต่บทนี้ไป ฝันหวานจะเปลี่ยนโฉมใหม่ค่ะ เปลี่ยนไม่มากหรอก แค่จะทำให้เป็นนิยายมากขึ้นค่ะ จะพยายามเดินเรื่องให้ต่อกันที่สุด
ชลันขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน นักอ่านเงา! อิอิ แต่ว่ายังอยากได้คำทักทายจากทุกคนเด้อค่ะ คำทักทายติชมของนักอ่านคือกำลังใจของนักเขียนค่า(นักอยากเขียน)
ชลันก็ยืนยันว่าจะเขียนฝันหวานต่อไป แม้พล็อตมันจะไม่ดี มันผิดศีลธรรมของชีวิตคู่ ชลันรู้! แต่ชลันก็อยากเขียน อยากให้พล็อตเป็นแบบนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันก็แค่นิยายเรื่องหนึ่ง อ่านด้วยใจที่เป็นนิยายดีกว่าน้อ แหแหแห
พล็อตที่เกิดจากใจชลัน ฝันหวานอาจจะมีสักร้อยบท สองร้อยบท หรือห้าร้อยบท ถ้าชลันไม่ขี้เกียจก่อนนะ 55555 ตราบเท่าที่ใจของชลันอยากเขียนค่ะ
ชลันอยากเป็นนักเขียนค่า นักเขียน ๆ ให้อ่านฟรีในพันทิปเด้อ อิอิ ชลันสนุก รู้สึกรักและเพลิดเพลินกับการเขียนนิยาย นักอ่านทุกท่านอ่านแล้ว ไม่เข้าท่า ไม่เข้าตา ติชมได้เด้อไม่กัดค่า ความในใจยาวหน่อย ฮา ...
Chalun Ch
————————————————————————
“พี่เมธีเมื่อไหร่พี่เมธีจะว่างอีกอ่ะ นภาอยากไปกินหมีพ่นไฟ” พรนภาถามถึงวันหยุดของคนรัก พักนี้เมธีทำงานยาวไม่ค่อยได้หยุดเลย จะสิ้นปีแล้วหรือเปล่าเมธีถึงได้งานยุ่งแบบนี้ พรนภาทำได้แค่คิด ไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของเขาแม้แต่น้อย
ขณะถามตนเองยังนั่งอยู่ในพรมออกกำลังกายอยู่เลย พึ่งจะแพลงค์เสร็จไปหมาด ๆ เหงื่อยังไหลตามตัวไม่แห้ง ดันถามหาของกินเสียแล้ว ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหน ตั้งแต่ไปต่างจังหวัดกลับมา ทั้งสองคนก็ทำงานยาวเลย ไม่ค่อยได้หยุดไปพักผ่อนเช่นเคยทำ
เมธีปรายตามองเธอ อมยิ้มให้กับคนตรงหน้า เธอคือหัวใจของเขา เธอคือคำตอบสุดท้ายของชีวิตเขา พร้อมอมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเธอก็ว่าได้ คนอะไรออกกำลังกายรักษาหุ่นแต่ดันถามหากินน้ำหวาน อยากจะหัวร่อออกมาตรงนี้ก็เกรงใจ ไม่อยากให้คนรักงอน
“อยากกินก็ซื้อสิคะ หน้าปากซอยอ่ะ” เขาตอบเธอ ร้านน้ำหวานหมีพ่นไฟเพิ่งจะมาเปิดสาขาใหม่ใกล้ ๆ กับคอนโดของเขานี่เอง “ก็หมีพ่นไฟเหมือนกันนี่”
พรนภาหน้าบึ้ง มองค้อนให้ในทันที ก็จริงเธออยากกินหมีพ่นไฟ แต่มันไม่ใช่ร้านหน้าปากซอย เธอหมายถึงไปกินไกล ๆ ไปเที่ยวอ่ะ เมธีไม่เข้าใจเธอเลย
“ก็ใช่อยู่ หมีพ่นไฟมันอยู่หน้าปากซอย แต่นภาอยากกินร้านอื่นอ่ะ” เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าบึ้งจ้องมองคนตรงหน้า จะพาไปดี ๆ หรือจะพาไปทั้งน้ำตา อย่าให้เธอต้องงอแงร้องไห้ไปนะ
พรนภาสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ทุกอย่างที่อยู่กับเขา ไม่เหมือนอยู่กับคนนั้น ช่างมันเถอะเธอไม่อยากนึกถึงใคร ตอนนี้ชีวิตของเธอมีความสุขมากที่สุดแล้ว มีเมธีแล้วเธอก็ไม่อยากมีใครอีก
“พี่เมธีหยุดวันไหนเหรอ ถ้าพี่เมธีว่างพี่เมธีพานภาไปนะ” ถึงจะอยากไปมากแค่ไหน ก็ไม่คิดจะงอแง เธอเข้าใจและเห็นว่าเมธียุ่งจริง ๆ จึงแกล้งพูดแกล้งถามให้เมธีเห็นใจมากที่สุดไปอย่างนั้นเอง
