.
กรี๊ด ! “พี่เมธีมันดิ้น ! มาเอาไปเลย มาเอาไปจากนภาเลย มันดิ้น ฮือ นภากลัว ” พรนภาอุทานด้วยความกลัว พร้อมจะร้องไห้เมื่อมีบางอย่างมันดิ้นในถุงหูหิ้วที่เธอกำลังถืออยู่ ณ ตลาดสดหน้าที่ทำงานของเธอ หลังเลิกงานพวกเธอเดินหาซื้อของกลับไปทำกับข้าว
“ถือดี ๆ ซี่น้องนภา เดี๋ยวมันก็หลุดออกจากปากถุงหรอก กระโดดหนีหมดงานเข้าเลยนะ” เมธีปรามด้วยความห่วงใยกับข้าวในถุง กลัวว่ามันจะร่วงลงพื้นเสียหาย ของโปรดของเขาเลย วันนี้จะทำเมนูที่ชอบที่สุด ให้ตนเองและพรนภาทาน
“ก็มันดิ้นมาโดนตัวนภาอ่ะ เล็บของมันโดนตัวนภา นภาจั๊กเดียม ยึ๋ย !” เธอทำท่าขนลุกนิดหน่อยให้ดู หน้าบึ้งจ้องมองหน้าเขาด้วยน้ำตาคลอ ทำไมต้องให้เธอเป็นคนถือด้วย ทั้งที่ก็ทราบดีว่าเธอกลัว ความโกลาหลเกิดขึ้นหน่อย ๆ กับพวกเธอสองคน เพราะพรนภากลัวนี่แหละ “เอาไปเลย ! เอาไปถือเองเลย และก็กินคนเดียวด้วย กินข้าวคนเดียวเลยวันนี้ เอาของพวกนั้นมานภาถือเอง” เธอยัดถุงนั้นให้แก่เขา และแย่งเอาข้าวของในมือของเขามาถือแทน ก่อนจะเดินนำหน้าไป
“เอ๋า พี่อยากกิน กินไม่ได้เหรอคะ” เขาพูด พร้อมเดินตามหลังเธอมาติด ๆ ยกมืออีกข้างขึ้นมาแตะไหล่ของเธอให้เดินขนานกัน อ้อดอ้อนไม่ได้ตั้งใจแค่อยากแกล้งเฉย ๆ เท่านั้นเอง
“กินคนเดียวเลย ทำกินเองด้วย” หันมามองตาเขียวให้ แค่คิดเธอก็สยองกินลงไปได้อย่างไร
“ครับ ! ดุจัง เครื่องเคียงครบหมดแล้วใช่มั้ย ถ้าครบแล้วเรากลับกันเถอะ น้องจะซื้ออะไรอีกมั้ย”
“ไม่อ่ะ เค้าอยากกลับแล้วเหมือนกัน”
ภายในตลาดสดที่ดูวุ่นวายทุกวัน โรคระบาดก็กลัว แต่ข้าวก็ต้องทาน ยิ่งนึกอยากจะทานอะไรก็ต้องทานให้ได้ จำเป็นต้องมาเดินตลาดกันเช่นวันนี้ เมธีซื้อบางอย่างกลับไป พาเธอมาเดินตลาดสดแล้วเผอิญเจอเข้า เขาจึงคิดเมนู ๆ หนึ่งขึ้นมาได้ผสมกับนึกอยากมาหลายวัน วันนี้บังเอิญเจอไม่รีรอ จัดการซื้อกับไปประกอบอาหารเสียเลย
พอได้ทุกอย่างครบจึงพากันเดินทางกลับอย่างสบายใจ ยกเว้นพรนภาภรรยาสาวของเขา ที่ดูท่าทางจะมีปัญหากับเมนูกับข้าวที่ซื้อมา แต่ก็ไม่ได้อะไร นึกตลกด้วยซ้ำ กลับไปถึงคอนโดจะแกล้งเสียให้เข็ด นึกในใจพร้อมปรายตามองร่างบางที่เดินนำหน้าไปก่อน
“เอามันไปไว้เบาะหลังเลย เอามันไปไว้ไกล ๆ นภาเลยนะ ฮ่วย ” พรนภาออกคำสั่ง สายตาดุ อย่าได้เอามันเข้ามาเฉียดกลายใกล้เธอแม้แต่น้อย ไม่ได้รังเกียจแต่กลัวมากกว่า
“ครับ ! ทราบแล้วครับคุณภรรยา ! ดุจังเว้ย” พูดเอาอกเอาใจ ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขาเปิดประตูรถห้องโดยสารด้านเบาะหลัง วางกับข้าวไว้บนเบาะ ซึ่งมันยังกระโดดหยง ๆ อยู่ในถุงนั้น ก่อนจะปิดประตูไว้ให้เรียบร้อยแล้วเดินมาเปิดประตูรถฝั่งคนขับและขับออกไป “คนอะไรกลัวอึ่งอ่าง” เปรยออกมาเบา ๆ หันมามองหน้าภรรยารุ่นลูกก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม
“คนอะไรกินอึ่งอ่าง” พรนภาถามกลับ หันควับมามองอย่างไม่ชอบใจนัก เธอกลัวอึ่งอ่างมันแปลกตรงไหน พรางนึกยังจะกล้าถามอีกว่าคนอะไรกลัวอึ่งอ่าง
“ก็คนที่รักนภาไงครับ “ พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก แม้แต่เธอเองก็ยังพูดอะไรไม่ออก ตั้งตัวไม่ทันกับมุกของเขาที่พูดออกมา ทำได้เพียงอมยิ้มแล้วหันกลับมาท่าเดิมอมยิ้มไม่พูดอะไรจนถึงคอนโด
“ทำเอาเองเลยนะ อย่าให้นภาต้องช่วย นภากลัว นภาขี้เดียดอ่าพี่เมธี ” พูดจริงจังจากใจของตัวเอง ก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถ หิ้วข้าวของบางส่วนถือไปด้วย ยกเว้นก็แต่ถุงนั้นให้เมธีหยิบถือมาเอาเอง
ภายในห้องพักที่แสนอบอุ่นของพวกเธอสองคน จินตนาการว่าหากมีเด็กตัวเล็ก ๆ สักคนมาวิ่งเล่นในนี้คงจะไม่เหงา แต่ว่าช่างเถอะไม่รีบ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็นบ้านแทน พรนภานำข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บในครัว วันนี้เข้าครัวกับสามีด้วย ช่วยหยิบจับกับข้าวที่ซื้อมา ส่วนเมธีปล่อยให้ทำเมนูที่ต้องการไปเลย ซึ่งของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แกะใส่จานก็เป็นอันเสร็จ เนื่องจากซื้อสำเร็จมาแล้ว
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ แอบมองเขาทำกับข้าวก็เพลินตาดี รูปร่างสันทัดสมส่วนในชุดทำงานที่ยังไม่ถอดออก เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนปล่อยลอยชายดูดีหล่อเท่ไปอีกแบบ
เธอนั่งมองเขาอยู่อย่างนั้น แอบยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่เดินวนซ้ายขวา หยิบจับเครื่องปรุงส่วนผสมของอาหารอย่างคล่องตัว คล่องแคล่ว ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นพ่อครัว เข้าครัวในทุก ๆ วัน
“เสร็จแล้วค่า อ่ะชิม !” พรนภาเบิกตากว้าง ทำตาโตกับคำพูดของเขา ชิมงั้นหรือ ชิมอะไรไม่นะเธอไม่ชิมต้มยำอึ่งอ่างแน่นอน
“ไม่ ! ไม่เอา “ เธอตอบแบบไม่ต้องลังเลกันเลย ก็รู้ว่ากลัว ไม่ชอบก็ยังจะคะยั้นคะยอ จะแกล้งเธอหรือไร มองตาเขียวปัดให้เมธี หน้าบึ้งเข้าให้ “ไม่ตลกค่ะ !”
“อะไรน้องนภา น้ำ ! มันแค่น้ำแกง น้องจะกลัวอะไร เร็วชิมให้พี่หน่อยค่ะว่าได้ยัง ต้องเติมอะไรอีกเปล่า” เมธีพยายามยัดเยียดให้เธอชิมให้ได้ ส่วนหนึ่งก็นึกสนุกอยากแกล้ง พรนภางอนน่ารักไปอีกแบบ เดี๋ยวถ้าเรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่ ตนเองก็รู้วิธีรับมือว่าจะง้ออย่างไรถึงจะหายงอน
“หื่อ ! พี่เมธี ! อร่อยแล้วพี่เมธีทำกับข้าวอร่อย ไม่ต้องชิมก็รู้” ไม่พูดเฉยเธอลุกจากเก้าอี้โต๊ะทานข้าว รีบเดินมายังห้องโถงของห้องเพื่อหลบลีกการชิมน้ำแกงอึ่งอ่างนั่น
พอพรนภาเดินหนีมายังห้องโถง เขาก็ถือทัพพีเดินตามมา กะจะให้ชิมให้ได้ ถึงอย่างไรพรนภาต้องชิมให้ได้ !
“น้องนภา ชิมหน่อย ชิม !”
