.
https://pantip.com/topic/40906234….บทที่ 55
หกโมงเช้าได้ยินเสียงพระตีระฆัง ไม่รู้เลยว่าวัดอยู่ตรงไหน พรนภารู้สึกตัวลืมตาตื่นท่ามกลางความมืดสลัว ๆ ของห้อง หันไปมองคนข้าง ๆ ยังหลับสนิทอยู่เลย ยกมือของสามีที่กอดตนเองออก กะจะลุกมารับบรรยากาศเย็น ๆ ยามเช้าสักหน่อย
“ไปไหนคะ” คนนอนหลับพูด เพราะเธอขยับตัวจึงทำให้ตื่น พร้อมกระชับกอดเข้าไปอีก
“นอนเลย ๆ ตัวเอง นอนต่อเลยค่ะพี่เมธี นภาขอตื่นไปรับอากาศเย็น ๆ ยามเช้าสักหน่อย” ยกแขนของเมธีออก ลุกขึ้นเปิดประตูออกมานั่งที่โต๊ะหน้าระเบียงห้อง อากาศที่นี่ตอนหกโมงเช้าเย็นสบายเหลือเกิน อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืน เสียงน้ำตกจากฝายดังให้ได้ยินทำให้ยิ่งเหมือนบรรยากาศแห่งชนบทบ้านนามาก ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย เหมือนอยู่ท้องทุ่งนาก็มิปาน
เธอนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องพัก อากาศเย็นสบาย นั่งเล่นโทรศัพท์รับลมเย็น ๆ ไป บรรยากาศเงียบสงบ ได้ยินเสียงนกร้องและเสียงน้ำตก เสียดายที่พี่เมธีติดงาน ลาได้น้อยวัน ไม่อย่างนั้นงอแงอยู่ต่ออีกสักคืนแล้ว นั่งรับอากาศเย็น ๆ ท่ามกลางความง่วงนอนนั่นแหละ ปกติตื่นหกโมงเช้ามาหุงข้าวอุ่นกับข้าวให้พี่เมธีประจำ มันก็ไม่ชินสักวัน ตื่นมายังง่วงแบบนี้เสมอ
“มานอนค่ะ จะตื่นเช้าไปไหนเนี่ย” เสียงที่คุ้นหูดังมาจากในห้อง เธอหันไปมองเผยยิ้มให้กับภาพที่เห็น เมธียืนหรี่ตาพิงประตูมองเธอพร้อมบอกให้กลับเข้าไปนอนต่ออีก
“พี่เมธีออกมานั่งตรงนี้เร็วมา อากาศเย็นสบายมากเด้อ เค้าอยากอยู่ต่ออีกสักคืนอ่ะ” ไม่ยอมกลับเข้าไปนอน ดื้อที่จะนั่งรับอากาศต่อไป
“ไม่เอาอ่ะ พี่จะกลับเข้าไปนอนแล้ว”
เธอเผยยิ้มให้กับคนแก่ขี้เซา เอ็นดูกับภาพของสามีมาก ๆ หัวเราะให้ “แล้วลุกมาทำไม ทำไมไม่นอนต่อล่ะ”
“ลุกมาตามคนกลับไปนอนกอดหนิ”
“กลับไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวนภาตามไปค่ะ ขอนั่งรับอากาศเย็น ๆ ต่อสักหน่อย เดี๋ยวนภาตามเข้าไปนะ” พูดกลั้วยิ้มให้เขา จากนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจ นั่งเลื่อนดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย ส่วนเขากลับเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย ท่าจะง่วงนึกตลกอยู่คนเดียว แล้วจะตื่นมาตามทำไม
ลุกเดินไปถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้อยู่คนเดียว ดูนาฬิกาเจ็ดโมงแล้วจึงเข้าไปนอนต่อ กะว่าสักแปดโมงเช้าค่อยตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ค่อยชวนพี่เมธีไปนั่งทานกาแฟของรีสอร์ตกัน กับข้าวก็มีให้เลือกทานมากมาย และ ที่สำคัญเธอยังไม่ทันได้เก็บภาพที่ร้านกาแฟของรีสอร์ตเลย มาทั้งทีมันจะไม่ได้เก็บภาพกับชื่อรีสอร์ตไม่ได้หรอก มันผิดคอนเซปต์ของเธอ
