.
ทุก ๆ เช้าเธอต้องตื่นมาหุงข้าว อุ่นกับข้าวให้กับเมธีเป็นประจำ แม้ตัวเองเข้างานสายเกือบสิบโมง ทว่าเธอต้องตื่นตีห้าพร้อมกับเขา อุ่นกับข้าวให้ทานก่อนเขาออกไปทำงานในตอนเช้าทุก ๆ วัน ถึงจะเพลียแต่มันก็เพลียแบบสุขใจ ที่ได้นั่งมองเขาทานข้าวเช้า ไม่ต้องซื้อทานแบบเร่งรีบ เธออยากเป็นภรรยาที่ดีที่สุดให้กับเขา แม้จะทำอะไรไม่ได้มากมายไปกว่านี้
“จะตื่นเช้าพร้อมพี่ทำไมเนี่ย ทำไมไม่นอน ฮึ ตัวเองเข้างานก็สาย พี่หุงข้าวอุ่นกับข้าวทานเองได้” เมธีพูดกับเธอ ขณะยืนอยู่หน้าตู้กระจกเครื่องแป้ง กำลังติดกระดุมเสื้อพร้อมใส่เนคไทขยับ ๆ ให้มันเข้าที่ ก่อนจะเดินมานั่งทานข้าวที่โต๊ะอาหารในครัว
“ไม่เป็นไรค่ะ นภาอยากทำให้พี่เมธี เดี๋ยวพี่เมธีเข้างานสายล่ะแย่เลย” พูดพร้อมยกกับข้าวมาวางไว้รอที่โต๊ะทานข้าว ตนเองยังไม่หิว แต่ก็นั่งคุยเป็นเพื่อนด้วย “เดี๋ยวพี่เมธีออกไปทำงานนภาก็กลับไปนอนแล้ว”
“ค่ะ!” ยิ้มให้ภรรยาสุดที่รัก ขอบคุณมาก ๆ นะคะ อย่างนี้ต้องมีรางวัล ภรรยาที่แสนดีที่สุด และรักมากที่สุดเลย” ก่อนจะตั้งใจทานข้าวต่อ
“แหม! ปากหวานจังเลยนะคะ” พร้อมมองค้อนให้เขาแบบตลก ชมซะเธอแทบลอยขึ้นบนอากาศ “นภาไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ นภาอยากทำให้พี่เมธี”
“ความจริงพี่เข้างานกี่โมงก็ได้นะ รู้มั้ยพี่เป็นใคร”
“เอ๋า พี่เมธียังไม่รู้จักตัวเองเลย แล้วนภาจะรู้มั้ยเนี่ย! ฮา” พูดพลางหัวเราะ “คนอะไรไม่รู้จักตัวเอง” ไม่เพียงแค่เธอที่นึกตลก เมธีเองก็ขำ เป็นเช้าที่สดใสเช่นเคย
“เออนั่นสิเนอะ พี่ก็ถามแปลก ฮา”
พรนภานั่งคุยไปด้วย เล่นโทรศัพท์ไปพร้อมตามประสา แอบมองเขาในชุดทำงานช่างดูเนี๊ยบมาก ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ นี่ถ้าพี่เมธีเป็นหัวหน้าเขตที่ทำงานของเธอนะ คงไม่มีใครกล้าพูดตลกด้วย ทว่าบุคลิกของเขาช่างต่างกับนิสัยเสียจริง และเมธีในตอนนี้ก็ช่างต่างกับเมธีในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เหลือเกิน
“คุณพ่อไปทำงานแล้วนะจ๊ะ คุณแม่ก็ไปนอนต่อได้แล้วค่ะ” พร้อมสวมรองเท้าโบกมือลาหน้าประตูห้อง
“ม่าย! นภาจะให้ลูกของเราเรียกพี่เมธีว่าป่ะป๊า” พร้อมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงวันนั้น เมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึงสักที “เรียกนภาว่าคุณแม่ เรียกพ่อว่าป่ะป๊า”
