รับคำท้าฯ
ตอนที่ 52
ปริมานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ กับคำตอบของเจ้าของโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาจากเครื่องโทรศัพท์ที่ลืมไว้ ผู้หญิงชุดสีฟ้าคนนั้น เป็นภรรยาใหม่ของพ่อ คนที่แย่งพ่อไปจากเธอและแม่ เป็นคนทำให้บ้านของเธอไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เพราะหน้าตาสะสวยราวนางฟ้าขนาดนี้ พ่อถึงนอกใจแม่ของเธอได้
“ฮัลโหล...” ปลายสายส่งเสียงมาอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน
สาวชาวสวนสะดุ้งเล็กน้อย
“แล้ว...ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ จะได้เอาโทรศัพท์ไปให้ค่ะ” เธอตอบกลับไป ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เหมือนพยายามหนีมาตลอด
“ผมอยู่ตรงทางเข้าหน้าตึกที่คุณเจอโทรศัพท์ครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ไปให้นะคะ”
หญิงสาวเดินไปยังด้านหน้าของตึกผู้ป่วย พลางหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ เธอรู้ว่า ไม่ควรคิดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ควรโกรธเกลียดใด ๆ แม่ก็ตายไปนานมากแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นและเปลี่ยนไป ไม่อาจเรียกร้องอะไรกลับมาเหมือนเดิม เธอควรเคารพการตัดสินใจของแม่ที่เลือกทางนี้เอง คือการเลือกเดินไปจากพ่อ คงเพราะไม่ต้องการเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงให้มันจบแบบนี้ แม่ของเธอเข้มแข็งมากไม่เคยต่อว่าพ่อให้ลูก ๆ ได้ยินแม้แต่น้อย ไม่เคยเรียกร้องสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น
เท้าหยุดเดินเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของตึก มองเห็นพ่อของเธอและภรรยาใหม่ยืนรออยู่พร้อมกับลูก ๆ
“ปริมเอาโทรศัพท์มาคืนให้ค่ะ” เธอมองหน้าคนเป็นพ่อพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ออกไป สีหน้าของคนที่ยืนรออยู่ดูตกใจไม่น้อย ที่คนนำโทรศัพท์มาคืนเป็นลูกสาวของเขาเอง
หญิงสาวชุดสีฟ้ามองเธอด้วยความตกใจไม่แพ้กันพลางหันไปมองสามี แม้จะคิดไว้แล้วว่า อาจจะเป็นเธอที่เก็บโทรศัพท์ได้ หรืออาจจะเป็นคนอื่นก็ตาม
“ปริม....” ปริวัฒน์มองบุตรสาวยื่นโทรศัพท์ของภรรยาของเขามาตรงหน้า
“นี่...คือ...คุณปริชาติ ภรรยาของพ่อ” เขาบอกลูกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
ปริมากลืนน้ำลายลงลำคออย่างฝืด ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ภรรยาใหม่ของบิดา แล้วยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าหญิงสาวชุดสีฟ้า
ปริชาติรีบรับไหว้ แล้วก้าวเข้ามาหาบุตรสาวของสามี พร้อมกับยื่นมารับโทรศัพท์พร้อมกับกุมมือของปริมาเอาไว้
“ขอบคุณหนูมากนะ ฉันอยากชวนหนูปริมไปทานข้าวที่บ้าน...จะได้มั้ยจ๊ะ”
สาวชาวสวนมองหน้าภรรยาใหม่ของพ่อ นอกจากหน้าตาจะสวยพริ้งราวกับนางฟ้าแล้ว น้ำเสียงยังไพเราะอ่อนหวาน ยังมีรอยยิ้มหวานมาก รู้สึกคุ้นตากับรอยยิ้มแบบนี้เหลือเกิน
ปริวัฒน์มองหน้าภรรยา แล้วรีบพูดสำทับออกไปอีกครั้ง
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ ปริม เมื่อไหร่ดี พ่อจะไปรับ” น้ำเสียงและสีหน้าแสดงออกถึงความดีใจ
ปริมานิ่งไปชั่วขณะอย่างรู้สึกสับสน ก่อนจะตอบออกไป
