รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 2 ให้ไปส่งก็ได้นะ!
https://pantip.com/topic/40783041
ปริมากรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันมามองหน้าของคนประคองตัวเธอเอาไว้ เธอรีบผละออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างด่วนจี๋
“นะ...นาย! เข้ามาทำไมเงียบ ๆ” แม่ครัวรัวคำพูดด้วยความตกใจไม่หาย
“ต่อไปห้ามเข้ามาเงียบ ๆ อีก เข้าใจไหม!” หญิงสาวโวยวายเสียงดังลั่นมองใบหน้าอมยิ้มน้อย ๆ ของหนุ่มผมยาวยิ่งไม่พอใจ ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ทำไมเขาถึงไม่กลับบ้านกลับช่องไปสักทีนะ!
“ฉันถามว่าเข้าใจไหม!”
คนถูกถามก้มหัวลงรับคำอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มระรื่น ทำตาแบ๊วๆ
"เข้าใจ...แต่จะทำตามหรือไม่ ก็...อีกเรื่องหนึ่ง" เขาเอียงคอแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท
ปริมาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม!! เกลียดรอยยิ้มกวนโอ๊ยของเขาเสียจริง เธอเดินเลี่ยงไปเก็บเปลือกส้มและล้างภาชนะต่อ
“นี่! ขอน้ำกินหน่อย ขับรถไปตั้งไกล ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนมากรู้หรือเปล่า?” เขาเริ่มบ่นบ้าง
“แก้วอยู่นั่น” เธอชี้มือไปยังชั้นวางแก้วน้ำและมีเหยือกน้ำตั้งอยู่ใกล้ ๆ
“บริการตัวเองนะ ยังไม่ว่าง!”
หนุ่มผมยาวส่ายหัว ก่อนจะหยิบแก้วแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขามองเห็นน้ำส้มคั้นในเหยือกใสสี่เหลี่ยมทรงสูง ปฏิการยกเหยือกมาเทน้ำส้มใส่แก้วดื่มด้วยความกระหาย รู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง รสชาติหวานเปรี้ยวถูกใจจริง ๆ
ปริมาหันมามองด้วยความตกใจ เบิกตาโต เมื่อเห็นเหยือกน้ำส้มอยู่ในมือของหนุ่มจอมกวน
“นี่! ใครอนุญาตให้นายกินน้ำส้ม”
หนุ่มผมยาวเลิกคิ้ว “ต้องขออนุญาตด้วย?”
เขาพ่นลมออกมาทางปาก
“เหอะ!”
มันอะไรกันเนี่ย! เขี้ยวชะมัด! คิดแล้วเขาก็เทน้ำส้มใส่แก้วเพิ่มอีกหน้าตาเฉย
แม่ครัวร่างเล็กรีบปราดเข้ามาแย่งเหยือกน้ำส้มจากมือของอีกฝ่ายทันที พลางตะโกนเสียงดังห้ามปราม
“หยุด! พอแล้ว!”
“ยังไม่พอ... ยังไม่หายหิวเลย” เขายื้อเหยือกน้ำส้มมาประชิดตัวเอง มองหน้าคนโวยวายแล้วยิ้มอย่างกวนประสาท ปฏิการยังพยายามเทน้ำส้มใส่แก้วตัวเองอีก
“เอ๊... อย่าแย่งสิ! เดี๋ยวหก นี่เป็นค่าจ้างของฉันนะ” หนุ่มขี้แกล้งเบี่ยงตัวหลบ ยกเหยือกขึ้นสูง รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างนึกสนุกมีความสุขที่ได้กวนเจ้าของบ้าน
“ฉันกับพี่ปรามยังไม่ได้กินเลยนะ นายจะกินหมดเลยเหรอ” เสียงหญิงสาวอ่อนลง เมื่อไม่สามารถแย่งเหยือกน้ำส้มที่อยู่สูงกว่าตัวเธอได้
“ก็ได้!” เขามองแม่ครัวตัวดีอย่างสงสาร “แล้วมีอะไรกินบ้างล่ะ”
“ต้มมะระผักกาดดอง ของโปรดพี่ปรามเลย” พี่ชายได้บอกเธอก่อนหน้านี้ ให้ทำอาหารตามที่ปฏิการขอและย้ำกับเธอว่าต้องทำให้เขาด้วย แต่คนอย่างเธอมีหรือที่จะยอมทำให้เขาง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก!!