“เขยิบหน่อย นภานอนด้วย” สะกิดเมธีให้ขยับไปนิดหน่อย เธอขอนอนต่อด้วย จากที่ออกไปสูดอากาศจนหนำใจแล้ว
คนกำลังนอนอยู่ขยับ ๆ ออกแบบไม่ลืมตา พร้อมอ้าแขนรับตัวของเธอ “ไม่เอานภาจะนอนตรงนี้” เจ้าตัวก็ไม่ยอม ยังอ้าแขนเตรียมกอดอยู่อย่างนั้น สุดท้ายเธอก็จำใจนอนหนุนแขนของเขา พอเธอนอนลงเขาก็กระชับกอดไว้แน่น ยกขาขึ้นมาก่ายไปอีก เธอก็ไม่ว่าอะไรปล่อยให้กอดและก่ายตนเองอยู่อย่างนั้น เพราะความง่วงที่ตื่นแต่เช้าเกิน ทำให้ผล็อยหลับไปได้โดยไม่ยากเย็น
เสียงนาฬิกาปลุกตอนแปดโมงเช้าอีกครั้ง พรนภาตื่นอย่างไม่อิดออด และ ไม่คิดจะปลุกคนข้าง ๆ ด้วย ปล่อยให้นอนแบบนี้ไปก่อน ส่วนตนเองจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กะว่าแต่งตัวเสร็จค่อยจะปลุกสามีให้ตื่นก็ได้ เพราะ พี่เมธีแต่งตัวเร็วอยู่แล้ว ส่วนเธอต้องละเอียดสักหน่อยล่ะในการแต่งตัว
ปิดเสียงนาฬิกาปลุกลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่เปิดโล่ง หลังคามุงด้วยท้องฟ้า ทว่าปลอดภัยไม่มีใครมาแอบปีนดูแน่นอน สายน้ำอุ่น ๆ พร้อมอากาศเย็น ๆ แปดโมงเช้าอากาศที่นี่ยังเย็นอยู่ สบายตัวเหลือเกิน ร้องเพลงเต้นประกอบไปด้วยอย่างมีความสุข นึก ๆ แล้วก็เสียดาย อยากอยู่ต่ออีกสักคืนคงจะดี
พอหันมาตกใจเห็นเมธียืนอยู่มุมบันไดทางลงมาห้องน้ำ แถมยังหัวเราะให้เธออีก จะขำอะไรแค่คนร้องเพลงแล้วก็เต้นเท่านั้นเอง ตลกตรงไหน เธออาบน้ำเสร็จพอดีจึงคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง เตรียมจะเดินขึ้นห้อง
“อาบน้ำเสร็จและ ! ว่าจะมาอาบด้วยหนิ” เมธีพูด นุ่งผ้าเช็ดตัวพร้อมที่จะอาบน้ำต่อจากเธอ เดินลงมาเข้าห้องน้ำด้วย
“ใครใช้ให้พี่เมธีตื่นสายล่ะ เค้าอาบเสร็จแล้ว รีบอาบรีบแต่งตัวเลย นภาจะไปร้านกาแฟของรีสอร์ตเนี่ย หิวตะแพ ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะด้วยความสุข ถึงจะมาแค่นี้ก็มีความสุขที่สุด ทำเป็นออกเสียงเพี้ยนให้มันดูตลกไปอีก
“หืย ! ค่า บอกตัวเองน่ะ รีบ ๆ แต่งตัว พี่เสร็จแป๊บเดียว”
“เอ๋า ! ไม่งั้นจะเรียกว่าผู้หญิงกับผู้ชายบ่ ฮ่วย อาบน้ำไปเลย เค้าไปแต่งตัวแล้ว” พูดจบเดินสะบัดผมขึ้นห้องไป รีบแต่งตัวสวมเสื้อผ้าให้แล้วเสร็จ ไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
เมื่อทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปร้านกาแฟของรีสอร์ต มีเมนูกับข้าวและกาแฟมากมายให้เลือกสรร ไม่แพ้ร้านคาเฟ่ข้างนอกเลย เสียอย่างเดียวไม่มีเค้กกับขนมปังเท่านั้น
“พี่เมธีเอาข้าวต้มมั้ย “ เธอถามพร้อมเปิดดูเมนูไปด้วย
“ไม่ค่ะ ขอเอสร้อนแล้วกัน” เขาตอบ
“อือ… มีเค้กมั้ยคะ” เธอถามเจ้าของรีสอร์ตที่รอรับออเดอร์จากพวกเธออยู่
“ไม่มีค่ะ มีเพียงพวกชากาแฟและพวกกับข้าว” เจ้าของรีสอร์ตตอบอย่างเป็นมิตร