“ตอนนี้ปริมยุ่ง ๆ อยู่ค่ะ เพราะพี่ปรามไม่สบาย ไว้พอว่างแล้วค่อยนัดกันอีกทีนะคะ” คนเป็นลูกตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว ที่สำคัญเธออยากจะไปพร้อมกับพี่ชายซึ่งต้องรอให้เขาฟื้นและหายดีก่อน
คำตอบของลูกสาว ทำให้รอยยิ้มบนสีหน้าค่อย ๆ เลือนหายไปทันที แม้ว่าลูกจะไม่ได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็ตาม
เสียงโทรศัพท์ของปริมาดังขึ้น เธอจึงดึงมือออกจากการกุมไว้ของอีกฝ่าย แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ หนุ่มหน้าหวานนั่นเองโทรเข้ามา
“ปริมเป็นอะไรหรือเปล่า? เข้าห้องน้ำนานจัง ฉันรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ” น้ำเสียงของเขาเป็นห่วงมาก และรู้สึกว่าเธอเข้าห้องน้ำนานเกินไปแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร เผอิญมีคนลืมโทรศัพท์ไว้ ฉันเลยเอามาคืนเขา”
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ปลายสายถามกลับมา
“อยู่ตรงทางเข้าตึกผู้ป่วย”
“ฉันจะไปหานะ” หนุ่มหน้าหวานพูดพร้อมกับรีบเดินเร็ว ๆ ไปหาเธอทันที
“พ่อกลับก่อนนะ ปริม” เขาบอกเมื่อลูกกดวางโทรศัพท์แล้ว
“ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วไว้ไปกินข้าวด้วยกันนะ” ปริชาติกล่าวลาพร้อมกับยิ้มให้
“พ่อคะ” เธอรีบเรียกบิดา เมื่อเขากำลังหันหลังเดินไป
ปริวัฒน์หันกลับมา
“ถ้า...พ่อว่าง...พาครอบครัวไปพักผ่อนที่บ้านไร่ทะเลฝันนะคะ เราจะได้มีเวลาทานข้าว พูดคุยและมีเวลาทำอะไรด้วยกันมากขึ้น” เธอตัดสินใจชวนครอบครัวของพ่อไปพักที่รีสอร์ต เมื่อมองเห็นสีหน้าของบิดาดูผิดหวังกับคำตอบก่อนหน้านี้ของเธอที่เหมือนปฏิเสธอยู่กลาย ๆ ในใจนั้นไม่อยากให้พ่อเดินจากไปด้วยความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว สิ่งที่พอจะทำให้พ่อได้ สำหรับพ่อที่ยังรักและไม่เคยลืมลูกสาวคนนี้เลย
เมื่อคนเป็นพ่อได้ยินคำพูดนั้น เขาเดินกลับมา แล้วเข้าไปสวมกอดลูกสาวคนโตเอาไว้
“ขอบคุณปริมมาก... พ่อจะรีบหาเวลาว่างนะ” น้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความปราบปลื้มดีใจที่สุด ที่ลูกยอมรับภรรยาใหม่ของเขาอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
“พ่อรักลูกเสมอนะ”
“ค่ะ ปริมจะรอพ่อนะคะ” น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตานั้น สองมือค่อย ๆ ยกขึ้นกอดพ่อเอาไว้ เธอสัมผัสได้ถึงถ้อยคำแห่งรัก น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร และอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของพ่อ
ปริมายกมือสวัสดีพ่อกับภรรยาอีกครั้ง แล้วโบกมือบ๊ายบายน้อง ๆ ตัวน้อยสองคน มองพ่อพาครอบครัวของเขากำลังเดินไปด้านนอกของอาคาร
หนุ่มหน้าหวานเดินมาถึงด้านหน้าของตึก เขามองเห็นพ่อของปริมาและผู้หญิงในชุดสีฟ้ายืนอยู่ใกล้กัน ข้าง ๆ มีเด็กน้อยสองคนยืนอยู่ เขามองหน้าผู้หญิงคนนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกได้ สมองประมวลภาพตรงหน้าอย่างสับสน พ่อของปริมากับแม่ของเขาเป็นอะไรกัน ในมือของแม่จูงมือเด็กชายปุ๊บไว้ แม้ว่าเดิมนั้นแม่จะไว้ผมสั้น แต่วันนี้ถึงจะไว้ผมยาวเขาก็จำแม่ได้ ต้องเป็นแม่ของเขาไม่ผิดแน่ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มยิ่งมั่นใจ ต้องเป็นแม่ของเขาแน่นอน
“แม่....”