"ทำไม! กินไม่เป็นเหรอ หรือกินไม่ได้!" เธอมองหน้าเขาที่ดูจะไม่ปลื้มเท่าไหร่
หนุ่มผมยาวทำจมูกย่น เขาเกลียดมะระทำไมค่าจ้างของเขากลายเป็นต้มมะระผักกาดดองไปได้ ไม่เอาเด็ดขาด!
“กินได้ แต่ไม่อยากกิน มีอะไรไหม? ปรามบอกว่าอยากกินอะไรให้บอกเธอได้เลย คงเข้าใจนะ” เขาพูดพลางตีสีหน้ายียวนกวนโอ๊ย
“แล้วจะกินอะไร ไม่ทราบ?! ทำเองเลยก็ได้นะ” เธอสะบัดเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ จนมุมที่จะเลี่ยงไม่ยอมทำให้เขาพลางเดินไปดูหม้อข้าวที่หุงสุกแล้ว
“นี่! ฉันอุตส่าห์ช่วยไปส่งของให้เธอตั้งไกลนะ เธอทำแบบนี้กับผู้มีบุญคุณได้ยังไง” ปฏิการเดินตามไปโวยวายกับเธอต่อ
ปริมาหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน
“บุญคุณหมดไป ตั้งแต่...นายต้องการค่าจ้างแล้ว” หญิงสาวเน้นคำ
“งั้น! ฉันต้องการรับค่าจ้าง เดี๋ยวนี้!” คนตัวสูงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่สูงเลยไหล่ของเขานิดเดียว
ปริมาอยากจะร้องกรี๊ด แต่ทว่าเธอห้ามตัวเองเอาไว้ พลางถอนหายใจออกเบา ๆ บอกตัวเองใจเย็นไว้พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น
“ได้สิ! อยากกินอะไรคะ” เธอกัดฟันข่มใจให้ร่ม ๆ แกล้งทำเป็นพูดดีกับเขา
เพื่อนพี่ชายตีสีหน้าครุ่นคิด แล้วดีดนิ้วอย่างนึกอะไรบางอย่างออก
"ต้มยำ ทำเป็นมั้ยล่ะ” เขารู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมา ตอนแม่ยังไม่เลิกกับพ่อ แม่ของเขาชอบทำต้มยำให้ทาน ฝีมือแม่อร่อยมาก
"ได้...แต่ตอนนี้ในตู้เย็นมีของไม่ครบ นายจะช่วยไปเก็บในสวนให้หน่อยได้ไหมล่ะ” เธอแกล้งทำเสียงขอร้อง
"ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หิวมาก หาอะไรมารองท้องก่อนสิ” เขายกมือตบท้องตัวเองเบา แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะกลางห้อง
แม่ครัวตัวดีเดินไปหยิบกล้วยมาให้
หนุ่มผมยาวเบิกตาโตมองกล้วยน้ำว้าสุกงอมจนเปลือกกลายเป็นสีดำครึ่งหวีในมือของเธอ
"หะ!" เขาอุทานในลำคอ
"ให้กินกล้วยเน่านี่นะ!" ปกติเขาไม่เคยนึกอยากกินกล้วยซักนิดเลย แม้จะมีกล้วยสวย ๆ หวีงาม ๆ วางอยู่บนโต๊ะอาหารก็ตาม
"อะไร! นี่คือของมีค่าของที่นี่เลยนะ เน่าที่ไหน ยังไม่เน่า นายไม่รู้อะไร... กล้วยมีประโยชน์มาก อุดมด้วยวิตามินมากมาย แค่กินกล้วยก็ได้วิตามินเกือบครบแล้ว ไม่เชื่อลองค้นหาในกูเกิ้ลดูสิ ที่รีสอร์ตของเราใช้กล้วยแทนน้ำตาลในการทำน้ำปั่นผัก ขายดีสุด ๆ เลย" เธอพูดถึงรีสอร์ตเล็กๆ ชื่อบ้านไร่ทะเลฝัน อยู่ติดทะเล ซึ่งแม่ทิ้งมรดกไว้ให้ก่อนเสียชีวิต ปริมาเดินเอากล้วยไปวางที่โต๊ะกลางห้องครัวแถมหยิบส้มมาวางให้อีกสองสามลูก
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองส้มเหี่ยวๆ ที่เธอนำมาวาง ให้ตายสิ! ค่าจ้างแต่ละอย่างช่างดีงามเหลือเกิน