“โอเคค่ะ งั้นคุณแม่กลับไปนอนได้แล้วค่ะ ป่ะป๊าไปทำงานก่อน เจอกันเย็นนี้นะคะ”
“ค่ะ บายค่ะ” พรนภาโบกมือส่งคืนให้ ทว่าเขาก็จะไม่ยอมเดินจากไปสักที “อะไรคะพี่เมธีสายแล้วเนี่ย” ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ จะเล่นอะไรอีกไม่ยอมไปทำงานสักที รู้แล้วน่าว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท แต่มันก็ไม่ควรต้องเข้างานสายมั้ยถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริง ๆ
“คุณแม่พรนภาลืมให้อะไรป่ะป๊าหรือเปล่าคะ” พร้อมทำแก้มป่องขึ้นมาข้างขวา
“นึกว่าอะไร ค่ะ มาให้คุณแม่จุ๊บทีนึง” เมธีย่อตัวลงนิดหน่อย ส่วนเธอเขย่งเท้าเข้าไปหอมแก้วส่งเขาไปทำงาน “ลูกเล่นเยอะจริง ๆ นะพี่เมธี” พูดในใจพร้อมยืนมองเขาเดินเข้าลิฟต์ จึงปิดประตูห้องล้มตัวลงนอนต่อ ทว่ามันไม่หลับแล้ว ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นว่านอนไม่พอสักคำ เต็มใจทำทุกอย่างให้กับเขา เหมือนที่เขาเต็มใจทำทุกอย่างให้กับเธอนั่นเอง
ตอนเย็นเลิกงานเมธีกลับถึงห้องก่อนเธอในทุก ๆ วัน และกับข้าวมื้อเย็นเตรียมพร้อมไว้รอเธอเสมอ ๆ แม้เธออาจจะทานด้วยหรือไม่ก็ตาม กับข้าวทุกอย่างพร้อมไว้รอเสมอ นอกเสียจากวันนี้พวกเธอตกลงกันว่าจะไปทานข้าวข้างนอก ถึงจะไม่ต้องเตรียมไว้รอ
“พี่เมธีนภาอยากทานก๋วยเตี๋ยว ไม่ต้องทำกับข้าวรอนะ” เธอส่งไลน์หาสามี เกรงว่าเขาจะทำไว้รอ
“ค่ะ คุณแม่ ป่ะป๊าคิดถึงนะคะ” ข้อความส่งกลับมาอย่างไว พรนภายิ้มเขินให้หน้าจอโทรศัพท์ ไม่ว่าจะกี่ปีกี่เดือนกี่ พ.ศ.ที่อยู่ด้วยกัน คำพูดและการกระทำของเขาไม่เคยเก่าเลย ยังทำให้เธอตื่นเต้นและเขินได้เป็นประจำ
“อย่าพึ่งเรียกคุณแม่ป่ะป๊ากันเลยค่ะพี่เมธี โบราณเค้าถือนะ รอให้มีเบบี๋จริง ๆ ก่อนเถอะ”
“ค่ะ ว่าแต่กินเตี๋ยวร้านไหนอ่ะ”
“ร้านเดิมค่ะ น้ำชุปพี่เค้าเข้มค้นอร่อยดีนภาชอบ”
“ตามนั้นค่ะ “ ช่วงพักเที่ยงพวกเธอแชทคุยกันอยู่นาน รู้สึกสุขใจมากที่ชีวิตนี้มีเมธีเข้ามาเติมเต็ม ต่างจากค่อนชีวิตหนึ่งที่อยู่กับคนเก่า อย่าไปนึกถึงคนอื่นเลย ตอนนี้แค่ชีวิตของเธอมีความสุขทุกลมหายใจเข้าออกก็พอ
หนึ่งทุ่มกว่า ๆ ของวันนี้ พวกเธอสองคนออกมาทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของพรนภา เลือกนั่งโต๊ะด้านในสุด เช่นเดิมพรนภาขอบริการเขาเอง ให้เมธีนั่งอยู่เฉย ๆ ถึงแม้จะมีเสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็ไม่นึกรำคาญหูเลยสักนิด ร้านนี้พวกเธอก็มาเป็นลูกค้าประจำ จนพ่อค้าจำหน้าได้ และยิ้มทักทาย พ่อค้าก็ยังลังเลอยู่เช่นเดิมจะเรียกน้องหรือพี่ดี ดูท่าอายุน่าจะพอ ๆ กัน