“งั้นหนูเอาแค่ลาเต้เย็นกับเอสร้อนก็พอค่ะ พี่เมธีไม่เอาข้าวแน่นะ” มิวายหันไปถามสามีคราวพ่ออีกรอบ เป็นห่วงเกรงว่าจะหิว ส่วนเธอสบาย ๆ อยู่แล้ว เจ้าของรีสอร์ตปรายตามองด้วยรอยยิ้ม คงจะแอบสงสัยอยู่ในที คงไม่คิดว่าจะเป็นสามีภรรยากัน น่าจะคิดไปว่าเด็กกับเสี่ยไปนู่นแหละ
อยากจะอธิบายมากว่าสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายค่ะ ไม่ได้แย่งใครมา ไม่ได้เป็นเมียน้อยของใคร ทว่าก็ไม่จำเป็น แล้วแต่พวกเขาจะมอง เจ้าของรีสอร์ตมองแล้วยิ้มให้ก่อนจะไปชงกาแฟมาให้ส่วนเมธีเองก็ไม่ได้อะไร ปรายตามองเธอพร้อมยิ้มให้อีก รอยยิ้มนั้นบอกเป็นนัย ๆ ด้วยความตลก เธอเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว ชินแล้วกับสายตาแบบนี้
ระหว่างรอมีหรือพรนภาจะให้เสียเวลาเปล่า “พี่เมธีถ่ายรูปให้นภาหน่อย “ ยิ้มแฉ่งให้สามี และ มีหรือเขาจะปฏิเสธ
“โอเคค่ะ เริ่ม ! ฮา “ พูดกลั้วยิ้มอย่างรู้งาน จากนั้นพวกเธอก็ลุกเดินหาถ่ายรูปรอบ ๆ บริเวณร้านกาแฟนี่แหละ ระหว่างรอกาแฟมาเสิร์ฟก็ได้ไปหลายภาพอยู่เหมือนกัน
“พี่เมธีสักรูปมั้ยคะ” เธอถาม เจ้าตัวส่ายหัวปฏิเสธ มีหรือเธอจะยอม ! “ไม่ได้หรอก ! ถ้านภาจะให้พี่เมธีถ่ายรูปพี่เมธีก็ต้องถ่าย หึหึ” พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพของสามีรุ่นพ่อสักหน่อย
เจ้าตัวหัวเราะ เอ็นดูกับความเป็นเด็กและความน่ารักของภรรยารุ่นลูกคนนี้นัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากตนปฏิเสธอย่างไรเสียพรนภาก็แอบถ่ายรูปทีเผลออยู่ดี จึงไม่ได้อะไร ไม่ได้ตกใจอะไรด้วย ปล่อยให้ถ่ายรูปของตนได้ตามสบาย
“ผีบ้าเอ้ย ! ฮา “
“ฮ่วย…กะยาดิ๊ พุ่นน่ะออกจะพุดี ฮา” หัวเราะให้กับเขา ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปให้แบบไม่ให้จัดท่าทางอะไรเลย พร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูผลงานด้วย “มันต้องมีรูปสักหน่อยดิพี่เมธี อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งทีเนอะ “
“นู่นกาแฟมาแล้วค่ะ ปะกลับไปนั่งในร้านเถอะ”
“เคค่ะ !” จากนั้นพวกเธอก็กลับเข้ามานั่งดื่มกาแฟภายในร้าน นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จิบกาแฟไปด้วย “พี่เมธีพานภาแวะอีกสักที่ได้มั้ยคะ” เธอถามแบบหยั่งเชิง กลัวคนขับรถจะรำคาญเอา
“อยากไปที่ไหนคะ “ เขาจิบกาแฟร้อนพร้อมปรายตามองเธอเป็นเชิงคำถาม
“ไม่รู้ ! นภายังไม่หาข้อมูลเลย แค่ใจมันอยากไปต่ออ่ะ ยังไม่อยากกลับ”
“เอ๋า ไปไสต่อน้อบาดหนิ “ เผยยิ้มให้แฟนสาว นาทีนี้ขอตามใจทุกอย่างแล้วกัน อะไรที่พอทำให้ได้ทำให้อยู่แล้ว ไม่เสียเวลาเดินทางกลับด้วย พาแวะได้อยู่แล้ว “น้องก็เสิร์ชหาซี่ เหมือนเคย ๆ หาร้านกาแฟไง”
“พี่เมธี ! ประชดเค้าบ่ อย่าเด้อ ๆ ฮ่วย” กลอกตามองบนให้
“เปล่า ๆ ฮา “ พูดกลั้วยิ้ม รอยยิ้มนั้น สายตาที่มองมาช่างละมุนและอบอุ่นยิ่งนัก ไม่มีเลยที่จะดุหรือว่าหรือทำสายตาแข็งกร้าวให้ ไม่มีเลย “ใครจะไปกล้าประชดเมียน้อสู”
“ก็เมื่อกี้ใครพูด !”