อีกฝ่ายหันมามอง "ยังไม่เน่า ก็น้ำส้มที่นายกินไปไง ทำจากส้มนี้แหละ นี่เป็นส้มไร้สารพิษนะ รู้ไหม ส้มทั่วไปมีสารเคมีมากแค่ไหน แล้วปลูกแบบไม่ใส่สารเคมีปลูกยากมากนะอีกอย่างส้มนี้วางอยู่ในอุณหภูมิห้องมาแค่สามอาทิตย์เอง รสชาติยังไม่เปลี่ยนเลย" แม่ครัวตัวดีอธิบายผลการทดลองการเก็บส้มในอุณหภูมิห้อง
"เขี้ยวชะมัด!" เขาบ่นขมุบขมิบเบา ๆ
"ตกลงจะกินหรือไม่กิน อย่างนาย...คงจะ..." แม่ครัวตัวแสบมองใบหน้าขาวละมุนดูเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ผู้ชายอะไรผิวดีขนาดนี้ จะต้องเป็นพวกกินยากเลือกกินแน่นอนเลย
"กินสิ!" เขารีบพูดทับขึ้นมาขณะที่เธอยังพูดไม่ทันจบ สองมือรีบคว้าทั้งกล้วยทั้งส้มรวบมาไว้ใกล้ตัว
คนถูกสบประมาทรีบบิดกล้วยงอมเปลือกสีกระดำกระด่างออกจากหวี พอปอกเปลือกออกผิวข้างในยังดูดีอย่างที่เธอบอกแต่แรก เขาแกล้งกินกล้วยอย่างเอร็ดอร่อยโชว์ทั้งที่ไม่เคยชอบกล้วยเลย จากนั้นแกะเปลือกส้มเหี่ยว ๆ ออกแม้ว่าจะแกะค่อนข้างยากเพราะผิวส้มนั้นแห้งจนติดเนื้อแต่เนื้อส้มข้างในยังสดมาก รสชาติหวานอร่อยชื่นใจ แถมซังยังนุ่มอีกด้วย มันดูที่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริง ๆ
"แล้วจะต้องไปเก็บอะไรบ้างล่ะ เก็บที่ไหน" เขาลุกขึ้นเตรียมพร้อมเป็นลูกมือของเธอแล้ว
หญิงสาวชี้นิ้วไปที่สวนครัวหลังบ้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ตมีชีวิตของบ้านไร่ทะเลฝัน
หนุ่มมาดกวนชะงักเล็กน้อย เกิดมาเคยเข้าสวนที่ไหน ตั้งแต่เล็กเขาจับไมโครโฟนเพื่อฝึกร้องเพลงและเล่นแต่กีต้าร์มาตลอด
"นำไปสิ" เขาเบ้หน้าให้เจ้าของบ้านเดินนำ
แม่ครัวตัวแสบหมุนตัวเดินไปที่ประตู ใบหน้าซ่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ‘คราวนี้นายโดนดีแน่!’ เธอพาเขาเดินไปเก็บเห็ดก่อน เริ่มจากงานง่ายที่สุด
"เราจะทำต้มยำเห็ดฟาง ต้องไปเก็บเห็ดก่อน” เจ้าของสวนบ้านไร่ทะเลฝันพาเขาเดินไปยังแปลงเพาะเห็ดฟาง ซึ่งมองเห็นเป็นแปลงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างราวหนึ่งเมตรแต่ละแปลงจะคลุมด้วยฟางจนมิด แล้วคลุมด้วยพลาสติกใสอีกทีหนึ่ง
หนุ่มผมยาวมองเห็ดฟางด้วยความตื่นเต้น อดเอามือถือออกมาถ่ายรูปไม่ได้ ดอกเห็ดฟางลูกกลมมนสีขาวอมเทาโผล่พ้นดินสีดำที่มีความอุ่นและชื้น
"อยากกินเท่าไหร่ก็เก็บเอาเลย" ปริมาส่งถังขนาดเล็กให้เขาไว้ใส่เห็ดฟาง
"ถ่ายรูปให้หน่อยสิ ดอกใหญ่มาก” เขาส่งมือถือให้เธอก่อนหยิบเห็ดฟางดอกงามมาวางชิดแก้มขาวใสของตัวเอง ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มละมุนที่มุมปาก
ปริมารับมือถือมาถ่ายรูปให้ แม้ว่าจะแอบค่อนแคะเขาอยู่ในใจ ‘ผู้ชายอะไรยิ้มหวานราวกับผู้หญิงขนาดนี้’
"นี่! ถ้าฉันมารับจ้างเก็บเห็ดเธอจะรับไหม" ชายหนุ่มค่อย ๆ ดึงเห็ดฟางออกมาพลางสลัดดินที่ติดมาออกแล้วใส่ลงในถัง
"ไว้มาจริง ๆ ก่อนเหอะ” เธอตอบอย่างไม่เชื่อว่า หนุ่มมาดสำอางดูเป็นศิลปินจ๋าอย่างเขาจะมารับจ้างเธอจริง ๆ แค่เห็นเขาแต่งตัวก็ขัดหูขัดตาเธอไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทรงผม ตุ้มหู เท่ตายล่ะ!
