ตอนเดิม
บทที่ 2
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มมองเห็นถึงความปรารถนาดีในแววตาของหญิงสาวแปลกหน้า แม้ยังนึกแคลงใจในการปรากฏตัวของเธอ แต่ก็รับเอาผ้าผืนนั้นมาถือไว้ ยกมันขึ้นแตะเบา ๆ บริเวณใบหน้าและลำคอ ไม่กล้าเอามันเช็ดหน้าตัวเองตรง ๆ ส่วนสายตายังจับจ้องไปที่ดวงหน้าของหญิงสาว เธอคนนี้มีเส้นผมดำยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง ล้อมกรอบใบหน้าให้ดูขาวโพลนอยู่ในแสงสลัว หญิงสาวเห็นเขามองก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจตามประสาคนบ้านนอก
“ผ้าผืนนี้ฉันเพิ่งซักมาใหม่ ๆ คุณครูใช้ได้เลยจ้ะ ฉันยังไม่ได้ใช้มันหรอก”
ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอพูดดักคอเขาแกมเสียงหัวเราะเบา ๆ แถมยังเรียกเขาว่า ‘คุณครู’ ราวกับรู้มาก่อนแล้วว่า เขาเป็นใคร ชายหนุ่มยิ้มอาย ๆ ที่เผลอไปทำท่าเหมือนไม่ไว้ใจเธอเข้า ใช้ผ้าผืนนั้นซับหยดน้ำตามท้ายทอย ลำคอและลำตัว รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้กรุ่นกำจายอยู่ในผ้าผืนนั้น เขาสูดลมหายใจลึก...กลิ่นคล้ายดอกมะลิ
“เอ้อ...คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ครับ”
ใช้ผ้าของเธอเช็ดน้ำฝนไปด้วย พลางมองไปทางข้างในถ้ำ เข้าใจว่าเธอจะต้องออกมาจากทางนั้น อาจเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านออกมาหาของป่า พอดีเจอฝนตก เลยเข้ามาหลบฝนอยู่ในถ้ำ ก่อนหน้าเขาจะเข้ามา
“ฉันเข้ามาหลบฝนจ้ะ” คำตอบเป็นไปตามที่เขาคิดไว้
“ฉันชื่อซ่อนกลิ่นจ้ะ ออกมาหาหน่อไม้ไปทำอาหารให้คุณครูกินนั่นแหละ”
เธอพูดต่อในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง ซึ่งทำเอาชานนท์ถึงกับอึ้งไป นึกซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวชาวบ้านป่า
“ขอบคุณมากครับ ดูเหมือนเรื่องที่ผมจะมาสอนหนังสือที่นี่ ชาวบ้านคงรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว”
“ผู้ใหญ่บ้านประกาศมาหลายวันแล้วจ้ะ บอกว่ามีจะคุณครูคนใหม่มาสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ช่วยครูนิมิตร ชื่อครูชานนท์ คุณครูจะมาวันนี้ คุ้มริมผามันอยู่ไกล เข้ามาลำบาก ไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามากันนักหรอก ฉันเห็นครูก็รู้ว่าต้องเป็นครูคนใหม่แน่ ๆ”
ได้ยินที่หญิงสาวพูด ชายหนุ่มก็ยิ้มดีใจ การเริ่มต้นทำงานใหม่ของเขาที่นี่คงไม่น่าหนักใจอะไรนัก เพราะรู้สึกได้ถึงความมีน้ำใจของชาวบ้านคุ้มริมผา