“ใครพูดอะไรล่ะ เค้าไม่ได้พูดเด้อ ฮา “ พวกเธอสองคนทะเลาะกันแบบตลก ๆ ภายในร้านกาแฟ พอทานหมดจึงเดินกลับห้องพัก และ เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ได้มาแค่นี้ก็ดีใจและมีความสุขแล้ว ก่อนกลับไม่ลืมที่จะเดินไปบอกเจ้าของรีสอร์ตด้วย
“รอบหน้ามาอีกเนอะ มาหลายวันกว่านี้หน่อย” เขาพูดขึ้นมา เธอปรายตามองด้วยความดีใจ ดีใจตรงที่เขาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนนี่แหละ เพราะแต่ละสถานที่ ๆ ไปเที่ยว เป็นเธอเองทั้งนั้นเป็นคนชวนก่อน เธอโชคดีตรงที่เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะพาไปเลยนี่แหละ ถึงจะไม่เคยเอ่ยปากชวนก่อนก็ตาม
“ชอบใช่มั้ยล๊า โอเค ! ทริปเขาใหญ่พอแค่นี้ค่ะพี่เมธี ปีหน้าเราค่อยมาใหม่เนอะ แต่ว่าหนาวที่จะถึงนี้เราไปเขาค้อกันน้อ นภาอยากไป” เธอพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเช่นกัน
เขายักคิ้วตอบตลก ยิ่งทำให้เธอมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก ที่เขาไม่เคยปฏิเสธหรือคัดค้านความสุขของเธอเลย พวกเธอเข้าใจธรรมชาติและความเป็นตัวตนของกันและกัน เธอชอบเที่ยว ชอบแบบนี้เขาก็ตามใจตลอด ส่วนเขาเองเธอก็ไม่เคยจะห้ามถ้าคิดอยากทำอะไร
“ทริปเขาใหญ่ปีหน้าเราต้องมีสมาชิกมาเพิ่มนะคะ” เขาหันมายิ้มให้ขณะขับรถกลับ
“แน่นอน ! อิอิ” เธอตกลงแต่โดยดี ยังไม่มีวี่แววของสมาชิกใหม่ด้วยซ้ำ “แต่ว่าปลายเดือนที่จะถึงนี้ถ้าว่างพาเค้าไปทำบุญด้วยนะ เข้าใจมั้ยพี่เมธี ! หึหึ” หันมาค่อนขอดให้ เขาหัวเราะเมื่อสักครู่ยังยิ้มอยู่เลย พอพูดถึงเรื่องนี้หน้างอซะอย่างนั้น
“ว่างอยู่แล้วค่ะ จะไปวัดไหนล่ะ แต่ว่าถ้าแบบพี่ไม่ว่างตรงวันเลยน้องจะโกรธพี่มั้ย” เขาถามด้วยแววตาจริงจัง นึกเอ็นดูกับความระแวงของเขานัก รู้ว่าไม่เคยขัดใจเลย
“ไม่เป็นไร ! วันจริงนภาก็ไม่ว่างค่ะ แต่ว่าก็อย่าเลยไปไกลหลายน้อ ก็อยากมีโมเมนต์ย้อนหลัง 28 ขวบไรงี้ พูดถึงให้ย้อนหลังไป 31 วันก็ไม่ไหวนะคะ “ พูดประชด ทว่าหากจะเป็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เธอทำใจรับความผิดหวังไว้แล้วล่ะ เพราะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของกันและกันอยู่แล้ว ไม่ว่างก็คือไม่ว่าง
“พี่ดู ๆ วันว่างแล้วน่าจะเลยแค่วันเดียวนะคะ แต่ก็ต้องดูก่อนนะถึงวันนั้นจะว่างหรือเปล่า ป๊าด ! 28 ขวบแล้วบ่ ฮักมาตั้งแต่น้อย ๆ จนใหญ่ จน 28 ขวบละ ฮา “ เขาพูดล้อ เรียกเสียงหัวเราะของเธอกับเขาได้เป็นอย่างดี
“เอ๋า ! 28 ขวบตั้วน้อ พี่เมธีกี่ขวบแล้วล่ะ ฮา “
“ถามแบบนี้เลิกกันมั้ยคะ ฮา “ พูดพร้อมหัวเราะและยกมือขึ้นมาลูบผมของเธอ ก่อนจะปล่อยมือมาขับรถต่อ พวกเธอพูดคุยกันไปตามทางกลับบ้าน หลังจากนี้เธอสัญญาว่าจะไม่อ้อนไปไหน จนกว่าจะถึงวันเกิด อยากไปทำบุญ มีวัดในใจแล้วล่ะ ไว้ให้ถึงวันก่อนแล้วกัน
“โถ่ ! ถามก็ไม่ได้ กี่ขวบนภาก็รัก อิอิ พี่เมธีเค้าขอบคุณนะที่พาเค้ามาเที่ยวจนได้อ่ะ “ หันไปพูดกับเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ตุลาเขาค้อนะ “
ฝันหวาน (Sweet Dream) 56
.