“ใจจริงนภาก็ยังไม่พร้อมในปีนี้นะคะ แต่ก็ไม่ขัดใจพี่เมธี ถ้าลูกมาปีหน้าจะดีมาก แต่มาปีนี้ก็ได้ค่ะนภาพร้อมเป็นคุณแม่” พรนภาบอกจุดประสงค์ความตั้งใจจริงของตนเองแก่สามี
ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ข้างทาง แค่นี้ก็สร้างความสุขให้กับพวกเธอสองคนมาก เลิกงานเมธีถอดหน้ากากของหัวหน้าทิ้งไป เป็นคนธรรมดา ๆ เดินดินคนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งถ้าอยู่ในร้านเหล้า หากบอกว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดคงยากที่จะเชื่อ
“พี่ 49 แล้วนา ไม่เกรงใจอายุพี่หน่อยเหรอ”
“เอ๋า นภาก็ไม่ได้คุมให้แล้วนะคะ ถ้ามานภาก็พร้อม แต่พร้อมจริง ๆ คือปีหน้า”
“เราไปดูบ้านกันมั้ยคะ เอาไว้ให้พี่เค้ามาอยู่เล่นกับน้องด้วยไง อือ พี่ชื่อลิพูลให้น้องชื่ออะไรดีอ่ะ”
“พิวพิลดีมั้ยคะ”
“น้องรูม่านตาเหรอคะ ฮา” เมธีพูดจบเท่านั้นแหละ พวกเธอสองคนก็ฮา ทว่าต้องเก็บอาหารเอาไว้ นี่ไม่ได้อยู่คอนโดของตนเองจะแหกปากเสียงดังไม่ได้
“ฮ่า พี่เมธีอ่ะว่าลูก งั้นเอาน้องชมพูดีกว่า น้องพี่ลิพูลไง อือ เรื่องบ้านเหรอ นภาอยากคุยกับพี่เมธีเรื่องนี้พอดี เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ชื่อน้องชมพูเด็กหญิงชลาลัย สิมะสุวรรณ ดีมั้ยคะ”
“ถ้าเกิดเป็นลูกชายล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ ยังไม่คิด ถ้าเกิดเป็นลูกชายจริง ๆ ยกให้พี่เมธีตั้งชื่อเลย ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น”
“ตกลงค่ะ สัญญาแล้วนะ ห้ามลืมล่ะ พอถึงวันนั้นกลัวแต่ว่า นภาชอบชื่อนี้! นภาจะเอาชื่อนี้ล่ะ” ยิ้มให้เธอก่อนจะซดน้ำก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“เอ๋า พี่เมธีกะดาย เออ ๆ ให้ถึงวันนั้นก่อนเหอะ กลัวเด้กลัวได้ลูกชายนี่ล่ะ เวลาฝันเห็นเด็กนภาชอบฝันเห็นแต่เด็กผู้ชาย เคยฝันเห็นเด็กผู้หญิงครั้งเดียว แต่นานละ นอกนั้นเป็นเด็กผู้ชายหมดเลย แต่ไม่เคยอุ้มขึ้นมาหรอกนะ มันคลานมาหานภาน้อ นภาถีบแมร่งกระเด็นไปไกลมาก! ฮา” เล่าความฝันให้เมธีฟัง ก็นึกขำที่ตนเองฝันเห็นเด็ก ทว่าไม่ยอมอุ้มแถมยังถีบส่งอีก
“นั่นไง ๆ ลูกก็เลยไม่ได้มาเกิดสักที คืนนี้ต้องอุ้มเค้าขึ้นมานะคะ ถ้าฝันอีกอ่ะ”
