ตอนที่แล้ว ตอนที่ 18
https://pantip.com/topic/40851502/comment7-3
ตอนที่ 19
ปรามลุกขึ้นรีบเดินมารับหนุ่มใหญ่ที่เปิดประตูเข้ามา ยกมือขึ้นสวัสดี แม้ว่าเขาและน้องจะขออยู่กับแม่เมื่อพ่อแม่หย่ากันแล้ว แต่ชายผู้นี้ยังคงทำหน้าที่ของความเป็นพ่อเสมอ คอยแนะนำและคอยช่วยเหลือตลอดมา
“สุขสันต์วันเกิดนะ ปราม” บิดายื่นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ห่อด้วยกระดาษของขวัญสีฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดของลูกชาย ซึ่งปีนี้จะอายุครบยี่สิบสามปีเต็มแล้ว
“ขอบคุณครับพ่อ” ปรามยกมือไหว้ก่อนยื่นมือไปรับกล่องของขวัญ พ่อไม่เคยลืมวันเกิดของเขาและน้อง แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ก็ตาม
“กิจการรีสอร์ทเป็นยังไงบ้าง” ปริวัฒน์มองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่เคยทำให้ต้องเป็นห่วงเลย และเป็นความภาคภูมิใจของเขาเสมอ
“พอเป็นไปครับ พ่อสบายดีไหมครับ” เขามองหน้าบิดาที่ดูซูบผอมไป
“พ่อสบายดี” เขายกมือตบต้นแขนลูกชาย
“งานยุ่งไหมครับ” ปรามรู้ว่า นับวันคนไข้เกี่ยวกับโรคสมองขาดเลือดจะเพิ่มมากขึ้นทุกที และนั่นหมายถึง พ่อของเขาจะต้องทำงานหนักในการผ่าตัดสมองของคนไข้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ทานน้ำก่อนครับ” ปรามเดินไปที่มุมห้องเทน้ำเปล่าใส่แก้วมายื่นให้บิดา สาเหตุหนึ่งของการเป็นโรคสมองตีบ ตัน แตก เพราะเลือดหนืดและข้น จึงควรทานน้ำทุกครึ่งชั่วโมงอย่างน้อยครึ่งแก้ว
“พ่อน่าจะพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่นะครับ”
“ขอบใจปรามมากนะ ที่เข้าใจพ่อ แต่คงไม่ดีกว่า... เดี๋ยวปริมจะยิ่งไม่สบายใจ” สีหน้าของหมอหนุ่มสลดลงทันทีเมื่อพูดถึงลูกสาว
“ผมเชื่อว่า วันหนึ่งปริมจะเข้าใจพ่อครับ” ปรามยิ้มให้บิดา
“ขอบใจมาก ปราม” ปริวัฒน์เข้าไปสวมกอดลูกชายไว้
“ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกพ่อได้เลยนะ” แม้ว่าจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง แต่ลูก ๆ ไม่เคยขอความช่วยเหลือใด ๆ จากเขาเลย
“ขอบคุณครับพ่อ”
“เดี๋ยวพ่อไปเยี่ยมปริมก่อนนะ”
“ครับ” ปรามมองเห็นความพยายามของบิดาเสมอ และเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่เรามีความพยายาม ตราบนั้นเราทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรทำไม่ได้
ปริวัฒน์มองหน้าลูกสาวคนเก่งยืนให้บริการลูกค้าอยู่ที่ซุ้มเมี่ยงคำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้น ก่อนเดินเข้าไปหา แม้จะรู้ดีว่า ลูกยังไม่ยอมอภัยให้เขา และคงไม่ยอมพูดด้วยเหมือนที่ผ่านมา เขาจะไม่เรียกร้องขอความเข้าใจหรือให้อภัย แต่มาหาเพราะเขาคิดถึงและอยากดูแลลูกมากกว่าสิ่งอื่นใด นึกถึงตอนปริมายังเด็ก เธอติดพ่ออย่างเขามาก ทุกวันจะทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้เสมอ
“ขอซื้อกลับบ้านครับ” หมอหนุ่มบอกแม่ค้าเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าซุ้มเมี่ยงคำแล้ว
“รับกี่ชุด...ดี...คะ” ปริมาเงยหน้าขึ้นจากการเติมเครื่องเมี่ยงคำลงในชามกระเบื้องแต่ละชามที่พร่องอยู่ น้ำเสียงนั้นขาดห้วงไปเมื่อมองเห็นหน้าลูกค้าที่ยืนอยู่ว่าเป็นใคร
“ปริม...สบายดีรึเปล่า วันนี้พ่อแวะเอาของขวัญมาให้พี่ปราม”