https://pantip.com/topic/40906234….บทที่ 55
หกโมงเช้าได้ยินเสียงพระตีระฆัง ไม่รู้เลยว่าวัดอยู่ตรงไหน พรนภารู้สึกตัวลืมตาตื่นท่ามกลางความมืดสลัว ๆ ของห้อง หันไปมองคนข้าง ๆ ยังหลับสนิทอยู่เลย ยกมือของสามีที่กอดตนเองออก กะจะลุกมารับบรรยากาศเย็น ๆ ยามเช้าสักหน่อย
“ไปไหนคะ” คนนอนหลับพูด เพราะเธอขยับตัวจึงทำให้ตื่น พร้อมกระชับกอดเข้าไปอีก
“นอนเลย ๆ ตัวเอง นอนต่อเลยค่ะพี่เมธี นภาขอตื่นไปรับอากาศเย็น ๆ ยามเช้าสักหน่อย” ยกแขนของเมธีออก ลุกขึ้นเปิดประตูออกมานั่งที่โต๊ะหน้าระเบียงห้อง อากาศที่นี่ตอนหกโมงเช้าเย็นสบายเหลือเกิน อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืน เสียงน้ำตกจากฝายดังให้ได้ยินทำให้ยิ่งเหมือนบรรยากาศแห่งชนบทบ้านนามาก ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย เหมือนอยู่ท้องทุ่งนาก็มิปาน
เธอนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องพัก อากาศเย็นสบาย นั่งเล่นโทรศัพท์รับลมเย็น ๆ ไป บรรยากาศเงียบสงบ ได้ยินเสียงนกร้องและเสียงน้ำตก เสียดายที่พี่เมธีติดงาน ลาได้น้อยวัน ไม่อย่างนั้นงอแงอยู่ต่ออีกสักคืนแล้ว นั่งรับอากาศเย็น ๆ ท่ามกลางความง่วงนอนนั่นแหละ ปกติตื่นหกโมงเช้ามาหุงข้าวอุ่นกับข้าวให้พี่เมธีประจำ มันก็ไม่ชินสักวัน ตื่นมายังง่วงแบบนี้เสมอ
“มานอนค่ะ จะตื่นเช้าไปไหนเนี่ย” เสียงที่คุ้นหูดังมาจากในห้อง เธอหันไปมองเผยยิ้มให้กับภาพที่เห็น เมธียืนหรี่ตาพิงประตูมองเธอพร้อมบอกให้กลับเข้าไปนอนต่ออีก
“พี่เมธีออกมานั่งตรงนี้เร็วมา อากาศเย็นสบายมากเด้อ เค้าอยากอยู่ต่ออีกสักคืนอ่ะ” ไม่ยอมกลับเข้าไปนอน ดื้อที่จะนั่งรับอากาศต่อไป
“ไม่เอาอ่ะ พี่จะกลับเข้าไปนอนแล้ว”
เธอเผยยิ้มให้กับคนแก่ขี้เซา เอ็นดูกับภาพของสามีมาก ๆ หัวเราะให้ “แล้วลุกมาทำไม ทำไมไม่นอนต่อล่ะ”
“ลุกมาตามคนกลับไปนอนกอดหนิ”
“กลับไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวนภาตามไปค่ะ ขอนั่งรับอากาศเย็น ๆ ต่อสักหน่อย เดี๋ยวนภาตามเข้าไปนะ” พูดกลั้วยิ้มให้เขา จากนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจ นั่งเลื่อนดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย ส่วนเขากลับเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย ท่าจะง่วงนึกตลกอยู่คนเดียว แล้วจะตื่นมาตามทำไม
ลุกเดินไปถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้อยู่คนเดียว ดูนาฬิกาเจ็ดโมงแล้วจึงเข้าไปนอนต่อ กะว่าสักแปดโมงเช้าค่อยตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ค่อยชวนพี่เมธีไปนั่งทานกาแฟของรีสอร์ตกัน กับข้าวก็มีให้เลือกทานมากมาย และ ที่สำคัญเธอยังไม่ทันได้เก็บภาพที่ร้านกาแฟของรีสอร์ตเลย มาทั้งทีมันจะไม่ได้เก็บภาพกับชื่อรีสอร์ตไม่ได้หรอก มันผิดคอนเซปต์ของเธอ