“มีอีกคืนนะ เคยฝันว่าแม่จะเอาแหวนให้ แม่พี่เมธีแหละ นภาบอกไม่เอาค่ะแม่ แหวนนภามีอยู่ว่าซ้าน ฮ่า ก็แหวนของเรานี่ไง” พรนภาทั้งเล่าทั้งหัวเราะ พร้อมชูแฟนที่เมธีซื้อให้ สวมให้ครั้งไปเทอมินอลพัทยา “ในฝันอ่ะนภาสวมแหวนของเราอยู่ คือจิตใต้สำนึกของนภาในฝันมันนึกถึงพี่เมธีว่า ห้ามถอดแหวนของเราเด็ดขาด ถ้าไม่แยกทางกันก็ห้ามถอดไง แล้วแบบในฝันนภามีแหวนแล้วไรงี้ เลยไม่รับกับแม่”
“คืนนี้พ่อแม่พี่ พ่อแม่นภา ยาย ให้แหวนอ่ะให้รีบรับเลยนะ แล้วอย่าเผลอถีบลูกพี่กระเด็นอีกล่ะ ฮ่า โห่ อดเป็นคุณพ่อลูกสองลูกสามลูกสี่เลยไอ้เมธี”
“เยอะและ ๆ คนเดียวก็พอมั้ง!” พร้อมสายตามองบนเข้าให้
“สอง” ไม่พูดเฉยเมธีชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาพร้อมกัน
พรนภาปรายตามองสามีคราวพ่อ นึกในใจฝันไปเถอะพี่เมธี นภายังไม่พร้อม ปีหน้าแล้วกัน แต่ถ้าลูกมาก่อนเธอก็พร้อมเสมอ
พวกเธอนั่งทานก๋วยเตี๋ยวไปด้วยคุยกันไปพร้อม ร้านต้องปิดก่อนสามทุ่ม ทว่าตอนนี้แค่ทุ่มกว่า ๆ เอง เมธีสั่งเพิ่มอีกชาม ส่วนเธอชามเดียวก็จะทานไม่หมด
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม มีแต่คนเท่านั้นแหละที่ทำให้มันน่ากลัว และเจ็บปวด...
จบบท...
ฝันหวาน (Sweet Dream) 21
.
ทุก ๆ เช้าเธอต้องตื่นมาหุงข้าว อุ่นกับข้าวให้กับเมธีเป็นประจำ แม้ตัวเองเข้างานสายเกือบสิบโมง ทว่าเธอต้องตื่นตีห้าพร้อมกับเขา อุ่นกับข้าวให้ทานก่อนเขาออกไปทำงานในตอนเช้าทุก ๆ วัน ถึงจะเพลียแต่มันก็เพลียแบบสุขใจ ที่ได้นั่งมองเขาทานข้าวเช้า ไม่ต้องซื้อทานแบบเร่งรีบ เธออยากเป็นภรรยาที่ดีที่สุดให้กับเขา แม้จะทำอะไรไม่ได้มากมายไปกว่านี้
“จะตื่นเช้าพร้อมพี่ทำไมเนี่ย ทำไมไม่นอน ฮึ ตัวเองเข้างานก็สาย พี่หุงข้าวอุ่นกับข้าวทานเองได้” เมธีพูดกับเธอ ขณะยืนอยู่หน้าตู้กระจกเครื่องแป้ง กำลังติดกระดุมเสื้อพร้อมใส่เนคไทขยับ ๆ ให้มันเข้าที่ ก่อนจะเดินมานั่งทานข้าวที่โต๊ะอาหารในครัว
“ไม่เป็นไรค่ะ นภาอยากทำให้พี่เมธี เดี๋ยวพี่เมธีเข้างานสายล่ะแย่เลย” พูดพร้อมยกกับข้าวมาวางไว้รอที่โต๊ะทานข้าว ตนเองยังไม่หิว แต่ก็นั่งคุยเป็นเพื่อนด้วย “เดี๋ยวพี่เมธีออกไปทำงานนภาก็กลับไปนอนแล้ว”
“ค่ะ!” ยิ้มให้ภรรยาสุดที่รัก ขอบคุณมาก ๆ นะคะ อย่างนี้ต้องมีรางวัล ภรรยาที่แสนดีที่สุด และรักมากที่สุดเลย” ก่อนจะตั้งใจทานข้าวต่อ
“แหม! ปากหวานจังเลยนะคะ” พร้อมมองค้อนให้เขาแบบตลก ชมซะเธอแทบลอยขึ้นบนอากาศ “นภาไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ นภาอยากทำให้พี่เมธี”