หนุ่มหน้ามนเดินตามหญิงสาวลอดซุ้มเตี้ย ๆ มองเห็นมะเขือเทศสุกสีแดงลูกใหญ่ห้อยระย้าเป็นพวงเต็มไปหมด มีทั้งพริกทั้งบวบ และมะระจีนที่เรื้อยเกาะเกี่ยวกันตามห้างร้านที่ทำจากเชือกในล่อนเป็นตาข่ายที่สูงระดับไหล่
ปริมาแอบอมยิ้มเมื่อเห็น หนุ่มมาดกวนก้มโค้งเก็บมะเขือเทศ เก็บพริก ท่าทางจะก้มจนปวดหลังเพราะเขาตัวสูงมาก แขนขายาวเก้งก้างไปหมด เมื่อต้องอยู่ในที่แคบ ๆ แบบนี้ แม้แปลงผักจะมีอยู่หลายแปลงแต่เธอเจตนาแกล้งให้เขาต้องมาเข้าแปลงนี้โดยเฉพาะ
"พอยัง ปวดหลังจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มเริ่มบ่นที่ต้องก้มตัวตลอดเวลา เพราะหลังคาซุ้มนั้นเตี้ยกว่าตัวเขาเล็กน้อย
"ไหนบอกจะมารับจ้างไม่ใช่เหรอ?"
"ถ้าเธอจ้างจริง ทำได้อยู่แล้ว.... จะให้เก็บอะไรบอกมาเลยคร้าบ..." เขาพยายามยิ้มกลบเกลื่อนแม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยและร้อนก็ตาม พลางยกมือขยับคอเสื้อยืดสีขาวไปมา เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
"ต้องเก็บข่ากับตะไคร้เพิ่ม"
เจ้าของสวนพาเขาออกจากซุ้มมาไม่นานก็เจอแปลงปลูกตะไคร้และข่า
"หักตะไคร้มาสี่ห้าอัน อย่าให้รากมันติดมาล่ะ"
ชายหนุ่มวางถังเก็บเห็ดและมะเขือเทศลงกับพื้นดินแล้วย่อตัวลงข้าง ๆ โคนของต้นตะไคร้กอใหญ่
"เอาต้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ นะ"
อยู่ ๆ หนุ่มผมยาวสะดุ้งโหยง พลันกระโดดออกจากโคนต้นตะไคร้ทันที
"มด..........!” คนตัวสูงตะโกนลั่น รีบวิ่งออกไปยืนห่างๆ ก้มตัวปัดมดตามมือและขากางเกงออกอย่างเร็วที่สุด
หญิงสาวหัวเราะ ก่อนเดินเข้าไปหาแล้วหยิบน้ำมันเขียวจากกระเป๋ากางเกงส่งให้
"โชคดีที่ยังไม่ทันโดนกัด” เขามองหน้าเธอดูมีความสุขเสียจริง นี่มันแกล้งกันใช่ไหม?
"โธ่เอ๊ย! ร้องซะดังเลย ปอดชะมัด" เธอยื่นหน้าไปยิ้มเยาะใส่เขา
ปฏิการชี้นิ้วมาที่หน้าผากของหญิงสาวแล้วชี้ไปยังผมของตัวเอง
"มดอยู่ที่ผมเธอ"
สิ้นคำพูดของเขา อีกฝ่ายรีบก้มศีรษะลง ยกมือปัดผมตัวเองเป็นพัลวัน
หนุ่มหน้ากวนฉีกยิ้มกว้าง
“มีซะเมื่อไหร่? ล้อเล่น...น้า...." เขาเอาคืนบ้าง พลางโบกมือล้ออีกฝ่าย
ปริมาชักสีหน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกชายหนุ่มแกล้งเอาบ้าง
"ทำงานต่อได้แล้ว หิ้วถังมาด้วย” คนเสียหน้าหันไปสั่งเสียงห้วน แล้วเดินนำไป
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่3 ค่าจ้างของเขา?
ปริมากรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันมามองหน้าของคนประคองตัวเธอเอาไว้ เธอรีบผละออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างด่วนจี๋
“นะ...นาย! เข้ามาทำไมเงียบ ๆ” แม่ครัวรัวคำพูดด้วยความตกใจไม่หาย
“ต่อไปห้ามเข้ามาเงียบ ๆ อีก เข้าใจไหม!” หญิงสาวโวยวายเสียงดังลั่นมองใบหน้าอมยิ้มน้อย ๆ ของหนุ่มผมยาวยิ่งไม่พอใจ ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ทำไมเขาถึงไม่กลับบ้านกลับช่องไปสักทีนะ!
“ฉันถามว่าเข้าใจไหม!”
คนถูกถามก้มหัวลงรับคำอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มระรื่น ทำตาแบ๊วๆ
"เข้าใจ...แต่จะทำตามหรือไม่ ก็...อีกเรื่องหนึ่ง" เขาเอียงคอแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท
ปริมาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม!! เกลียดรอยยิ้มกวนโอ๊ยของเขาเสียจริง เธอเดินเลี่ยงไปเก็บเปลือกส้มและล้างภาชนะต่อ
“นี่! ขอน้ำกินหน่อย ขับรถไปตั้งไกล ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนมากรู้หรือเปล่า?” เขาเริ่มบ่นบ้าง
“แก้วอยู่นั่น” เธอชี้มือไปยังชั้นวางแก้วน้ำและมีเหยือกน้ำตั้งอยู่ใกล้ ๆ
“บริการตัวเองนะ ยังไม่ว่าง!”
หนุ่มผมยาวส่ายหัว ก่อนจะหยิบแก้วแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขามองเห็นน้ำส้มคั้นในเหยือกใสสี่เหลี่ยมทรงสูง ปฏิการยกเหยือกมาเทน้ำส้มใส่แก้วดื่มด้วยความกระหาย รู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง รสชาติหวานเปรี้ยวถูกใจจริง ๆ
ปริมาหันมามองด้วยความตกใจ เบิกตาโต เมื่อเห็นเหยือกน้ำส้มอยู่ในมือของหนุ่มจอมกวน
“นี่! ใครอนุญาตให้นายกินน้ำส้ม”
หนุ่มผมยาวเลิกคิ้ว “ต้องขออนุญาตด้วย?”
เขาพ่นลมออกมาทางปาก
“เหอะ!”
มันอะไรกันเนี่ย! เขี้ยวชะมัด! คิดแล้วเขาก็เทน้ำส้มใส่แก้วเพิ่มอีกหน้าตาเฉย
แม่ครัวร่างเล็กรีบปราดเข้ามาแย่งเหยือกน้ำส้มจากมือของอีกฝ่ายทันที พลางตะโกนเสียงดังห้ามปราม
“หยุด! พอแล้ว!”
“ยังไม่พอ... ยังไม่หายหิวเลย” เขายื้อเหยือกน้ำส้มมาประชิดตัวเอง มองหน้าคนโวยวายแล้วยิ้มอย่างกวนประสาท ปฏิการยังพยายามเทน้ำส้มใส่แก้วตัวเองอีก
“เอ๊... อย่าแย่งสิ! เดี๋ยวหก นี่เป็นค่าจ้างของฉันนะ” หนุ่มขี้แกล้งเบี่ยงตัวหลบ ยกเหยือกขึ้นสูง รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างนึกสนุกมีความสุขที่ได้กวนเจ้าของบ้าน
“ฉันกับพี่ปรามยังไม่ได้กินเลยนะ นายจะกินหมดเลยเหรอ” เสียงหญิงสาวอ่อนลง เมื่อไม่สามารถแย่งเหยือกน้ำส้มที่อยู่สูงกว่าตัวเธอได้
“ก็ได้!” เขามองแม่ครัวตัวดีอย่างสงสาร “แล้วมีอะไรกินบ้างล่ะ”
“ต้มมะระผักกาดดอง ของโปรดพี่ปรามเลย” พี่ชายได้บอกเธอก่อนหน้านี้ ให้ทำอาหารตามที่ปฏิการขอและย้ำกับเธอว่าต้องทำให้เขาด้วย แต่คนอย่างเธอมีหรือที่จะยอมทำให้เขาง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก!!