“เขยิบหน่อย นภานอนด้วย” สะกิดเมธีให้ขยับไปนิดหน่อย เธอขอนอนต่อด้วย จากที่ออกไปสูดอากาศจนหนำใจแล้ว
คนกำลังนอนอยู่ขยับ ๆ ออกแบบไม่ลืมตา พร้อมอ้าแขนรับตัวของเธอ “ไม่เอานภาจะนอนตรงนี้” เจ้าตัวก็ไม่ยอม ยังอ้าแขนเตรียมกอดอยู่อย่างนั้น สุดท้ายเธอก็จำใจนอนหนุนแขนของเขา พอเธอนอนลงเขาก็กระชับกอดไว้แน่น ยกขาขึ้นมาก่ายไปอีก เธอก็ไม่ว่าอะไรปล่อยให้กอดและก่ายตนเองอยู่อย่างนั้น เพราะความง่วงที่ตื่นแต่เช้าเกิน ทำให้ผล็อยหลับไปได้โดยไม่ยากเย็น
เสียงนาฬิกาปลุกตอนแปดโมงเช้าอีกครั้ง พรนภาตื่นอย่างไม่อิดออด และ ไม่คิดจะปลุกคนข้าง ๆ ด้วย ปล่อยให้นอนแบบนี้ไปก่อน ส่วนตนเองจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กะว่าแต่งตัวเสร็จค่อยจะปลุกสามีให้ตื่นก็ได้ เพราะ พี่เมธีแต่งตัวเร็วอยู่แล้ว ส่วนเธอต้องละเอียดสักหน่อยล่ะในการแต่งตัว
ปิดเสียงนาฬิกาปลุกลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่เปิดโล่ง หลังคามุงด้วยท้องฟ้า ทว่าปลอดภัยไม่มีใครมาแอบปีนดูแน่นอน สายน้ำอุ่น ๆ พร้อมอากาศเย็น ๆ แปดโมงเช้าอากาศที่นี่ยังเย็นอยู่ สบายตัวเหลือเกิน ร้องเพลงเต้นประกอบไปด้วยอย่างมีความสุข นึก ๆ แล้วก็เสียดาย อยากอยู่ต่ออีกสักคืนคงจะดี
พอหันมาตกใจเห็นเมธียืนอยู่มุมบันไดทางลงมาห้องน้ำ แถมยังหัวเราะให้เธออีก จะขำอะไรแค่คนร้องเพลงแล้วก็เต้นเท่านั้นเอง ตลกตรงไหน เธออาบน้ำเสร็จพอดีจึงคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง เตรียมจะเดินขึ้นห้อง
“อาบน้ำเสร็จและ ! ว่าจะมาอาบด้วยหนิ” เมธีพูด นุ่งผ้าเช็ดตัวพร้อมที่จะอาบน้ำต่อจากเธอ เดินลงมาเข้าห้องน้ำด้วย
“ใครใช้ให้พี่เมธีตื่นสายล่ะ เค้าอาบเสร็จแล้ว รีบอาบรีบแต่งตัวเลย นภาจะไปร้านกาแฟของรีสอร์ตเนี่ย หิวตะแพ ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะด้วยความสุข ถึงจะมาแค่นี้ก็มีความสุขที่สุด ทำเป็นออกเสียงเพี้ยนให้มันดูตลกไปอีก
“หืย ! ค่า บอกตัวเองน่ะ รีบ ๆ แต่งตัว พี่เสร็จแป๊บเดียว”
“เอ๋า ! ไม่งั้นจะเรียกว่าผู้หญิงกับผู้ชายบ่ ฮ่วย อาบน้ำไปเลย เค้าไปแต่งตัวแล้ว” พูดจบเดินสะบัดผมขึ้นห้องไป รีบแต่งตัวสวมเสื้อผ้าให้แล้วเสร็จ ไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
เมื่อทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปร้านกาแฟของรีสอร์ต มีเมนูกับข้าวและกาแฟมากมายให้เลือกสรร ไม่แพ้ร้านคาเฟ่ข้างนอกเลย เสียอย่างเดียวไม่มีเค้กกับขนมปังเท่านั้น
“พี่เมธีเอาข้าวต้มมั้ย “ เธอถามพร้อมเปิดดูเมนูไปด้วย
“ไม่ค่ะ ขอเอสร้อนแล้วกัน” เขาตอบ
“อือ… มีเค้กมั้ยคะ” เธอถามเจ้าของรีสอร์ตที่รอรับออเดอร์จากพวกเธออยู่
“ไม่มีค่ะ มีเพียงพวกชากาแฟและพวกกับข้าว” เจ้าของรีสอร์ตตอบอย่างเป็นมิตร