“ความจริงพี่เข้างานกี่โมงก็ได้นะ รู้มั้ยพี่เป็นใคร”
“เอ๋า พี่เมธียังไม่รู้จักตัวเองเลย แล้วนภาจะรู้มั้ยเนี่ย! ฮา” พูดพลางหัวเราะ “คนอะไรไม่รู้จักตัวเอง” ไม่เพียงแค่เธอที่นึกตลก เมธีเองก็ขำ เป็นเช้าที่สดใสเช่นเคย
“เออนั่นสิเนอะ พี่ก็ถามแปลก ฮา”
พรนภานั่งคุยไปด้วย เล่นโทรศัพท์ไปพร้อมตามประสา แอบมองเขาในชุดทำงานช่างดูเนี๊ยบมาก ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ นี่ถ้าพี่เมธีเป็นหัวหน้าเขตที่ทำงานของเธอนะ คงไม่มีใครกล้าพูดตลกด้วย ทว่าบุคลิกของเขาช่างต่างกับนิสัยเสียจริง และเมธีในตอนนี้ก็ช่างต่างกับเมธีในชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เหลือเกิน
“คุณพ่อไปทำงานแล้วนะจ๊ะ คุณแม่ก็ไปนอนต่อได้แล้วค่ะ” พร้อมสวมรองเท้าโบกมือลาหน้าประตูห้อง
“ม่าย! นภาจะให้ลูกของเราเรียกพี่เมธีว่าป่ะป๊า” พร้อมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงวันนั้น เมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึงสักที “เรียกนภาว่าคุณแม่ เรียกพ่อว่าป่ะป๊า”
“โอเคค่ะ งั้นคุณแม่กลับไปนอนได้แล้วค่ะ ป่ะป๊าไปทำงานก่อน เจอกันเย็นนี้นะคะ”
“ค่ะ บายค่ะ” พรนภาโบกมือส่งคืนให้ ทว่าเขาก็จะไม่ยอมเดินจากไปสักที “อะไรคะพี่เมธีสายแล้วเนี่ย” ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ จะเล่นอะไรอีกไม่ยอมไปทำงานสักที รู้แล้วน่าว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท แต่มันก็ไม่ควรต้องเข้างานสายมั้ยถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริง ๆ
“คุณแม่พรนภาลืมให้อะไรป่ะป๊าหรือเปล่าคะ” พร้อมทำแก้มป่องขึ้นมาข้างขวา
“นึกว่าอะไร ค่ะ มาให้คุณแม่จุ๊บทีนึง” เมธีย่อตัวลงนิดหน่อย ส่วนเธอเขย่งเท้าเข้าไปหอมแก้วส่งเขาไปทำงาน “ลูกเล่นเยอะจริง ๆ นะพี่เมธี” พูดในใจพร้อมยืนมองเขาเดินเข้าลิฟต์ จึงปิดประตูห้องล้มตัวลงนอนต่อ ทว่ามันไม่หลับแล้ว ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นว่านอนไม่พอสักคำ เต็มใจทำทุกอย่างให้กับเขา เหมือนที่เขาเต็มใจทำทุกอย่างให้กับเธอนั่นเอง
ตอนเย็นเลิกงานเมธีกลับถึงห้องก่อนเธอในทุก ๆ วัน และกับข้าวมื้อเย็นเตรียมพร้อมไว้รอเธอเสมอ ๆ แม้เธออาจจะทานด้วยหรือไม่ก็ตาม กับข้าวทุกอย่างพร้อมไว้รอเสมอ นอกเสียจากวันนี้พวกเธอตกลงกันว่าจะไปทานข้าวข้างนอก ถึงจะไม่ต้องเตรียมไว้รอ