คนถูกถามก้มหน้าก้มตาเทเครื่องเมี่ยงคำต่อไปโดยไม่ตอบคำถามนั้น และสีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของนักร้องหนุ่มหน้าหวานมองมายังซุ้มเมี่ยงคำเป็นระยะขณะที่เขากำลังร้องเพลง คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าซุ้ม แถมสีหน้าของแม่ค้านั้นบูดบึ้งมาก เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า? เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ เนื่องจากยังร้องไม่จบเพลง จึงทำได้แค่ใช้สายตามองไปที่เธอเท่านั้น
ปริวัตน์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเมื่อลูกสาวยังคงแสดงความเฉยชาใส่เขา แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ทว่าแค่ได้เห็นหน้าลูกก็ดีที่สุดแล้ว
“ไหนชิมดูซิ ว่าอร่อยเหมือนเดิมรึเปล่า” เขาหยิบใบชะพลูขึ้นมาจากถาดแล้วจีบให้เป็นกรวย ตักเครื่องเมี่ยงคำใส่ลงไปจนครบ ก่อนจะเอาเมี่ยงคำเข้าปาก
“หืม...อร่อยเหมือนเดิมเลย ฝีมือไม่ตกนะเนี่ย...” พลางเคี้ยวเมี่ยงคำด้วยความเอร็ดอร่อย
“พ่อขอสองชุดนะ ห่อกลับบ้านให้ด้วย” เขาจำได้เสมอ ทุกครั้งที่ทำเมี่ยงคำทานเอง ลูกสาวตัวน้อยจะกุลีกุจอมาห่อเมี่ยงคำให้ และคอยป้อนให้ทานเสมอ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอทำให้เขามีความสุขมาก
ปริมาหยิบเมี่ยงคำที่ห่อเป็นคำเรียบร้อยแล้วถูกเสียบอยู่กับไม้ยาว หนึ่งไม้จะมีอยู่ห้าคำ เธอเอื้อมมือหยิบเมี่ยงคำมาสองไม้ใส่ถุง แล้วยื่นถุงนั้นวางลงตรงที่ว่างด้านหน้าของโต๊ะ
“ขอบใจนะ” เขายื่นคูปองตามราคาป้ายเมี่ยงคำส่งให้เธอ แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับ เขาจึงต้องวางลงตรงที่ว่างด้านหน้าของโต๊ะแทน
“พ่อกลับก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่” หมอหนุ่มใหญ่หยิบถุงเมี่ยงคำบนโต๊ะ แล้วหันหลังเดินออกมา ไม่มีคำพูดใด ๆ จากเธอเช่นเดิม เหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 19 คนที่อยากเจอมากที่สุด
ตอนที่ 19
ปรามลุกขึ้นรีบเดินมารับหนุ่มใหญ่ที่เปิดประตูเข้ามา ยกมือขึ้นสวัสดี แม้ว่าเขาและน้องจะขออยู่กับแม่เมื่อพ่อแม่หย่ากันแล้ว แต่ชายผู้นี้ยังคงทำหน้าที่ของความเป็นพ่อเสมอ คอยแนะนำและคอยช่วยเหลือตลอดมา
“สุขสันต์วันเกิดนะ ปราม” บิดายื่นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ห่อด้วยกระดาษของขวัญสีฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดของลูกชาย ซึ่งปีนี้จะอายุครบยี่สิบสามปีเต็มแล้ว
“ขอบคุณครับพ่อ” ปรามยกมือไหว้ก่อนยื่นมือไปรับกล่องของขวัญ พ่อไม่เคยลืมวันเกิดของเขาและน้อง แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ก็ตาม
“กิจการรีสอร์ทเป็นยังไงบ้าง” ปริวัฒน์มองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่เคยทำให้ต้องเป็นห่วงเลย และเป็นความภาคภูมิใจของเขาเสมอ
“พอเป็นไปครับ พ่อสบายดีไหมครับ” เขามองหน้าบิดาที่ดูซูบผอมไป
“พ่อสบายดี” เขายกมือตบต้นแขนลูกชาย
“งานยุ่งไหมครับ” ปรามรู้ว่า นับวันคนไข้เกี่ยวกับโรคสมองขาดเลือดจะเพิ่มมากขึ้นทุกที และนั่นหมายถึง พ่อของเขาจะต้องทำงานหนักในการผ่าตัดสมองของคนไข้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ทานน้ำก่อนครับ” ปรามเดินไปที่มุมห้องเทน้ำเปล่าใส่แก้วมายื่นให้บิดา สาเหตุหนึ่งของการเป็นโรคสมองตีบ ตัน แตก เพราะเลือดหนืดและข้น จึงควรทานน้ำทุกครึ่งชั่วโมงอย่างน้อยครึ่งแก้ว
“พ่อน่าจะพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่นะครับ”
“ขอบใจปรามมากนะ ที่เข้าใจพ่อ แต่คงไม่ดีกว่า... เดี๋ยวปริมจะยิ่งไม่สบายใจ” สีหน้าของหมอหนุ่มสลดลงทันทีเมื่อพูดถึงลูกสาว