“พี่เมธี ฮ่วย ยังจะถือตามเค้ามาอีก !” พรนภาขมวดคิ้วจะร้องไห้ ไม่ชอบใจที่โดนแกล้ง บังคับขู่เข็ญ ทำไมถึงไม่เข้าใจอะไรบ้างเลย เธอไม่กินก็คือไม่กิน ! ทุกอย่างแสดงออกมาทางสีหน้าของเธอหมด “เค้าไม่กิน ทำไมต้องแกล้ง ฮ่วย “ น้ำตาซึมมองหน้าคนตรงหน้าด้วยความน้อยใจ
“มันก็แค่น้ำแกง ไม่มีตัวอึ่งติดมาสักหน่อย” ทำสายตาละห้อยวิงวอน ทางนั้นก็น้ำตาซึมจะร้องไห้ อยากกับเด็ก ในบางครั้งพรนภาก็ขี้แยแบบไม่มีเหตุผล และบางครั้งก็เข้มแข็งแบบที่นึกไม่ถึง
นึกตลกอยู่ในใจแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เกรงว่าหากเผลอหัวเราะออกมาจะทำให้การง้อภรรยาคราวลูกเป็นไปในทางที่ยากแน่นอน “ชิมให้เค้าหน่อยไม่ได้เหรอ”
“มันก็แค่น้ำแกง แต่มันมีตัวอึ่งอยู่ในนั้นไง ฮ่วย หนังมันก็ลุ่ยออกมา ทุกทีก็ไม่เคยให้ชิม ทำไมวันนี้ต้องให้ชิม พี่เมธีอยากแกล้งนภาก็บอกเหอะ ฮ่วย” กระทืบเท้าสะบัดแขนเหมือนเด็ก แสดงออกได้ทุกอารมณ์และความรู้สึกที่อยู่กับเขา อีกทั้งความเป็นตัวของตัวเองด้วย ก่อนจะสงบและจ้องมองใบหน้าเรียวเข้มอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ โดนแน่ ! ให้ผ่านวินาทีนี้ไปก่อนเถอะ จ้องมองพรางนึกในใจ “มันเป็นน้ำแกงอึ่งอ่างอ่ะ”
ทั้งสองคนยืนโต้วาทีกันที่ห้องโถงของห้อง เมธีก็ไม่ยอมท่าเดียว พรนภาก็ปฏิเสธสุดฤทธิ์ หากมีใครผ่านมาเห็นคงส่ายหัวให้กับการกระทำของสองคน ที่เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ทั้งคู่ อีกคนก็ครึ่งคนไปแล้ว ส่วนอีกคนก็เป็นผู้มีวุฒิภาวะพอสมควร ทั้งสองยืนจังก้าจ้องมองกันด้วยสายตาและความรู้สึกคนละแบบ
“จะได้ทานข้าวเย็นมั้ยคะวันนี้ อ่ะชิมเร็ว ๆ พี่หิวข้าวค่ะ”
“กะซาง ! ไม่ !” สะบัดหน้าไปทางอื่น ตามใจเลย ไม่ต้องกินข้าวกันเลยคืนนี้ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยอม
“น้องนภา ! จะชิมไม่ชิม”
“ไม่ !” ยืนยันเสียงแข็ง
“รักพี่มั้ย ! “ นั่นไง ! มุกนี้มาจนได้ เธอคิดไว้แล้วเชียว มุกนี้ต้องมา หันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง ส่วนเขายิ้มเยาะคงคิดว่าได้เปรียบสินะ “รักพี่มั้ยน้องนภา พี่ถามดี ๆ “ คราวนี้น้ำเสียงเรียบ แลดูจริงจัง เธอมองหน้าลังเลในการตอบ ไม่ใช่ไม่รัก หากเป็นเรื่องอื่นเธอจะตอบไปในทันที แต่นี่มันเป็นเรื่องของอึ่งอ่าง
“พี่เมธีอ่ะ ทำไมต้องถามเค้าแบบนี้ด้วย ฮ่วย” รู้ตัวเองว่าไม่รอดแน่ จึงหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไป ขมวดคิ้วหน้าบึ้งจะร้องไห้ให้คนตรงหน้าแบบจำนน
“รักพี่มั้ย”
“รัก” สุดท้ายก็ตอบไป
เขายิ้มกริ่มกับคำตอบที่ได้ “รักพี่ก็ชิมให้พี่ค่ะ มันก็แค่น้ำแกงจะเป็นอะไร ขี้เดียดอะไรของกิน”
“พี่เมธีอ่ะเป็นอะไร ! มาบังคับเค้า ทั้งที่รู้ว่าเค้าไม่กิน” น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อล้นขอบตา เพราะไม่อยากชิม ถึงจะเป็นแค่น้ำแกงแต่มันก็เป็นน้ำแกงอึ่งอ่าง เธอไม่กล้ากิน เธอกลัว
“เป็นคนที่รักน้องนภามากค่ะ อ่ะชิม!” ทั้งเขาและเธอต่างหัวเราะให้กัน เมื่อเจอมุกนี้รอบที่สองอีกครั้ง เธอไม่ได้โกรธขนาดนั้น จึงพลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย
พรนภาหัวเราะทั้งน้ำตา ยังไม่ลืมที่จะให้ชิมอีก “พี่เมธีรักนภามั้ย”
“โน ! ม่าย... ไม่! เราจะไม่พูดเลียนแบบกันค่ะ พี่พูดไปแล้ว ไม่ ๆ ไม่พันพูดคืน” พูดกลั้วหัวเราะ ทำท่าทางโบกไม้โบกมือให้พรนภาด้วยท่าทางตลก ส่วนมืออีกข้างก็ถือทัพพีอยู่ “ชิมค่ะ ไม่ชิมแปลว่าไม่รักพี่จริงอย่างที่พูด ใช่ซี่เรามันก็...”