“งั้นหนูเอาแค่ลาเต้เย็นกับเอสร้อนก็พอค่ะ พี่เมธีไม่เอาข้าวแน่นะ” มิวายหันไปถามสามีคราวพ่ออีกรอบ เป็นห่วงเกรงว่าจะหิว ส่วนเธอสบาย ๆ อยู่แล้ว เจ้าของรีสอร์ตปรายตามองด้วยรอยยิ้ม คงจะแอบสงสัยอยู่ในที คงไม่คิดว่าจะเป็นสามีภรรยากัน น่าจะคิดไปว่าเด็กกับเสี่ยไปนู่นแหละ
อยากจะอธิบายมากว่าสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายค่ะ ไม่ได้แย่งใครมา ไม่ได้เป็นเมียน้อยของใคร ทว่าก็ไม่จำเป็น แล้วแต่พวกเขาจะมอง เจ้าของรีสอร์ตมองแล้วยิ้มให้ก่อนจะไปชงกาแฟมาให้ส่วนเมธีเองก็ไม่ได้อะไร ปรายตามองเธอพร้อมยิ้มให้อีก รอยยิ้มนั้นบอกเป็นนัย ๆ ด้วยความตลก เธอเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว ชินแล้วกับสายตาแบบนี้
ระหว่างรอมีหรือพรนภาจะให้เสียเวลาเปล่า “พี่เมธีถ่ายรูปให้นภาหน่อย “ ยิ้มแฉ่งให้สามี และ มีหรือเขาจะปฏิเสธ
“โอเคค่ะ เริ่ม ! ฮา “ พูดกลั้วยิ้มอย่างรู้งาน จากนั้นพวกเธอก็ลุกเดินหาถ่ายรูปรอบ ๆ บริเวณร้านกาแฟนี่แหละ ระหว่างรอกาแฟมาเสิร์ฟก็ได้ไปหลายภาพอยู่เหมือนกัน
“พี่เมธีสักรูปมั้ยคะ” เธอถาม เจ้าตัวส่ายหัวปฏิเสธ มีหรือเธอจะยอม ! “ไม่ได้หรอก ! ถ้านภาจะให้พี่เมธีถ่ายรูปพี่เมธีก็ต้องถ่าย หึหึ” พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพของสามีรุ่นพ่อสักหน่อย
เจ้าตัวหัวเราะ เอ็นดูกับความเป็นเด็กและความน่ารักของภรรยารุ่นลูกคนนี้นัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากตนปฏิเสธอย่างไรเสียพรนภาก็แอบถ่ายรูปทีเผลออยู่ดี จึงไม่ได้อะไร ไม่ได้ตกใจอะไรด้วย ปล่อยให้ถ่ายรูปของตนได้ตามสบาย
“ผีบ้าเอ้ย ! ฮา “
“ฮ่วย…กะยาดิ๊ พุ่นน่ะออกจะพุดี ฮา” หัวเราะให้กับเขา ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปให้แบบไม่ให้จัดท่าทางอะไรเลย พร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูผลงานด้วย “มันต้องมีรูปสักหน่อยดิพี่เมธี อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งทีเนอะ “
“นู่นกาแฟมาแล้วค่ะ ปะกลับไปนั่งในร้านเถอะ”
“เคค่ะ !” จากนั้นพวกเธอก็กลับเข้ามานั่งดื่มกาแฟภายในร้าน นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จิบกาแฟไปด้วย “พี่เมธีพานภาแวะอีกสักที่ได้มั้ยคะ” เธอถามแบบหยั่งเชิง กลัวคนขับรถจะรำคาญเอา
“อยากไปที่ไหนคะ “ เขาจิบกาแฟร้อนพร้อมปรายตามองเธอเป็นเชิงคำถาม
“ไม่รู้ ! นภายังไม่หาข้อมูลเลย แค่ใจมันอยากไปต่ออ่ะ ยังไม่อยากกลับ”
“เอ๋า ไปไสต่อน้อบาดหนิ “ เผยยิ้มให้แฟนสาว นาทีนี้ขอตามใจทุกอย่างแล้วกัน อะไรที่พอทำให้ได้ทำให้อยู่แล้ว ไม่เสียเวลาเดินทางกลับด้วย พาแวะได้อยู่แล้ว “น้องก็เสิร์ชหาซี่ เหมือนเคย ๆ หาร้านกาแฟไง”
“พี่เมธี ! ประชดเค้าบ่ อย่าเด้อ ๆ ฮ่วย” กลอกตามองบนให้
“เปล่า ๆ ฮา “ พูดกลั้วยิ้ม รอยยิ้มนั้น สายตาที่มองมาช่างละมุนและอบอุ่นยิ่งนัก ไม่มีเลยที่จะดุหรือว่าหรือทำสายตาแข็งกร้าวให้ ไม่มีเลย “ใครจะไปกล้าประชดเมียน้อสู”
“ก็เมื่อกี้ใครพูด !”