สำหรับเมธีแล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพรนภาต้องการอะไร พูดแบบนี้ต้องการอะไร อมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้ที่สุด “โอเคค่ะ พี่ขอเวลาอีกสักสองสามวันนะคะ แล้วพี่จะพาไป” พรนภายิ้มกว้างออกมาให้เห็นทันตา เห็นมั้ยล่ะนึกแล้วไม่มีผิด เขาใส่ใจเธอทุกอย่างทำไมจะไม่รู้นิสัยใจคอกันและกัน
พรนภาคลี่ยิ้มทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบ “ไปหมีพ่นไฟที่พัทยานะคะ พี่ออไปมาแล้วสวยมาก ที่ถ่ายรูปเยอะด้วย” พรนภาพูดด้วยแววตาของคนดีใจ เธอวาดฝันไปถึงสถานที่ดังกล่าว อรวีถ่ายรูปมาให้ดูน่าไปมาก ๆ
ความสุขของเธอก็แค่นี้ ขอแค่ได้เที่ยวกับคนที่รักถ้ามีโอกาส ไม่ใช่ทุกวัน ความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่เงินทองมากมาย แค่ได้ไปในที่ ๆ อยากไป แค่ได้กินในสิ่งที่อยากกินกับคนที่รักสุดหัวใจ เท่านี้ก็พอ
สำหรับเธอแล้วมีอะไรที่เขาจะทำให้ไม่ได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเธอ มีไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ พรนภาไม่เคยหวังอะไรจากเขาเลย พรนภาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป เขาจะต้องลดอายุลงมาเท่าเธอเสมอที่อยู่ด้วยกัน ต้องทันเธอ ต้องทำให้เธอได้ทุกอย่าง เฉกเช่นเธอที่ทำตัวเข้าอกเข้าใจวัยอย่างเขา
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ มาทานข้าวกัน เดี๋ยวพี่ทำให้ทานเอง”
“โอเค”
พรนภาทำเสียงออดอ้อน ทั้งสองคนแยกย้ายกันกันไปทำธุระส่วนตัว พรนภาไปอาบน้ำชำระร่างกายออก ส่วนเมธีลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์ไปทำกับข้าวให้เธอทาน ภรรยาสาวที่เขารักที่สุดของหัวใจ
ทุกวันเขาจะเป็นคนเข้าครัวเอง ไม่ค่อยอยากให้เธอเข้าครัวสักเท่าไหร่ ถ้าวันไหนที่เธอทำกับข้าวครัวจำต้องเละทุกที ดังนั้นเขาเป็นคนทำกับข้าวจะดีที่สุด สำหรับทุก ๆ วัน เพื่อลดการเก็บกวาดทำความสะอาดครัวลง เอาเวลามาจูจี๋ดีกว่า
กับข้าวเสร็จสรรพพร้อมบนโต๊ะอาหาร พรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดี เมนูกับข้าวก็ง่าย ๆ ด้วยความที่เป็นคนภูมิลำเนาเดียวกัน จึงทานอาหารด้วยกันได้ และทานอะไรง่าย ๆ ได้เหมือนกัน
กับข้าววางบนโต๊ะแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น “พี่เมธีแกล้งนภาใช่มั้ย พี่เมธีอยากให้นภาอ้วนเหรอ”
“เฮ้ย! เปล่านะคะ พี่ก็ทำของพี่ไปเรื่อย ก็พี่อยากกินอันนี่อ่ะพี่ก็ทำ นภาหิวก็ทานซี่จะอดทำไม” เมธียิ้มปรายตามองเธอที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม ใช่แล้วเขาตั้งใจทำเองแหละ ตั้งใจทำให้เธอทานเอง ก็ไม่อยากทานข้าวคนเดียวมันเหงา
“น้องนภาจะกลัวทำไมคะ ก็ออกกำลังกายอยู่ทุกวัน” พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวไปอย่างสบายใจเฉิบ
“ก็พี่เมธีทำแต่ของอร่อย ๆ นภาก็ทานเยอะ ฮ่วย! เหมือนแกล้งกันอ่ะ นภาก็ทนไม่ได้ ก็ต้องกิน”