“พี่เมธี ! “ เธอพูดสวนตัดบทก่อน และตัดสินใจจะชิมให้มันจบ ๆ ไป หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน “เอามานภาจะชิม”
เขายิ้ม ถึงแม้จะแอบมองเห็นหายนะมาเยือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอยากแกล้ง เอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้น “อ่ะ ก็แค่ซดชิมจะเป็นอะไร “ เขายื่นให้ โดยไม่ให้พรนภาถือเองกลัวแกล้งทำหก “ก็แค่นั้น อร่อยล่ะซี้ฝีมือเค้า”
พอเธอซดน้ำแกงไปเรียบร้อย รสชาติก็อร่อยดี แต่ว่าเธอไม่มีทางกินด้วยแน่นอน “จบแล้วนะ ปล่อยนภาจะไปอาบน้ำนอน” หน้ามุ่ย สะบัดตัวจะเดินหนี ทว่าโดนเขารวบตัวเอาไว้ก่อน
“จะไปนอนได้ไงคะ วันนี้ไม่กินข้าวเป็นเพื่อนพี่เหรอ พี่เหงานะ “ พูดและสวมกอดเธอเอาไว้แน่น ดุจกลัวว่าหากปล่อยไปคืนนี้ได้นอนหว้าเหว่แน่ “โอมจงหายงอน เพี้ยง ! “ ทำท่าเป่าลมลงไปบนศีรษะของเธอ แล้วหัวเราะชอบใจ ได้ผล ! พรนภาอมยิ้ม หัวเราะอึกอักภายใต้อ้อมกอดของเขา ทั้งที่กำลังงอนเขานั่นแหละ
“พี่เมธี ฮ่วย!”
“พี่ขอโทษ... อยากแกล้งเฉย ๆ “ ผลักเธอออกห่างตัวพอประมาณ จ้องมองใบหน้าเรียวได้รูป กล่าวขอโทษจากใจ และเชื่อว่าพรนภาสุดที่รักของเขาต้องสัมผัสได้แน่นอน “พี่ขอโทษนะคะ โกรธพี่มั้ย “ พูดจบจุมพิตลงไปที่ปากของเธอโดยไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
พรนภาเม้มปากยิ้ม รีบเช็ดออก “พี่เมธี ! “ อุทานพร้อมตีที่แขนเขาไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“ปะ ๆ ทานข้าวกัน ! สบายใจละวันนี้ได้แกล้งคน” กึ่งเดินกึ่งลากเธอให้เดินตามเข้ามาในครัวด้วย พรนภาต้องสยบยอมเดินตามมา
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในครัวตามเดิม เมธีเป็นคนจัดแจงยกสำรับมาวางบนโต๊ะ มองพรนภาที่นั่งหน้าบึ้งรอคอยทานข้าวด้วยความรักและเอ็นดูยิ่งนัก คนอะไรมองไม่เคยเบื่อเลย ไม่ได้สวยเลิศเลอเหมือนผู้หญิงที่เขาเจอผ่าน ๆ มา ทว่าพรนภาเป็นคนที่หัวใจเรียกร้องอยากจะหยุดทุกอย่างที่เธอคนนี้เพียงผู้เดียว
“ลองมั้ย ! อร่อยนะ แล้วจะบ่นพี่ว่าไม่ให้ลองตั้งนาน” เขาตักตัวอึ่งอ่างขึ้นมาจากถ้วย ยื่นให้เธอ บนโต๊ะกับข้าวที่แสนธรรมดาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ที่ได้ทานข้าวไปพร้อมคนที่รัก
“พี่เมธี ฮ่วย ! ป่ายถิ่มเด้ทะเบิ่งเด้อ “ ดุไปทีเล่นไม่ยอมเลิก
ฝันหวาน (Sweet Dream) 39
.