"ทำไม! กินไม่เป็นเหรอ หรือกินไม่ได้!" เธอมองหน้าเขาที่ดูจะไม่ปลื้มเท่าไหร่
หนุ่มผมยาวทำจมูกย่น เขาเกลียดมะระทำไมค่าจ้างของเขากลายเป็นต้มมะระผักกาดดองไปได้ ไม่เอาเด็ดขาด!
“กินได้ แต่ไม่อยากกิน มีอะไรไหม? ปรามบอกว่าอยากกินอะไรให้บอกเธอได้เลย คงเข้าใจนะ” เขาพูดพลางตีสีหน้ายียวนกวนโอ๊ย
“แล้วจะกินอะไร ไม่ทราบ?! ทำเองเลยก็ได้นะ” เธอสะบัดเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ จนมุมที่จะเลี่ยงไม่ยอมทำให้เขาพลางเดินไปดูหม้อข้าวที่หุงสุกแล้ว
“นี่! ฉันอุตส่าห์ช่วยไปส่งของให้เธอตั้งไกลนะ เธอทำแบบนี้กับผู้มีบุญคุณได้ยังไง” ปฏิการเดินตามไปโวยวายกับเธอต่อ
ปริมาหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน
“บุญคุณหมดไป ตั้งแต่...นายต้องการค่าจ้างแล้ว” หญิงสาวเน้นคำ
“งั้น! ฉันต้องการรับค่าจ้าง เดี๋ยวนี้!” คนตัวสูงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่สูงเลยไหล่ของเขานิดเดียว
ปริมาอยากจะร้องกรี๊ด แต่ทว่าเธอห้ามตัวเองเอาไว้ พลางถอนหายใจออกเบา ๆ บอกตัวเองใจเย็นไว้พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น
“ได้สิ! อยากกินอะไรคะ” เธอกัดฟันข่มใจให้ร่ม ๆ แกล้งทำเป็นพูดดีกับเขา
เพื่อนพี่ชายตีสีหน้าครุ่นคิด แล้วดีดนิ้วอย่างนึกอะไรบางอย่างออก
"ต้มยำ ทำเป็นมั้ยล่ะ” เขารู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมา ตอนแม่ยังไม่เลิกกับพ่อ แม่ของเขาชอบทำต้มยำให้ทาน ฝีมือแม่อร่อยมาก
"ได้...แต่ตอนนี้ในตู้เย็นมีของไม่ครบ นายจะช่วยไปเก็บในสวนให้หน่อยได้ไหมล่ะ” เธอแกล้งทำเสียงขอร้อง
"ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หิวมาก หาอะไรมารองท้องก่อนสิ” เขายกมือตบท้องตัวเองเบา แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะกลางห้อง
แม่ครัวตัวดีเดินไปหยิบกล้วยมาให้
หนุ่มผมยาวเบิกตาโตมองกล้วยน้ำว้าสุกงอมจนเปลือกกลายเป็นสีดำครึ่งหวีในมือของเธอ
"หะ!" เขาอุทานในลำคอ
"ให้กินกล้วยเน่านี่นะ!" ปกติเขาไม่เคยนึกอยากกินกล้วยซักนิดเลย แม้จะมีกล้วยสวย ๆ หวีงาม ๆ วางอยู่บนโต๊ะอาหารก็ตาม
"อะไร! นี่คือของมีค่าของที่นี่เลยนะ เน่าที่ไหน ยังไม่เน่า นายไม่รู้อะไร... กล้วยมีประโยชน์มาก อุดมด้วยวิตามินมากมาย แค่กินกล้วยก็ได้วิตามินเกือบครบแล้ว ไม่เชื่อลองค้นหาในกูเกิ้ลดูสิ ที่รีสอร์ตของเราใช้กล้วยแทนน้ำตาลในการทำน้ำปั่นผัก ขายดีสุด ๆ เลย" เธอพูดถึงรีสอร์ตเล็กๆ ชื่อบ้านไร่ทะเลฝัน อยู่ติดทะเล ซึ่งแม่ทิ้งมรดกไว้ให้ก่อนเสียชีวิต ปริมาเดินเอากล้วยไปวางที่โต๊ะกลางห้องครัวแถมหยิบส้มมาวางให้อีกสองสามลูก
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองส้มเหี่ยวๆ ที่เธอนำมาวาง ให้ตายสิ! ค่าจ้างแต่ละอย่างช่างดีงามเหลือเกิน