“แหม! ที่ชวนพี่ไปกินน้ำปั่นเนี่ยไม่อ้วนเลยน้อ”
“ไม่เหมือนกัน” พรนภาวางช้อน ทำหน้าทะเล้นให้กับเขา แกล้งงอนไปอย่างนั้นเอง
“ค่ะ ๆ ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน อ่ะทานเยอะ ๆ จะได้โตเร็ว ๆ “
แล้วเขาก็ตักกับข้าวให้พรนภา ทั้งสองคนนั่งทานข้าวภายใต้แสงไฟห้อง ทานไปคุยไปเรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข เมธีคือคนที่เธอใฝ่หามานาน ตั้งแต่ตกลงคบกันเป็นแฟนไม่เคยทำให้เสียใจเลย อย่างมากก็แค่งอนนิดหน่อย จนกระทั่งตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้เสียใจสักครั้ง
“น้องนภาคะ” เขาเรียกชื่อเธอ หยุดทานข้าววางช้อนลงพร้อมมองหน้าเธอ สายตาจ้องประสานกัน
พรนภาก็หยุดทานข้าวเหมือนกัน ด้วยความสงสัย เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “คะพี่เมธี”
“น้องนภาอย่าออกไปจากชีวิตพี่นะคะ พี่รักหนูมากเลยนะ รู้มั้ยหนูคือทุกอย่างของชีวิตพี่ คือหัวใจของพี่นะ”
พรนภายิ้ม กี่รอบแล้วที่เธอได้ยินได้ฟังประโยคเหล่านี้ ทว่าไม่เคยเบื่อเลย กลับอยากได้ยินมันทุกวัน “นภาก็รักพี่เมธีมากค่ะ นภาสัญญา นภาไม่ทิ้งพี่เมธีไปไหนแน่นอน” และเธอก็ไม่เบื่อที่จะตอบคำถามซ้ำ ๆ เช่นกัน เพราะคำตอบที่ตอบออกไป มันมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจของเธอทั้งนั้น
“น้องนภา”
“คะ” พรนภาคอยฟังว่าเมธีจะพูดอะไรต่อ
“เราไปหมีพ่นไฟอ่ะ พาพี่แวะไปเทอร์มินอลพัทยาด้วยนะ มีของที่จะต้องซื้อค่ะ” เขามีสิ่งที่จะอยากเซอร์ไพรส์เธอ รอให้ถึงวันก่อนเดี๋ยวก็รู้เอง
พรนภาแอบถอนหายใจ นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็ขอให้พาไปห้างสรรพสินค้านี่เอง ก็พูดซะทำให้ลุ้น พรนภายิ้มก่อนจะตอบตกลง เมธีคิดผิดเสียแล้ว พาเธอไปห้างงั้นหรือ ไม่จบง่าย ๆ แน่ ของที่อยากได้ลอยมาในหัวทันที ก่อนจะรีบตอบตกลง “ค่ะ” และนึกในใจ เมธีพลาดแล้ว! หึหึ
พวกเธอนั่งทานข้าวกันต่อ ทานไปด้วยนั่งคุยกันไปด้วยอย่างมีความสุข พรนภาทานข้าวอีกมื้อแล้ว ทานทุกวันเลย ก็ฝีมือทำกับข้าวของเมธีอร่อยออกอย่างนั้น จะให้เธออดใจได้ไหวอย่างไร
เมื่อทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดโลกส่วนตัว แต่ไม่ส่วนตัวเท่าไหร่ เมธีเอางานมาทำที่บ้าน เขานั่งทำงานบนเตียงนอน ใช้โน้ตบุ๊คในการทำงาน ส่วนเธอนอนเล่นโทรศัพท์มือถือใกล้ ๆ กับเขา
บางครั้งเมธีก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตหน้าผากของเธอเบา ๆ แกล้งเล่นอยู่อย่างนั้น “กุ๊กไนท์นะพี่เมธี” แล้วเธอก็พล่อยหลับไปก่อนทุกที ...
พรนภานอนนึกถึงใบหน้าของเมธี ชายในฝัน ชายในจินตนาการที่แสนดีของเธอ เขาจะอยู่ในจินตนาการของเธอเท่านั้น จะไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริง ขอแค่ได้คิด ขอแค่ได้นึกถึง เธอก็มีความสุขที่สุดแล้ว
“แล้วเจอกันในฝันนะคะพี่เมธี”
บนความจริงเป็นอย่างที่ใจหวังไม่ได้ ก็ขอให้มันได้เกิดขึ้นในจินตนาการก็แล้วกัน ให้มันเกิดขึ้นในฝันก็พอ ฝันที่มีความสุขที่สุด จินตนาการที่ล้ำที่สุด เธอขอแค่นั้นจริง ๆ
จบบท... 🐜