สองเท้ารีบพาเจ้าของร่างวิ่งเข้าไปหาผู้หญิงชุดสีฟ้าทันที ที่กำลังเปิดประตูออกไปด้านนอกอาคาร
สาวบัญชีหันไปมองหนุ่มหน้าหวานที่รีบร้อนวิ่งผ่านเธอไป ตรงไปด้านนอกอาคารอย่างงุนงง เธอรีบวิ่งตามออกไปเช่นกัน ใช่แล้ว...ผู้หญิงที่สวยราวนางฟ้าคนนั้น ยิ้มหวานเหมือนใคร...? เสียงเรียกเข้าจากเครื่องโทรศัพท์ของโทรศัพท์เครื่องนั้น...เป็น เพลง I just call to say I love you เสียงเรียกเข้าเดียวกันกับของปฏิการไม่มีผิด
“แม่!!” หนุ่มหน้าหวานรีบตะโกนเรียกเมื่อผลักประตูหน้าอาคารออกไป
“แม่ครับ!!”
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 52 ไม่คาดคิด
ตอนที่ 52
ปริมานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ กับคำตอบของเจ้าของโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาจากเครื่องโทรศัพท์ที่ลืมไว้ ผู้หญิงชุดสีฟ้าคนนั้น เป็นภรรยาใหม่ของพ่อ คนที่แย่งพ่อไปจากเธอและแม่ เป็นคนทำให้บ้านของเธอไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เพราะหน้าตาสะสวยราวนางฟ้าขนาดนี้ พ่อถึงนอกใจแม่ของเธอได้
“ฮัลโหล...” ปลายสายส่งเสียงมาอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปนาน
สาวชาวสวนสะดุ้งเล็กน้อย
“แล้ว...ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ จะได้เอาโทรศัพท์ไปให้ค่ะ” เธอตอบกลับไป ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เหมือนพยายามหนีมาตลอด
“ผมอยู่ตรงทางเข้าหน้าตึกที่คุณเจอโทรศัพท์ครับ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ไปให้นะคะ”
หญิงสาวเดินไปยังด้านหน้าของตึกผู้ป่วย พลางหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ เธอรู้ว่า ไม่ควรคิดถึงเรื่องนี้อีก ไม่ควรโกรธเกลียดใด ๆ แม่ก็ตายไปนานมากแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นและเปลี่ยนไป ไม่อาจเรียกร้องอะไรกลับมาเหมือนเดิม เธอควรเคารพการตัดสินใจของแม่ที่เลือกทางนี้เอง คือการเลือกเดินไปจากพ่อ คงเพราะไม่ต้องการเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงให้มันจบแบบนี้ แม่ของเธอเข้มแข็งมากไม่เคยต่อว่าพ่อให้ลูก ๆ ได้ยินแม้แต่น้อย ไม่เคยเรียกร้องสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น
เท้าหยุดเดินเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของตึก มองเห็นพ่อของเธอและภรรยาใหม่ยืนรออยู่พร้อมกับลูก ๆ
“ปริมเอาโทรศัพท์มาคืนให้ค่ะ” เธอมองหน้าคนเป็นพ่อพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ออกไป สีหน้าของคนที่ยืนรออยู่ดูตกใจไม่น้อย ที่คนนำโทรศัพท์มาคืนเป็นลูกสาวของเขาเอง