“ผมเชื่อว่า วันหนึ่งปริมจะเข้าใจพ่อครับ” ปรามยิ้มให้บิดา
“ขอบใจมาก ปราม” ปริวัฒน์เข้าไปสวมกอดลูกชายไว้
“ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกพ่อได้เลยนะ” แม้ว่าจะพูดแบบนี้ทุกครั้ง แต่ลูก ๆ ไม่เคยขอความช่วยเหลือใด ๆ จากเขาเลย
“ขอบคุณครับพ่อ”
“เดี๋ยวพ่อไปเยี่ยมปริมก่อนนะ”
“ครับ” ปรามมองเห็นความพยายามของบิดาเสมอ และเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่เรามีความพยายาม ตราบนั้นเราทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรทำไม่ได้
ปริวัฒน์มองหน้าลูกสาวคนเก่งยืนให้บริการลูกค้าอยู่ที่ซุ้มเมี่ยงคำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้น ก่อนเดินเข้าไปหา แม้จะรู้ดีว่า ลูกยังไม่ยอมอภัยให้เขา และคงไม่ยอมพูดด้วยเหมือนที่ผ่านมา เขาจะไม่เรียกร้องขอความเข้าใจหรือให้อภัย แต่มาหาเพราะเขาคิดถึงและอยากดูแลลูกมากกว่าสิ่งอื่นใด นึกถึงตอนปริมายังเด็ก เธอติดพ่ออย่างเขามาก ทุกวันจะทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้เสมอ
“ขอซื้อกลับบ้านครับ” หมอหนุ่มบอกแม่ค้าเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าซุ้มเมี่ยงคำแล้ว
“รับกี่ชุด...ดี...คะ” ปริมาเงยหน้าขึ้นจากการเติมเครื่องเมี่ยงคำลงในชามกระเบื้องแต่ละชามที่พร่องอยู่ น้ำเสียงนั้นขาดห้วงไปเมื่อมองเห็นหน้าลูกค้าที่ยืนอยู่ว่าเป็นใคร
“ปริม...สบายดีรึเปล่า วันนี้พ่อแวะเอาของขวัญมาให้พี่ปราม”
คนถูกถามก้มหน้าก้มตาเทเครื่องเมี่ยงคำต่อไปโดยไม่ตอบคำถามนั้น และสีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของนักร้องหนุ่มหน้าหวานมองมายังซุ้มเมี่ยงคำเป็นระยะขณะที่เขากำลังร้องเพลง คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าซุ้ม แถมสีหน้าของแม่ค้านั้นบูดบึ้งมาก เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า? เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ เนื่องจากยังร้องไม่จบเพลง จึงทำได้แค่ใช้สายตามองไปที่เธอเท่านั้น
ปริวัตน์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเมื่อลูกสาวยังคงแสดงความเฉยชาใส่เขา แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ทว่าแค่ได้เห็นหน้าลูกก็ดีที่สุดแล้ว
“ไหนชิมดูซิ ว่าอร่อยเหมือนเดิมรึเปล่า” เขาหยิบใบชะพลูขึ้นมาจากถาดแล้วจีบให้เป็นกรวย ตักเครื่องเมี่ยงคำใส่ลงไปจนครบ ก่อนจะเอาเมี่ยงคำเข้าปาก
“หืม...อร่อยเหมือนเดิมเลย ฝีมือไม่ตกนะเนี่ย...” พลางเคี้ยวเมี่ยงคำด้วยความเอร็ดอร่อย
“พ่อขอสองชุดนะ ห่อกลับบ้านให้ด้วย” เขาจำได้เสมอ ทุกครั้งที่ทำเมี่ยงคำทานเอง ลูกสาวตัวน้อยจะกุลีกุจอมาห่อเมี่ยงคำให้ และคอยป้อนให้ทานเสมอ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอทำให้เขามีความสุขมาก
ปริมาหยิบเมี่ยงคำที่ห่อเป็นคำเรียบร้อยแล้วถูกเสียบอยู่กับไม้ยาว หนึ่งไม้จะมีอยู่ห้าคำ เธอเอื้อมมือหยิบเมี่ยงคำมาสองไม้ใส่ถุง แล้วยื่นถุงนั้นวางลงตรงที่ว่างด้านหน้าของโต๊ะ
“ขอบใจนะ” เขายื่นคูปองตามราคาป้ายเมี่ยงคำส่งให้เธอ แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับ เขาจึงต้องวางลงตรงที่ว่างด้านหน้าของโต๊ะแทน
“พ่อกลับก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่” หมอหนุ่มใหญ่หยิบถุงเมี่ยงคำบนโต๊ะ แล้วหันหลังเดินออกมา ไม่มีคำพูดใด ๆ จากเธอเช่นเดิม เหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น