“ใครพูดอะไรล่ะ เค้าไม่ได้พูดเด้อ ฮา “ พวกเธอสองคนทะเลาะกันแบบตลก ๆ ภายในร้านกาแฟ พอทานหมดจึงเดินกลับห้องพัก และ เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ได้มาแค่นี้ก็ดีใจและมีความสุขแล้ว ก่อนกลับไม่ลืมที่จะเดินไปบอกเจ้าของรีสอร์ตด้วย
“รอบหน้ามาอีกเนอะ มาหลายวันกว่านี้หน่อย” เขาพูดขึ้นมา เธอปรายตามองด้วยความดีใจ ดีใจตรงที่เขาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนนี่แหละ เพราะแต่ละสถานที่ ๆ ไปเที่ยว เป็นเธอเองทั้งนั้นเป็นคนชวนก่อน เธอโชคดีตรงที่เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะพาไปเลยนี่แหละ ถึงจะไม่เคยเอ่ยปากชวนก่อนก็ตาม
“ชอบใช่มั้ยล๊า โอเค ! ทริปเขาใหญ่พอแค่นี้ค่ะพี่เมธี ปีหน้าเราค่อยมาใหม่เนอะ แต่ว่าหนาวที่จะถึงนี้เราไปเขาค้อกันน้อ นภาอยากไป” เธอพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเช่นกัน
เขายักคิ้วตอบตลก ยิ่งทำให้เธอมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก ที่เขาไม่เคยปฏิเสธหรือคัดค้านความสุขของเธอเลย พวกเธอเข้าใจธรรมชาติและความเป็นตัวตนของกันและกัน เธอชอบเที่ยว ชอบแบบนี้เขาก็ตามใจตลอด ส่วนเขาเองเธอก็ไม่เคยจะห้ามถ้าคิดอยากทำอะไร
“ทริปเขาใหญ่ปีหน้าเราต้องมีสมาชิกมาเพิ่มนะคะ” เขาหันมายิ้มให้ขณะขับรถกลับ
“แน่นอน ! อิอิ” เธอตกลงแต่โดยดี ยังไม่มีวี่แววของสมาชิกใหม่ด้วยซ้ำ “แต่ว่าปลายเดือนที่จะถึงนี้ถ้าว่างพาเค้าไปทำบุญด้วยนะ เข้าใจมั้ยพี่เมธี ! หึหึ” หันมาค่อนขอดให้ เขาหัวเราะเมื่อสักครู่ยังยิ้มอยู่เลย พอพูดถึงเรื่องนี้หน้างอซะอย่างนั้น
“ว่างอยู่แล้วค่ะ จะไปวัดไหนล่ะ แต่ว่าถ้าแบบพี่ไม่ว่างตรงวันเลยน้องจะโกรธพี่มั้ย” เขาถามด้วยแววตาจริงจัง นึกเอ็นดูกับความระแวงของเขานัก รู้ว่าไม่เคยขัดใจเลย
“ไม่เป็นไร ! วันจริงนภาก็ไม่ว่างค่ะ แต่ว่าก็อย่าเลยไปไกลหลายน้อ ก็อยากมีโมเมนต์ย้อนหลัง 28 ขวบไรงี้ พูดถึงให้ย้อนหลังไป 31 วันก็ไม่ไหวนะคะ “ พูดประชด ทว่าหากจะเป็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เธอทำใจรับความผิดหวังไว้แล้วล่ะ เพราะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของกันและกันอยู่แล้ว ไม่ว่างก็คือไม่ว่าง
“พี่ดู ๆ วันว่างแล้วน่าจะเลยแค่วันเดียวนะคะ แต่ก็ต้องดูก่อนนะถึงวันนั้นจะว่างหรือเปล่า ป๊าด ! 28 ขวบแล้วบ่ ฮักมาตั้งแต่น้อย ๆ จนใหญ่ จน 28 ขวบละ ฮา “ เขาพูดล้อ เรียกเสียงหัวเราะของเธอกับเขาได้เป็นอย่างดี
“เอ๋า ! 28 ขวบตั้วน้อ พี่เมธีกี่ขวบแล้วล่ะ ฮา “
“ถามแบบนี้เลิกกันมั้ยคะ ฮา “ พูดพร้อมหัวเราะและยกมือขึ้นมาลูบผมของเธอ ก่อนจะปล่อยมือมาขับรถต่อ พวกเธอพูดคุยกันไปตามทางกลับบ้าน หลังจากนี้เธอสัญญาว่าจะไม่อ้อนไปไหน จนกว่าจะถึงวันเกิด อยากไปทำบุญ มีวัดในใจแล้วล่ะ ไว้ให้ถึงวันก่อนแล้วกัน
“โถ่ ! ถามก็ไม่ได้ กี่ขวบนภาก็รัก อิอิ พี่เมธีเค้าขอบคุณนะที่พาเค้ามาเที่ยวจนได้อ่ะ “ หันไปพูดกับเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ตุลาเขาค้อนะ “