หญิงสาวชุดสีฟ้ามองเธอด้วยความตกใจไม่แพ้กันพลางหันไปมองสามี แม้จะคิดไว้แล้วว่า อาจจะเป็นเธอที่เก็บโทรศัพท์ได้ หรืออาจจะเป็นคนอื่นก็ตาม
“ปริม....” ปริวัฒน์มองบุตรสาวยื่นโทรศัพท์ของภรรยาของเขามาตรงหน้า
“นี่...คือ...คุณปริชาติ ภรรยาของพ่อ” เขาบอกลูกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
ปริมากลืนน้ำลายลงลำคออย่างฝืด ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ภรรยาใหม่ของบิดา แล้วยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าหญิงสาวชุดสีฟ้า
ปริชาติรีบรับไหว้ แล้วก้าวเข้ามาหาบุตรสาวของสามี พร้อมกับยื่นมารับโทรศัพท์พร้อมกับกุมมือของปริมาเอาไว้
“ขอบคุณหนูมากนะ ฉันอยากชวนหนูปริมไปทานข้าวที่บ้าน...จะได้มั้ยจ๊ะ”
สาวชาวสวนมองหน้าภรรยาใหม่ของพ่อ นอกจากหน้าตาจะสวยพริ้งราวกับนางฟ้าแล้ว น้ำเสียงยังไพเราะอ่อนหวาน ยังมีรอยยิ้มหวานมาก รู้สึกคุ้นตากับรอยยิ้มแบบนี้เหลือเกิน
ปริวัฒน์มองหน้าภรรยา แล้วรีบพูดสำทับออกไปอีกครั้ง
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ ปริม เมื่อไหร่ดี พ่อจะไปรับ” น้ำเสียงและสีหน้าแสดงออกถึงความดีใจ
ปริมานิ่งไปชั่วขณะอย่างรู้สึกสับสน ก่อนจะตอบออกไป
“ตอนนี้ปริมยุ่ง ๆ อยู่ค่ะ เพราะพี่ปรามไม่สบาย ไว้พอว่างแล้วค่อยนัดกันอีกทีนะคะ” คนเป็นลูกตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว ที่สำคัญเธออยากจะไปพร้อมกับพี่ชายซึ่งต้องรอให้เขาฟื้นและหายดีก่อน
คำตอบของลูกสาว ทำให้รอยยิ้มบนสีหน้าค่อย ๆ เลือนหายไปทันที แม้ว่าลูกจะไม่ได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็ตาม
เสียงโทรศัพท์ของปริมาดังขึ้น เธอจึงดึงมือออกจากการกุมไว้ของอีกฝ่าย แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ หนุ่มหน้าหวานนั่นเองโทรเข้ามา
“ปริมเป็นอะไรหรือเปล่า? เข้าห้องน้ำนานจัง ฉันรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ” น้ำเสียงของเขาเป็นห่วงมาก และรู้สึกว่าเธอเข้าห้องน้ำนานเกินไปแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร เผอิญมีคนลืมโทรศัพท์ไว้ ฉันเลยเอามาคืนเขา”
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ปลายสายถามกลับมา
“อยู่ตรงทางเข้าตึกผู้ป่วย”
“ฉันจะไปหานะ” หนุ่มหน้าหวานพูดพร้อมกับรีบเดินเร็ว ๆ ไปหาเธอทันที
“พ่อกลับก่อนนะ ปริม” เขาบอกเมื่อลูกกดวางโทรศัพท์แล้ว
“ไปก่อนนะจ๊ะ แล้วไว้ไปกินข้าวด้วยกันนะ” ปริชาติกล่าวลาพร้อมกับยิ้มให้