สายฝนเริ่มซาเม็ดลง ท้องฟ้าสว่างมากขึ้น ดวงหน้าขาวกระจ่างของหญิงสาวดูสดใสตามไปด้วย เขาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตาคู่ดำขลับ ดูโศกซึ้ง ริมฝีปากอิ่มเต็มดูซีดเซียว แต่โดยรวมแล้วซ่อนกลิ่นเป็นหญิงสาวที่สวยเลยทีเดียว รูปร่างของเธอค่อนข้างเพรียวบาง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวและผ้าถุงสีขรึมแบบชาวบ้านทั่วไป แปลกใจอยู่บ้างที่เธอกล้าเข้ามาในป่าคนเดียว เพราะแถวนี้ดูไปแล้วมันทั้งเปลี่ยวทั้งวังเวง อาจมีอันตรายสำหรับหญิงสาวหน้าตาดีแบบเธอ
แต่คิดดูอีกที ซ่อนกลิ่นอาจชินเสียแล้ว ที่นี่อาจไม่มีอันตรายอะไรกับคนในหมู่บ้าน...บ้านนอกไม่ได้มีคนร้ายชุกชุมเหมือนในเมืองใหญ่ ที่ผู้หญิงมักไม่ปลอดภัย หากไปไหนมาไหนตามลำพัง
“ท่าทางคุณครูคงจะหลงทางมา ทางนี้เป็นท้ายหมู่บ้านจ้ะ ถัดไปจะเจอหน้าผาแล้ว ไปต่ออีกไม่ได้ ครูชานนท์ขี่รถอ้อมมาซะไกลเชียว”
“อ้าว! มิน่าล่ะ ขับมายังไงก็ไม่ถึงหมู่บ้านเสียที พ้นจากถนนลูกรังมาแล้ว ก็มีทางแยกไปอีกหลายทาง แต่ไม่มีป้ายบอก ผมเลยเสี่ยงมาทางนี้ ดีที่มาเจอคุณก่อน ไม่งั้นผมคงหลงไปถึงหน้าผา แล้วคงต้องเสียเวลาวกกลับมาหาทางไปหมู่บ้านใหม่”
ชายหนุ่มอุทานเสียงดัง บ่นอู้กับเส้นทางวกวนของหมู่บ้าน ที่น่าจะมีป้ายสัญญาณกำกับบอกเส้นทางเอาไว้บ้าง
“ครูเรียกฉันว่าแก้มก็ได้จ้ะ”
หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ขณะบอกชื่อเล่นของตัวเองให้ครูหนุ่มเรียกง่ายขึ้น เป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่มองดูแล้วเย็นตาเย็นใจอย่างอธิบายไม่ถูก ชายหนุ่มรู้สึกชอบรอยยิ้มแบบนี้ของหญิงสาว มันทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองของเขาดีขึ้น เผลอจ้องมองริมฝีปากอิ่มเต็มที่คลี่ยิ้มออก จนเมื่อได้ยินเสียงเธอพูดบอกจึงรู้สึกตัว เสมองไปที่มือเธอ เห็นหิ้วตะกร้าสานใบย่อมใส่หน่อไม้อ่อนมาด้วยสองสามหน่อ
“ป้ายบอกทางเคยมีจ้ะ รวมทั้งป้ายหมู่บ้านด้วย แต่มันโดนทำลายเสียหายไปแล้ว เดี๋ยวคุณครูเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมนะจ๊ะ พอถึงทางแยกข้างหน้าให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อย ๆ อย่าเลี้ยวไปทางไหนอีก แล้วจะเจอบ้านหลังแรกของป้าแช่ม ป้าแกอยู่บ้าน ครูถามทางไปโรงเรียนจากป้าแช่มอีกทีนะจ๊ะ จะได้ไปถูก”
เสียงนุ่ม ๆ เย็น ๆ ของซ่อนกลิ่นบอกมาอีก ชานนท์ชะเง้อมองดูนอกปากถ้ำ เห็นแสงแดดเริ่มส่องทะลุผ่านม่านเมฆลงมาบ้างแล้ว มองเลยไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่ไม่ต่างจากทางเดินป่าของชาวบ้าน แล้วจึงหันมาถามหญิงสาว
“ฝนหยุดตกพอดี คุณแก้มจะซ้อนรถผมกลับเข้าหมู่บ้านก็ได้นะครับ”