อีกฝ่ายหันมามอง "ยังไม่เน่า ก็น้ำส้มที่นายกินไปไง ทำจากส้มนี้แหละ นี่เป็นส้มไร้สารพิษนะ รู้ไหม ส้มทั่วไปมีสารเคมีมากแค่ไหน แล้วปลูกแบบไม่ใส่สารเคมีปลูกยากมากนะอีกอย่างส้มนี้วางอยู่ในอุณหภูมิห้องมาแค่สามอาทิตย์เอง รสชาติยังไม่เปลี่ยนเลย" แม่ครัวตัวดีอธิบายผลการทดลองการเก็บส้มในอุณหภูมิห้อง
"เขี้ยวชะมัด!" เขาบ่นขมุบขมิบเบา ๆ
"ตกลงจะกินหรือไม่กิน อย่างนาย...คงจะ..." แม่ครัวตัวแสบมองใบหน้าขาวละมุนดูเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ผู้ชายอะไรผิวดีขนาดนี้ จะต้องเป็นพวกกินยากเลือกกินแน่นอนเลย
"กินสิ!" เขารีบพูดทับขึ้นมาขณะที่เธอยังพูดไม่ทันจบ สองมือรีบคว้าทั้งกล้วยทั้งส้มรวบมาไว้ใกล้ตัว
คนถูกสบประมาทรีบบิดกล้วยงอมเปลือกสีกระดำกระด่างออกจากหวี พอปอกเปลือกออกผิวข้างในยังดูดีอย่างที่เธอบอกแต่แรก เขาแกล้งกินกล้วยอย่างเอร็ดอร่อยโชว์ทั้งที่ไม่เคยชอบกล้วยเลย จากนั้นแกะเปลือกส้มเหี่ยว ๆ ออกแม้ว่าจะแกะค่อนข้างยากเพราะผิวส้มนั้นแห้งจนติดเนื้อแต่เนื้อส้มข้างในยังสดมาก รสชาติหวานอร่อยชื่นใจ แถมซังยังนุ่มอีกด้วย มันดูที่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริง ๆ
"แล้วจะต้องไปเก็บอะไรบ้างล่ะ เก็บที่ไหน" เขาลุกขึ้นเตรียมพร้อมเป็นลูกมือของเธอแล้ว
หญิงสาวชี้นิ้วไปที่สวนครัวหลังบ้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ตมีชีวิตของบ้านไร่ทะเลฝัน
หนุ่มมาดกวนชะงักเล็กน้อย เกิดมาเคยเข้าสวนที่ไหน ตั้งแต่เล็กเขาจับไมโครโฟนเพื่อฝึกร้องเพลงและเล่นแต่กีต้าร์มาตลอด
"นำไปสิ" เขาเบ้หน้าให้เจ้าของบ้านเดินนำ
แม่ครัวตัวแสบหมุนตัวเดินไปที่ประตู ใบหน้าซ่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ‘คราวนี้นายโดนดีแน่!’ เธอพาเขาเดินไปเก็บเห็ดก่อน เริ่มจากงานง่ายที่สุด
"เราจะทำต้มยำเห็ดฟาง ต้องไปเก็บเห็ดก่อน” เจ้าของสวนบ้านไร่ทะเลฝันพาเขาเดินไปยังแปลงเพาะเห็ดฟาง ซึ่งมองเห็นเป็นแปลงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างราวหนึ่งเมตรแต่ละแปลงจะคลุมด้วยฟางจนมิด แล้วคลุมด้วยพลาสติกใสอีกทีหนึ่ง
หนุ่มผมยาวมองเห็ดฟางด้วยความตื่นเต้น อดเอามือถือออกมาถ่ายรูปไม่ได้ ดอกเห็ดฟางลูกกลมมนสีขาวอมเทาโผล่พ้นดินสีดำที่มีความอุ่นและชื้น
"อยากกินเท่าไหร่ก็เก็บเอาเลย" ปริมาส่งถังขนาดเล็กให้เขาไว้ใส่เห็ดฟาง
"ถ่ายรูปให้หน่อยสิ ดอกใหญ่มาก” เขาส่งมือถือให้เธอก่อนหยิบเห็ดฟางดอกงามมาวางชิดแก้มขาวใสของตัวเอง ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มละมุนที่มุมปาก
ปริมารับมือถือมาถ่ายรูปให้ แม้ว่าจะแอบค่อนแคะเขาอยู่ในใจ ‘ผู้ชายอะไรยิ้มหวานราวกับผู้หญิงขนาดนี้’
"นี่! ถ้าฉันมารับจ้างเก็บเห็ดเธอจะรับไหม" ชายหนุ่มค่อย ๆ ดึงเห็ดฟางออกมาพลางสลัดดินที่ติดมาออกแล้วใส่ลงในถัง
"ไว้มาจริง ๆ ก่อนเหอะ” เธอตอบอย่างไม่เชื่อว่า หนุ่มมาดสำอางดูเป็นศิลปินจ๋าอย่างเขาจะมารับจ้างเธอจริง ๆ แค่เห็นเขาแต่งตัวก็ขัดหูขัดตาเธอไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทรงผม ตุ้มหู เท่ตายล่ะ!