“พ่อคะ” เธอรีบเรียกบิดา เมื่อเขากำลังหันหลังเดินไป
ปริวัฒน์หันกลับมา
“ถ้า...พ่อว่าง...พาครอบครัวไปพักผ่อนที่บ้านไร่ทะเลฝันนะคะ เราจะได้มีเวลาทานข้าว พูดคุยและมีเวลาทำอะไรด้วยกันมากขึ้น” เธอตัดสินใจชวนครอบครัวของพ่อไปพักที่รีสอร์ต เมื่อมองเห็นสีหน้าของบิดาดูผิดหวังกับคำตอบก่อนหน้านี้ของเธอที่เหมือนปฏิเสธอยู่กลาย ๆ ในใจนั้นไม่อยากให้พ่อเดินจากไปด้วยความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว สิ่งที่พอจะทำให้พ่อได้ สำหรับพ่อที่ยังรักและไม่เคยลืมลูกสาวคนนี้เลย
เมื่อคนเป็นพ่อได้ยินคำพูดนั้น เขาเดินกลับมา แล้วเข้าไปสวมกอดลูกสาวคนโตเอาไว้
“ขอบคุณปริมมาก... พ่อจะรีบหาเวลาว่างนะ” น้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความปราบปลื้มดีใจที่สุด ที่ลูกยอมรับภรรยาใหม่ของเขาอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
“พ่อรักลูกเสมอนะ”
“ค่ะ ปริมจะรอพ่อนะคะ” น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตานั้น สองมือค่อย ๆ ยกขึ้นกอดพ่อเอาไว้ เธอสัมผัสได้ถึงถ้อยคำแห่งรัก น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร และอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของพ่อ
ปริมายกมือสวัสดีพ่อกับภรรยาอีกครั้ง แล้วโบกมือบ๊ายบายน้อง ๆ ตัวน้อยสองคน มองพ่อพาครอบครัวของเขากำลังเดินไปด้านนอกของอาคาร
หนุ่มหน้าหวานเดินมาถึงด้านหน้าของตึก เขามองเห็นพ่อของปริมาและผู้หญิงในชุดสีฟ้ายืนอยู่ใกล้กัน ข้าง ๆ มีเด็กน้อยสองคนยืนอยู่ เขามองหน้าผู้หญิงคนนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกได้ สมองประมวลภาพตรงหน้าอย่างสับสน พ่อของปริมากับแม่ของเขาเป็นอะไรกัน ในมือของแม่จูงมือเด็กชายปุ๊บไว้ แม้ว่าเดิมนั้นแม่จะไว้ผมสั้น แต่วันนี้ถึงจะไว้ผมยาวเขาก็จำแม่ได้ ต้องเป็นแม่ของเขาไม่ผิดแน่ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มยิ่งมั่นใจ ต้องเป็นแม่ของเขาแน่นอน
“แม่....”
สองเท้ารีบพาเจ้าของร่างวิ่งเข้าไปหาผู้หญิงชุดสีฟ้าทันที ที่กำลังเปิดประตูออกไปด้านนอกอาคาร
สาวบัญชีหันไปมองหนุ่มหน้าหวานที่รีบร้อนวิ่งผ่านเธอไป ตรงไปด้านนอกอาคารอย่างงุนงง เธอรีบวิ่งตามออกไปเช่นกัน ใช่แล้ว...ผู้หญิงที่สวยราวนางฟ้าคนนั้น ยิ้มหวานเหมือนใคร...? เสียงเรียกเข้าจากเครื่องโทรศัพท์ของโทรศัพท์เครื่องนั้น...เป็น เพลง I just call to say I love you เสียงเรียกเข้าเดียวกันกับของปฏิการไม่มีผิด
“แม่!!” หนุ่มหน้าหวานรีบตะโกนเรียกเมื่อผลักประตูหน้าอาคารออกไป
“แม่ครับ!!”