พลันเขาก็ต้องชะงัก อึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อหันมาเจอกับความว่างเปล่า หญิงสาวที่เขาคุยด้วยเมื่อครู่ ได้อันตรธานไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ เหลือเพียงผ้าขนหนูที่เขากำอยู่ในมือให้ดูแทนตัว
(มีต่อ)
เสน่หานางไพร ตอนที่ 2
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มมองเห็นถึงความปรารถนาดีในแววตาของหญิงสาวแปลกหน้า แม้ยังนึกแคลงใจในการปรากฏตัวของเธอ แต่ก็รับเอาผ้าผืนนั้นมาถือไว้ ยกมันขึ้นแตะเบา ๆ บริเวณใบหน้าและลำคอ ไม่กล้าเอามันเช็ดหน้าตัวเองตรง ๆ ส่วนสายตายังจับจ้องไปที่ดวงหน้าของหญิงสาว เธอคนนี้มีเส้นผมดำยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง ล้อมกรอบใบหน้าให้ดูขาวโพลนอยู่ในแสงสลัว หญิงสาวเห็นเขามองก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจตามประสาคนบ้านนอก
“ผ้าผืนนี้ฉันเพิ่งซักมาใหม่ ๆ คุณครูใช้ได้เลยจ้ะ ฉันยังไม่ได้ใช้มันหรอก”
ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอพูดดักคอเขาแกมเสียงหัวเราะเบา ๆ แถมยังเรียกเขาว่า ‘คุณครู’ ราวกับรู้มาก่อนแล้วว่า เขาเป็นใคร ชายหนุ่มยิ้มอาย ๆ ที่เผลอไปทำท่าเหมือนไม่ไว้ใจเธอเข้า ใช้ผ้าผืนนั้นซับหยดน้ำตามท้ายทอย ลำคอและลำตัว รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้กรุ่นกำจายอยู่ในผ้าผืนนั้น เขาสูดลมหายใจลึก...กลิ่นคล้ายดอกมะลิ
“เอ้อ...คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่ครับ”
ใช้ผ้าของเธอเช็ดน้ำฝนไปด้วย พลางมองไปทางข้างในถ้ำ เข้าใจว่าเธอจะต้องออกมาจากทางนั้น อาจเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านออกมาหาของป่า พอดีเจอฝนตก เลยเข้ามาหลบฝนอยู่ในถ้ำ ก่อนหน้าเขาจะเข้ามา
“ฉันเข้ามาหลบฝนจ้ะ” คำตอบเป็นไปตามที่เขาคิดไว้
“ฉันชื่อซ่อนกลิ่นจ้ะ ออกมาหาหน่อไม้ไปทำอาหารให้คุณครูกินนั่นแหละ”
เธอพูดต่อในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง ซึ่งทำเอาชานนท์ถึงกับอึ้งไป นึกซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวชาวบ้านป่า
“ขอบคุณมากครับ ดูเหมือนเรื่องที่ผมจะมาสอนหนังสือที่นี่ ชาวบ้านคงรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว”
“ผู้ใหญ่บ้านประกาศมาหลายวันแล้วจ้ะ บอกว่ามีจะคุณครูคนใหม่มาสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ช่วยครูนิมิตร ชื่อครูชานนท์ คุณครูจะมาวันนี้ คุ้มริมผามันอยู่ไกล เข้ามาลำบาก ไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามากันนักหรอก ฉันเห็นครูก็รู้ว่าต้องเป็นครูคนใหม่แน่ ๆ”
