โรคอ้วน (Obesity) และภาวะน้ำหนักเกิน (Overweight) คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จึงเกิดการสะสมพลังงานที่เหลือนั้นเอาไว้ในรูปของไขมันตามอวัยวะต่างๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ความดันโลหิตสูง
- ระบบทางเดินหายใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกรดไหลย้อน ไขมันเกาะตับ
- ระบบต่อมไร้ท่อและนรีเวช เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ
- ระบบข้อและกล้ามเนื้อ เช่น ข้อเสื่อม เกาต์
- ระบบผิวหนัง เช่น ติดเชื้อราบริเวณขาหนีบหรือรอยพับของผิวหนัง เส้นเลือดขอด
- เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง เช่น เต้านม มดลูก/ปากมดลูก ลำไส้ใหญ่
- สุขภาพจิต เช่น รู้สึกเสียความมั่นใจในการเข้าสังคม ภาวะซึมเศร้า
เมื่อไรถึงจะเรียกว่าอ้วน ?
ในปัจจุบันมีการให้คำจำกัดความของโรคอ้วนไว้ว่า เป็นภาวะที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ โดยคิดจากค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index) ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร1
ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) 2
การแบ่งระดับโรคอ้วนในผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 18 ปี โดยใช้ดัชนีมวลกายของคนไทย1
ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น3 ?
แนวทางการรักษาโรคอ้วนมีอะไรบ้าง ?
เราสามารถแบ่งแนวทางการรักษาโรคอ้วนออกเป็น 2 แนวทางหลักๆ ด้วยกัน คือ
- แนวทางการรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่
1.1 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต
- การควบคุมอาหาร: โดยรับประทานอาหารในสัดส่วนสมดุล (คาร์โบไฮเดรต 45-65%, ไขมัน 20-35% และโปรตีน 10-35%)1 ร่วมกับกลยุทธ์ต่างๆ เช่น ลดขนาดภาชนะของอาหารที่จะรับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง ใช้อาหารทดแทนมื้ออาหาร
- การใช้พลังงาน และการออกกำลังกาย: แนะนำให้ใช้พลังงาน หรือออกกำลังกายในระดับหนักปานกลาง (Moderate intensity) เช่น ล้างรถ เช็ดกระจก ถูพื้น เดินเร็ว ว่ายน้ำ แบดมินตัน อย่างน้อย 150-200 นาทีต่อสัปดาห์3
1.2 การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric surgery)
เหมาะกับผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกาย ≥30 กก./ม.2 4ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ จากโรคอ้วน รวมถึงโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ หรือผู้ป่วยโรคอ้วนที่เป็นเบาหวาน เพื่อช่วยในการควบคุมโรคเบาหวานให้ดีขึ้น หรืออาจทำให้หายขาดไปได้ ซึ่งชนิดของการผ่าตัด มีทั้งการผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะอาหาร (Mini gastric bypass), การตัดต่อลำไส้ให้ส่วนที่ดูดซึมอาหารสั้นลง (Roux-en-Y gastric bypass: RYGB) เป็นต้น
1.3 การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหาร (Endoscopic sleeve gastroplasty: ESG)
เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไม่มีการผ่าตัด หรือแม้กระทั่งการเจาะรูผ่านทางหน้าท้อง แต่เป็นการใส่กล้องเข้าไปในตัวผู้ป่วยทางปาก แล้วเย็บกระเพาะให้เล็กลง (Endoscopic suturing) เหมือนการผ่าตัดกระเพาะให้เล็กลงด้วยวิธี Sleeve gastrectromy แต่ไม่มีการผ่าตัดใด ๆ
- แนวทางการรักษาโดยใช้ยา2
พิจารณาในผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกาย ≥27 กก./ม.2 4 เมื่อใช้การควบคุมอาหารและออกกำลังกายไม่ได้ผล ซึ่งในประเทศไทยมียาที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาให้ใช้ในการรักษาโรคอ้วน 3 รายการ คือ Orlistat, Phentermine และ Liraglutide
ข้อควรระวังในการรักษาโรคอ้วนด้วยยา
หากต้องการใช้ยาเพื่อควบคุมน้ำหนัก ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ป่วยมากที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ้วนแล้วไง... โรคภัยถามหา ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/July-2021/obesity-overweight-disease
อ้วนแล้วไง... โรคภัยถามหา
- ระบบทางเดินหายใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกรดไหลย้อน ไขมันเกาะตับ
- ระบบต่อมไร้ท่อและนรีเวช เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ
- ระบบข้อและกล้ามเนื้อ เช่น ข้อเสื่อม เกาต์
- ระบบผิวหนัง เช่น ติดเชื้อราบริเวณขาหนีบหรือรอยพับของผิวหนัง เส้นเลือดขอด
- เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง เช่น เต้านม มดลูก/ปากมดลูก ลำไส้ใหญ่
- สุขภาพจิต เช่น รู้สึกเสียความมั่นใจในการเข้าสังคม ภาวะซึมเศร้า
ในปัจจุบันมีการให้คำจำกัดความของโรคอ้วนไว้ว่า เป็นภาวะที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ โดยคิดจากค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index) ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร1
เราสามารถแบ่งแนวทางการรักษาโรคอ้วนออกเป็น 2 แนวทางหลักๆ ด้วยกัน คือ
- แนวทางการรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่
- การใช้พลังงาน และการออกกำลังกาย: แนะนำให้ใช้พลังงาน หรือออกกำลังกายในระดับหนักปานกลาง (Moderate intensity) เช่น ล้างรถ เช็ดกระจก ถูพื้น เดินเร็ว ว่ายน้ำ แบดมินตัน อย่างน้อย 150-200 นาทีต่อสัปดาห์3
พิจารณาในผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกาย ≥27 กก./ม.2 4 เมื่อใช้การควบคุมอาหารและออกกำลังกายไม่ได้ผล ซึ่งในประเทศไทยมียาที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาให้ใช้ในการรักษาโรคอ้วน 3 รายการ คือ Orlistat, Phentermine และ Liraglutide
หากต้องการใช้ยาเพื่อควบคุมน้ำหนัก ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ป่วยมากที่สุด