กรี๊ด ! “พี่เมธีมันดิ้น ! มาเอาไปเลย มาเอาไปจากนภาเลย มันดิ้น ฮือ นภากลัว ” พรนภาอุทานด้วยความกลัว พร้อมจะร้องไห้เมื่อมีบางอย่างมันดิ้นในถุงหูหิ้วที่เธอกำลังถืออยู่ ณ ตลาดสดหน้าที่ทำงานของเธอ หลังเลิกงานพวกเธอเดินหาซื้อของกลับไปทำกับข้าว
“ถือดี ๆ ซี่น้องนภา เดี๋ยวมันก็หลุดออกจากปากถุงหรอก กระโดดหนีหมดงานเข้าเลยนะ” เมธีปรามด้วยความห่วงใยกับข้าวในถุง กลัวว่ามันจะร่วงลงพื้นเสียหาย ของโปรดของเขาเลย วันนี้จะทำเมนูที่ชอบที่สุด ให้ตนเองและพรนภาทาน
“ก็มันดิ้นมาโดนตัวนภาอ่ะ เล็บของมันโดนตัวนภา นภาจั๊กเดียม ยึ๋ย !” เธอทำท่าขนลุกนิดหน่อยให้ดู หน้าบึ้งจ้องมองหน้าเขาด้วยน้ำตาคลอ ทำไมต้องให้เธอเป็นคนถือด้วย ทั้งที่ก็ทราบดีว่าเธอกลัว ความโกลาหลเกิดขึ้นหน่อย ๆ กับพวกเธอสองคน เพราะพรนภากลัวนี่แหละ “เอาไปเลย ! เอาไปถือเองเลย และก็กินคนเดียวด้วย กินข้าวคนเดียวเลยวันนี้ เอาของพวกนั้นมานภาถือเอง” เธอยัดถุงนั้นให้แก่เขา และแย่งเอาข้าวของในมือของเขามาถือแทน ก่อนจะเดินนำหน้าไป
“เอ๋า พี่อยากกิน กินไม่ได้เหรอคะ” เขาพูด พร้อมเดินตามหลังเธอมาติด ๆ ยกมืออีกข้างขึ้นมาแตะไหล่ของเธอให้เดินขนานกัน อ้อดอ้อนไม่ได้ตั้งใจแค่อยากแกล้งเฉย ๆ เท่านั้นเอง
“กินคนเดียวเลย ทำกินเองด้วย” หันมามองตาเขียวให้ แค่คิดเธอก็สยองกินลงไปได้อย่างไร
“ครับ ! ดุจัง เครื่องเคียงครบหมดแล้วใช่มั้ย ถ้าครบแล้วเรากลับกันเถอะ น้องจะซื้ออะไรอีกมั้ย”
“ไม่อ่ะ เค้าอยากกลับแล้วเหมือนกัน”
ภายในตลาดสดที่ดูวุ่นวายทุกวัน โรคระบาดก็กลัว แต่ข้าวก็ต้องทาน ยิ่งนึกอยากจะทานอะไรก็ต้องทานให้ได้ จำเป็นต้องมาเดินตลาดกันเช่นวันนี้ เมธีซื้อบางอย่างกลับไป พาเธอมาเดินตลาดสดแล้วเผอิญเจอเข้า เขาจึงคิดเมนู ๆ หนึ่งขึ้นมาได้ผสมกับนึกอยากมาหลายวัน วันนี้บังเอิญเจอไม่รีรอ จัดการซื้อกับไปประกอบอาหารเสียเลย
พอได้ทุกอย่างครบจึงพากันเดินทางกลับอย่างสบายใจ ยกเว้นพรนภาภรรยาสาวของเขา ที่ดูท่าทางจะมีปัญหากับเมนูกับข้าวที่ซื้อมา แต่ก็ไม่ได้อะไร นึกตลกด้วยซ้ำ กลับไปถึงคอนโดจะแกล้งเสียให้เข็ด นึกในใจพร้อมปรายตามองร่างบางที่เดินนำหน้าไปก่อน
“เอามันไปไว้เบาะหลังเลย เอามันไปไว้ไกล ๆ นภาเลยนะ ฮ่วย ” พรนภาออกคำสั่ง สายตาดุ อย่าได้เอามันเข้ามาเฉียดกลายใกล้เธอแม้แต่น้อย ไม่ได้รังเกียจแต่กลัวมากกว่า
“ครับ ! ทราบแล้วครับคุณภรรยา ! ดุจังเว้ย” พูดเอาอกเอาใจ ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขาเปิดประตูรถห้องโดยสารด้านเบาะหลัง วางกับข้าวไว้บนเบาะ ซึ่งมันยังกระโดดหยง ๆ อยู่ในถุงนั้น ก่อนจะปิดประตูไว้ให้เรียบร้อยแล้วเดินมาเปิดประตูรถฝั่งคนขับและขับออกไป “คนอะไรกลัวอึ่งอ่าง” เปรยออกมาเบา ๆ หันมามองหน้าภรรยารุ่นลูกก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม
“คนอะไรกินอึ่งอ่าง” พรนภาถามกลับ หันควับมามองอย่างไม่ชอบใจนัก เธอกลัวอึ่งอ่างมันแปลกตรงไหน พรางนึกยังจะกล้าถามอีกว่าคนอะไรกลัวอึ่งอ่าง
“ก็คนที่รักนภาไงครับ “ พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก แม้แต่เธอเองก็ยังพูดอะไรไม่ออก ตั้งตัวไม่ทันกับมุกของเขาที่พูดออกมา ทำได้เพียงอมยิ้มแล้วหันกลับมาท่าเดิมอมยิ้มไม่พูดอะไรจนถึงคอนโด
“ทำเอาเองเลยนะ อย่าให้นภาต้องช่วย นภากลัว นภาขี้เดียดอ่าพี่เมธี ” พูดจริงจังจากใจของตัวเอง ก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถ หิ้วข้าวของบางส่วนถือไปด้วย ยกเว้นก็แต่ถุงนั้นให้เมธีหยิบถือมาเอาเอง
ภายในห้องพักที่แสนอบอุ่นของพวกเธอสองคน จินตนาการว่าหากมีเด็กตัวเล็ก ๆ สักคนมาวิ่งเล่นในนี้คงจะไม่เหงา แต่ว่าช่างเถอะไม่รีบ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็นบ้านแทน พรนภานำข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บในครัว วันนี้เข้าครัวกับสามีด้วย ช่วยหยิบจับกับข้าวที่ซื้อมา ส่วนเมธีปล่อยให้ทำเมนูที่ต้องการไปเลย ซึ่งของเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แกะใส่จานก็เป็นอันเสร็จ เนื่องจากซื้อสำเร็จมาแล้ว
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ แอบมองเขาทำกับข้าวก็เพลินตาดี รูปร่างสันทัดสมส่วนในชุดทำงานที่ยังไม่ถอดออก เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนปล่อยลอยชายดูดีหล่อเท่ไปอีกแบบ
เธอนั่งมองเขาอยู่อย่างนั้น แอบยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่เดินวนซ้ายขวา หยิบจับเครื่องปรุงส่วนผสมของอาหารอย่างคล่องตัว คล่องแคล่ว ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นพ่อครัว เข้าครัวในทุก ๆ วัน
“เสร็จแล้วค่า อ่ะชิม !” พรนภาเบิกตากว้าง ทำตาโตกับคำพูดของเขา ชิมงั้นหรือ ชิมอะไรไม่นะเธอไม่ชิมต้มยำอึ่งอ่างแน่นอน
“ไม่ ! ไม่เอา “ เธอตอบแบบไม่ต้องลังเลกันเลย ก็รู้ว่ากลัว ไม่ชอบก็ยังจะคะยั้นคะยอ จะแกล้งเธอหรือไร มองตาเขียวปัดให้เมธี หน้าบึ้งเข้าให้ “ไม่ตลกค่ะ !”
“อะไรน้องนภา น้ำ ! มันแค่น้ำแกง น้องจะกลัวอะไร เร็วชิมให้พี่หน่อยค่ะว่าได้ยัง ต้องเติมอะไรอีกเปล่า” เมธีพยายามยัดเยียดให้เธอชิมให้ได้ ส่วนหนึ่งก็นึกสนุกอยากแกล้ง พรนภางอนน่ารักไปอีกแบบ เดี๋ยวถ้าเรื่องมันเลยเถิดไปกันใหญ่ ตนเองก็รู้วิธีรับมือว่าจะง้ออย่างไรถึงจะหายงอน
“หื่อ ! พี่เมธี ! อร่อยแล้วพี่เมธีทำกับข้าวอร่อย ไม่ต้องชิมก็รู้” ไม่พูดเฉยเธอลุกจากเก้าอี้โต๊ะทานข้าว รีบเดินมายังห้องโถงของห้องเพื่อหลบลีกการชิมน้ำแกงอึ่งอ่างนั่น
พอพรนภาเดินหนีมายังห้องโถง เขาก็ถือทัพพีเดินตามมา กะจะให้ชิมให้ได้ ถึงอย่างไรพรนภาต้องชิมให้ได้ !
“น้องนภา ชิมหน่อย ชิม !”