หนุ่มหน้ามนเดินตามหญิงสาวลอดซุ้มเตี้ย ๆ มองเห็นมะเขือเทศสุกสีแดงลูกใหญ่ห้อยระย้าเป็นพวงเต็มไปหมด มีทั้งพริกทั้งบวบ และมะระจีนที่เรื้อยเกาะเกี่ยวกันตามห้างร้านที่ทำจากเชือกในล่อนเป็นตาข่ายที่สูงระดับไหล่
ปริมาแอบอมยิ้มเมื่อเห็น หนุ่มมาดกวนก้มโค้งเก็บมะเขือเทศ เก็บพริก ท่าทางจะก้มจนปวดหลังเพราะเขาตัวสูงมาก แขนขายาวเก้งก้างไปหมด เมื่อต้องอยู่ในที่แคบ ๆ แบบนี้ แม้แปลงผักจะมีอยู่หลายแปลงแต่เธอเจตนาแกล้งให้เขาต้องมาเข้าแปลงนี้โดยเฉพาะ
"พอยัง ปวดหลังจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มเริ่มบ่นที่ต้องก้มตัวตลอดเวลา เพราะหลังคาซุ้มนั้นเตี้ยกว่าตัวเขาเล็กน้อย
"ไหนบอกจะมารับจ้างไม่ใช่เหรอ?"
"ถ้าเธอจ้างจริง ทำได้อยู่แล้ว.... จะให้เก็บอะไรบอกมาเลยคร้าบ..." เขาพยายามยิ้มกลบเกลื่อนแม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยและร้อนก็ตาม พลางยกมือขยับคอเสื้อยืดสีขาวไปมา เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
"ต้องเก็บข่ากับตะไคร้เพิ่ม"
เจ้าของสวนพาเขาออกจากซุ้มมาไม่นานก็เจอแปลงปลูกตะไคร้และข่า
"หักตะไคร้มาสี่ห้าอัน อย่าให้รากมันติดมาล่ะ"
ชายหนุ่มวางถังเก็บเห็ดและมะเขือเทศลงกับพื้นดินแล้วย่อตัวลงข้าง ๆ โคนของต้นตะไคร้กอใหญ่
"เอาต้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ นะ"
อยู่ ๆ หนุ่มผมยาวสะดุ้งโหยง พลันกระโดดออกจากโคนต้นตะไคร้ทันที
"มด..........!” คนตัวสูงตะโกนลั่น รีบวิ่งออกไปยืนห่างๆ ก้มตัวปัดมดตามมือและขากางเกงออกอย่างเร็วที่สุด
หญิงสาวหัวเราะ ก่อนเดินเข้าไปหาแล้วหยิบน้ำมันเขียวจากกระเป๋ากางเกงส่งให้
"โชคดีที่ยังไม่ทันโดนกัด” เขามองหน้าเธอดูมีความสุขเสียจริง นี่มันแกล้งกันใช่ไหม?
"โธ่เอ๊ย! ร้องซะดังเลย ปอดชะมัด" เธอยื่นหน้าไปยิ้มเยาะใส่เขา
ปฏิการชี้นิ้วมาที่หน้าผากของหญิงสาวแล้วชี้ไปยังผมของตัวเอง
"มดอยู่ที่ผมเธอ"
สิ้นคำพูดของเขา อีกฝ่ายรีบก้มศีรษะลง ยกมือปัดผมตัวเองเป็นพัลวัน
หนุ่มหน้ากวนฉีกยิ้มกว้าง
“มีซะเมื่อไหร่? ล้อเล่น...น้า...." เขาเอาคืนบ้าง พลางโบกมือล้ออีกฝ่าย
ปริมาชักสีหน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกชายหนุ่มแกล้งเอาบ้าง
"ทำงานต่อได้แล้ว หิ้วถังมาด้วย” คนเสียหน้าหันไปสั่งเสียงห้วน แล้วเดินนำไป