“พี่เมธีนภาอยากทานก๋วยเตี๋ยว ไม่ต้องทำกับข้าวรอนะ” เธอส่งไลน์หาสามี เกรงว่าเขาจะทำไว้รอ
“ค่ะ คุณแม่ ป่ะป๊าคิดถึงนะคะ” ข้อความส่งกลับมาอย่างไว พรนภายิ้มเขินให้หน้าจอโทรศัพท์ ไม่ว่าจะกี่ปีกี่เดือนกี่ พ.ศ.ที่อยู่ด้วยกัน คำพูดและการกระทำของเขาไม่เคยเก่าเลย ยังทำให้เธอตื่นเต้นและเขินได้เป็นประจำ
“อย่าพึ่งเรียกคุณแม่ป่ะป๊ากันเลยค่ะพี่เมธี โบราณเค้าถือนะ รอให้มีเบบี๋จริง ๆ ก่อนเถอะ”
“ค่ะ ว่าแต่กินเตี๋ยวร้านไหนอ่ะ”
“ร้านเดิมค่ะ น้ำชุปพี่เค้าเข้มค้นอร่อยดีนภาชอบ”
“ตามนั้นค่ะ “ ช่วงพักเที่ยงพวกเธอแชทคุยกันอยู่นาน รู้สึกสุขใจมากที่ชีวิตนี้มีเมธีเข้ามาเติมเต็ม ต่างจากค่อนชีวิตหนึ่งที่อยู่กับคนเก่า อย่าไปนึกถึงคนอื่นเลย ตอนนี้แค่ชีวิตของเธอมีความสุขทุกลมหายใจเข้าออกก็พอ
หนึ่งทุ่มกว่า ๆ ของวันนี้ พวกเธอสองคนออกมาทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของพรนภา เลือกนั่งโต๊ะด้านในสุด เช่นเดิมพรนภาขอบริการเขาเอง ให้เมธีนั่งอยู่เฉย ๆ ถึงแม้จะมีเสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็ไม่นึกรำคาญหูเลยสักนิด ร้านนี้พวกเธอก็มาเป็นลูกค้าประจำ จนพ่อค้าจำหน้าได้ และยิ้มทักทาย พ่อค้าก็ยังลังเลอยู่เช่นเดิมจะเรียกน้องหรือพี่ดี ดูท่าอายุน่าจะพอ ๆ กัน
“ใจจริงนภาก็ยังไม่พร้อมในปีนี้นะคะ แต่ก็ไม่ขัดใจพี่เมธี ถ้าลูกมาปีหน้าจะดีมาก แต่มาปีนี้ก็ได้ค่ะนภาพร้อมเป็นคุณแม่” พรนภาบอกจุดประสงค์ความตั้งใจจริงของตนเองแก่สามี
ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ข้างทาง แค่นี้ก็สร้างความสุขให้กับพวกเธอสองคนมาก เลิกงานเมธีถอดหน้ากากของหัวหน้าทิ้งไป เป็นคนธรรมดา ๆ เดินดินคนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งถ้าอยู่ในร้านเหล้า หากบอกว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดคงยากที่จะเชื่อ
“พี่ 49 แล้วนา ไม่เกรงใจอายุพี่หน่อยเหรอ”
“เอ๋า นภาก็ไม่ได้คุมให้แล้วนะคะ ถ้ามานภาก็พร้อม แต่พร้อมจริง ๆ คือปีหน้า”
“เราไปดูบ้านกันมั้ยคะ เอาไว้ให้พี่เค้ามาอยู่เล่นกับน้องด้วยไง อือ พี่ชื่อลิพูลให้น้องชื่ออะไรดีอ่ะ”
“พิวพิลดีมั้ยคะ”
“น้องรูม่านตาเหรอคะ ฮา” เมธีพูดจบเท่านั้นแหละ พวกเธอสองคนก็ฮา ทว่าต้องเก็บอาหารเอาไว้ นี่ไม่ได้อยู่คอนโดของตนเองจะแหกปากเสียงดังไม่ได้