“พี่เมธี ฮ่วย ยังจะถือตามเค้ามาอีก !” พรนภาขมวดคิ้วจะร้องไห้ ไม่ชอบใจที่โดนแกล้ง บังคับขู่เข็ญ ทำไมถึงไม่เข้าใจอะไรบ้างเลย เธอไม่กินก็คือไม่กิน ! ทุกอย่างแสดงออกมาทางสีหน้าของเธอหมด “เค้าไม่กิน ทำไมต้องแกล้ง ฮ่วย “ น้ำตาซึมมองหน้าคนตรงหน้าด้วยความน้อยใจ
“มันก็แค่น้ำแกง ไม่มีตัวอึ่งติดมาสักหน่อย” ทำสายตาละห้อยวิงวอน ทางนั้นก็น้ำตาซึมจะร้องไห้ อยากกับเด็ก ในบางครั้งพรนภาก็ขี้แยแบบไม่มีเหตุผล และบางครั้งก็เข้มแข็งแบบที่นึกไม่ถึง
นึกตลกอยู่ในใจแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เกรงว่าหากเผลอหัวเราะออกมาจะทำให้การง้อภรรยาคราวลูกเป็นไปในทางที่ยากแน่นอน “ชิมให้เค้าหน่อยไม่ได้เหรอ”
“มันก็แค่น้ำแกง แต่มันมีตัวอึ่งอยู่ในนั้นไง ฮ่วย หนังมันก็ลุ่ยออกมา ทุกทีก็ไม่เคยให้ชิม ทำไมวันนี้ต้องให้ชิม พี่เมธีอยากแกล้งนภาก็บอกเหอะ ฮ่วย” กระทืบเท้าสะบัดแขนเหมือนเด็ก แสดงออกได้ทุกอารมณ์และความรู้สึกที่อยู่กับเขา อีกทั้งความเป็นตัวของตัวเองด้วย ก่อนจะสงบและจ้องมองใบหน้าเรียวเข้มอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ โดนแน่ ! ให้ผ่านวินาทีนี้ไปก่อนเถอะ จ้องมองพรางนึกในใจ “มันเป็นน้ำแกงอึ่งอ่างอ่ะ”
ทั้งสองคนยืนโต้วาทีกันที่ห้องโถงของห้อง เมธีก็ไม่ยอมท่าเดียว พรนภาก็ปฏิเสธสุดฤทธิ์ หากมีใครผ่านมาเห็นคงส่ายหัวให้กับการกระทำของสองคน ที่เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ทั้งคู่ อีกคนก็ครึ่งคนไปแล้ว ส่วนอีกคนก็เป็นผู้มีวุฒิภาวะพอสมควร ทั้งสองยืนจังก้าจ้องมองกันด้วยสายตาและความรู้สึกคนละแบบ
“จะได้ทานข้าวเย็นมั้ยคะวันนี้ อ่ะชิมเร็ว ๆ พี่หิวข้าวค่ะ”
“กะซาง ! ไม่ !” สะบัดหน้าไปทางอื่น ตามใจเลย ไม่ต้องกินข้าวกันเลยคืนนี้ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยอม
“น้องนภา ! จะชิมไม่ชิม”
“ไม่ !” ยืนยันเสียงแข็ง
“รักพี่มั้ย ! “ นั่นไง ! มุกนี้มาจนได้ เธอคิดไว้แล้วเชียว มุกนี้ต้องมา หันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง ส่วนเขายิ้มเยาะคงคิดว่าได้เปรียบสินะ “รักพี่มั้ยน้องนภา พี่ถามดี ๆ “ คราวนี้น้ำเสียงเรียบ แลดูจริงจัง เธอมองหน้าลังเลในการตอบ ไม่ใช่ไม่รัก หากเป็นเรื่องอื่นเธอจะตอบไปในทันที แต่นี่มันเป็นเรื่องของอึ่งอ่าง
“พี่เมธีอ่ะ ทำไมต้องถามเค้าแบบนี้ด้วย ฮ่วย” รู้ตัวเองว่าไม่รอดแน่ จึงหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไป ขมวดคิ้วหน้าบึ้งจะร้องไห้ให้คนตรงหน้าแบบจำนน
“รักพี่มั้ย”
“รัก” สุดท้ายก็ตอบไป
เขายิ้มกริ่มกับคำตอบที่ได้ “รักพี่ก็ชิมให้พี่ค่ะ มันก็แค่น้ำแกงจะเป็นอะไร ขี้เดียดอะไรของกิน”
“พี่เมธีอ่ะเป็นอะไร ! มาบังคับเค้า ทั้งที่รู้ว่าเค้าไม่กิน” น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อล้นขอบตา เพราะไม่อยากชิม ถึงจะเป็นแค่น้ำแกงแต่มันก็เป็นน้ำแกงอึ่งอ่าง เธอไม่กล้ากิน เธอกลัว
“เป็นคนที่รักน้องนภามากค่ะ อ่ะชิม!” ทั้งเขาและเธอต่างหัวเราะให้กัน เมื่อเจอมุกนี้รอบที่สองอีกครั้ง เธอไม่ได้โกรธขนาดนั้น จึงพลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย
พรนภาหัวเราะทั้งน้ำตา ยังไม่ลืมที่จะให้ชิมอีก “พี่เมธีรักนภามั้ย”
“โน ! ม่าย... ไม่! เราจะไม่พูดเลียนแบบกันค่ะ พี่พูดไปแล้ว ไม่ ๆ ไม่พันพูดคืน” พูดกลั้วหัวเราะ ทำท่าทางโบกไม้โบกมือให้พรนภาด้วยท่าทางตลก ส่วนมืออีกข้างก็ถือทัพพีอยู่ “ชิมค่ะ ไม่ชิมแปลว่าไม่รักพี่จริงอย่างที่พูด ใช่ซี่เรามันก็...”