“ฮ่า พี่เมธีอ่ะว่าลูก งั้นเอาน้องชมพูดีกว่า น้องพี่ลิพูลไง อือ เรื่องบ้านเหรอ นภาอยากคุยกับพี่เมธีเรื่องนี้พอดี เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ชื่อน้องชมพูเด็กหญิงชลาลัย สิมะสุวรรณ ดีมั้ยคะ”
“ถ้าเกิดเป็นลูกชายล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ ยังไม่คิด ถ้าเกิดเป็นลูกชายจริง ๆ ยกให้พี่เมธีตั้งชื่อเลย ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น”
“ตกลงค่ะ สัญญาแล้วนะ ห้ามลืมล่ะ พอถึงวันนั้นกลัวแต่ว่า นภาชอบชื่อนี้! นภาจะเอาชื่อนี้ล่ะ” ยิ้มให้เธอก่อนจะซดน้ำก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“เอ๋า พี่เมธีกะดาย เออ ๆ ให้ถึงวันนั้นก่อนเหอะ กลัวเด้กลัวได้ลูกชายนี่ล่ะ เวลาฝันเห็นเด็กนภาชอบฝันเห็นแต่เด็กผู้ชาย เคยฝันเห็นเด็กผู้หญิงครั้งเดียว แต่นานละ นอกนั้นเป็นเด็กผู้ชายหมดเลย แต่ไม่เคยอุ้มขึ้นมาหรอกนะ มันคลานมาหานภาน้อ นภาถีบแมร่งกระเด็นไปไกลมาก! ฮา” เล่าความฝันให้เมธีฟัง ก็นึกขำที่ตนเองฝันเห็นเด็ก ทว่าไม่ยอมอุ้มแถมยังถีบส่งอีก
“นั่นไง ๆ ลูกก็เลยไม่ได้มาเกิดสักที คืนนี้ต้องอุ้มเค้าขึ้นมานะคะ ถ้าฝันอีกอ่ะ”
“มีอีกคืนนะ เคยฝันว่าแม่จะเอาแหวนให้ แม่พี่เมธีแหละ นภาบอกไม่เอาค่ะแม่ แหวนนภามีอยู่ว่าซ้าน ฮ่า ก็แหวนของเรานี่ไง” พรนภาทั้งเล่าทั้งหัวเราะ พร้อมชูแฟนที่เมธีซื้อให้ สวมให้ครั้งไปเทอมินอลพัทยา “ในฝันอ่ะนภาสวมแหวนของเราอยู่ คือจิตใต้สำนึกของนภาในฝันมันนึกถึงพี่เมธีว่า ห้ามถอดแหวนของเราเด็ดขาด ถ้าไม่แยกทางกันก็ห้ามถอดไง แล้วแบบในฝันนภามีแหวนแล้วไรงี้ เลยไม่รับกับแม่”
“คืนนี้พ่อแม่พี่ พ่อแม่นภา ยาย ให้แหวนอ่ะให้รีบรับเลยนะ แล้วอย่าเผลอถีบลูกพี่กระเด็นอีกล่ะ ฮ่า โห่ อดเป็นคุณพ่อลูกสองลูกสามลูกสี่เลยไอ้เมธี”
“เยอะและ ๆ คนเดียวก็พอมั้ง!” พร้อมสายตามองบนเข้าให้
“สอง” ไม่พูดเฉยเมธีชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาพร้อมกัน
พรนภาปรายตามองสามีคราวพ่อ นึกในใจฝันไปเถอะพี่เมธี นภายังไม่พร้อม ปีหน้าแล้วกัน แต่ถ้าลูกมาก่อนเธอก็พร้อมเสมอ
พวกเธอนั่งทานก๋วยเตี๋ยวไปด้วยคุยกันไปพร้อม ร้านต้องปิดก่อนสามทุ่ม ทว่าตอนนี้แค่ทุ่มกว่า ๆ เอง เมธีสั่งเพิ่มอีกชาม ส่วนเธอชามเดียวก็จะทานไม่หมด
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม มีแต่คนเท่านั้นแหละที่ทำให้มันน่ากลัว และเจ็บปวด...
จบบท...