“พี่เมธี ! “ เธอพูดสวนตัดบทก่อน และตัดสินใจจะชิมให้มันจบ ๆ ไป หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน “เอามานภาจะชิม”
เขายิ้ม ถึงแม้จะแอบมองเห็นหายนะมาเยือนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอยากแกล้ง เอาชนะในเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้น “อ่ะ ก็แค่ซดชิมจะเป็นอะไร “ เขายื่นให้ โดยไม่ให้พรนภาถือเองกลัวแกล้งทำหก “ก็แค่นั้น อร่อยล่ะซี้ฝีมือเค้า”
พอเธอซดน้ำแกงไปเรียบร้อย รสชาติก็อร่อยดี แต่ว่าเธอไม่มีทางกินด้วยแน่นอน “จบแล้วนะ ปล่อยนภาจะไปอาบน้ำนอน” หน้ามุ่ย สะบัดตัวจะเดินหนี ทว่าโดนเขารวบตัวเอาไว้ก่อน
“จะไปนอนได้ไงคะ วันนี้ไม่กินข้าวเป็นเพื่อนพี่เหรอ พี่เหงานะ “ พูดและสวมกอดเธอเอาไว้แน่น ดุจกลัวว่าหากปล่อยไปคืนนี้ได้นอนหว้าเหว่แน่ “โอมจงหายงอน เพี้ยง ! “ ทำท่าเป่าลมลงไปบนศีรษะของเธอ แล้วหัวเราะชอบใจ ได้ผล ! พรนภาอมยิ้ม หัวเราะอึกอักภายใต้อ้อมกอดของเขา ทั้งที่กำลังงอนเขานั่นแหละ
“พี่เมธี ฮ่วย!”
“พี่ขอโทษ... อยากแกล้งเฉย ๆ “ ผลักเธอออกห่างตัวพอประมาณ จ้องมองใบหน้าเรียวได้รูป กล่าวขอโทษจากใจ และเชื่อว่าพรนภาสุดที่รักของเขาต้องสัมผัสได้แน่นอน “พี่ขอโทษนะคะ โกรธพี่มั้ย “ พูดจบจุมพิตลงไปที่ปากของเธอโดยไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
พรนภาเม้มปากยิ้ม รีบเช็ดออก “พี่เมธี ! “ อุทานพร้อมตีที่แขนเขาไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“ปะ ๆ ทานข้าวกัน ! สบายใจละวันนี้ได้แกล้งคน” กึ่งเดินกึ่งลากเธอให้เดินตามเข้ามาในครัวด้วย พรนภาต้องสยบยอมเดินตามมา
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในครัวตามเดิม เมธีเป็นคนจัดแจงยกสำรับมาวางบนโต๊ะ มองพรนภาที่นั่งหน้าบึ้งรอคอยทานข้าวด้วยความรักและเอ็นดูยิ่งนัก คนอะไรมองไม่เคยเบื่อเลย ไม่ได้สวยเลิศเลอเหมือนผู้หญิงที่เขาเจอผ่าน ๆ มา ทว่าพรนภาเป็นคนที่หัวใจเรียกร้องอยากจะหยุดทุกอย่างที่เธอคนนี้เพียงผู้เดียว
“ลองมั้ย ! อร่อยนะ แล้วจะบ่นพี่ว่าไม่ให้ลองตั้งนาน” เขาตักตัวอึ่งอ่างขึ้นมาจากถ้วย ยื่นให้เธอ บนโต๊ะกับข้าวที่แสนธรรมดาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ที่ได้ทานข้าวไปพร้อมคนที่รัก
“พี่เมธี ฮ่วย ! ป่ายถิ่มเด้ทะเบิ่งเด้อ “ ดุไปทีเล่นไม่ยอมเลิก