ได้ยินที่หญิงสาวพูด ชายหนุ่มก็ยิ้มดีใจ การเริ่มต้นทำงานใหม่ของเขาที่นี่คงไม่น่าหนักใจอะไรนัก เพราะรู้สึกได้ถึงความมีน้ำใจของชาวบ้านคุ้มริมผา
สายฝนเริ่มซาเม็ดลง ท้องฟ้าสว่างมากขึ้น ดวงหน้าขาวกระจ่างของหญิงสาวดูสดใสตามไปด้วย เขาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตาคู่ดำขลับ ดูโศกซึ้ง ริมฝีปากอิ่มเต็มดูซีดเซียว แต่โดยรวมแล้วซ่อนกลิ่นเป็นหญิงสาวที่สวยเลยทีเดียว รูปร่างของเธอค่อนข้างเพรียวบาง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวและผ้าถุงสีขรึมแบบชาวบ้านทั่วไป แปลกใจอยู่บ้างที่เธอกล้าเข้ามาในป่าคนเดียว เพราะแถวนี้ดูไปแล้วมันทั้งเปลี่ยวทั้งวังเวง อาจมีอันตรายสำหรับหญิงสาวหน้าตาดีแบบเธอ
แต่คิดดูอีกที ซ่อนกลิ่นอาจชินเสียแล้ว ที่นี่อาจไม่มีอันตรายอะไรกับคนในหมู่บ้าน...บ้านนอกไม่ได้มีคนร้ายชุกชุมเหมือนในเมืองใหญ่ ที่ผู้หญิงมักไม่ปลอดภัย หากไปไหนมาไหนตามลำพัง
“ท่าทางคุณครูคงจะหลงทางมา ทางนี้เป็นท้ายหมู่บ้านจ้ะ ถัดไปจะเจอหน้าผาแล้ว ไปต่ออีกไม่ได้ ครูชานนท์ขี่รถอ้อมมาซะไกลเชียว”
“อ้าว! มิน่าล่ะ ขับมายังไงก็ไม่ถึงหมู่บ้านเสียที พ้นจากถนนลูกรังมาแล้ว ก็มีทางแยกไปอีกหลายทาง แต่ไม่มีป้ายบอก ผมเลยเสี่ยงมาทางนี้ ดีที่มาเจอคุณก่อน ไม่งั้นผมคงหลงไปถึงหน้าผา แล้วคงต้องเสียเวลาวกกลับมาหาทางไปหมู่บ้านใหม่”
ชายหนุ่มอุทานเสียงดัง บ่นอู้กับเส้นทางวกวนของหมู่บ้าน ที่น่าจะมีป้ายสัญญาณกำกับบอกเส้นทางเอาไว้บ้าง
“ครูเรียกฉันว่าแก้มก็ได้จ้ะ”
หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ขณะบอกชื่อเล่นของตัวเองให้ครูหนุ่มเรียกง่ายขึ้น เป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่มองดูแล้วเย็นตาเย็นใจอย่างอธิบายไม่ถูก ชายหนุ่มรู้สึกชอบรอยยิ้มแบบนี้ของหญิงสาว มันทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองของเขาดีขึ้น เผลอจ้องมองริมฝีปากอิ่มเต็มที่คลี่ยิ้มออก จนเมื่อได้ยินเสียงเธอพูดบอกจึงรู้สึกตัว เสมองไปที่มือเธอ เห็นหิ้วตะกร้าสานใบย่อมใส่หน่อไม้อ่อนมาด้วยสองสามหน่อ
“ป้ายบอกทางเคยมีจ้ะ รวมทั้งป้ายหมู่บ้านด้วย แต่มันโดนทำลายเสียหายไปแล้ว เดี๋ยวคุณครูเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมนะจ๊ะ พอถึงทางแยกข้างหน้าให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปเรื่อย ๆ อย่าเลี้ยวไปทางไหนอีก แล้วจะเจอบ้านหลังแรกของป้าแช่ม ป้าแกอยู่บ้าน ครูถามทางไปโรงเรียนจากป้าแช่มอีกทีนะจ๊ะ จะได้ไปถูก”
เสียงนุ่ม ๆ เย็น ๆ ของซ่อนกลิ่นบอกมาอีก ชานนท์ชะเง้อมองดูนอกปากถ้ำ เห็นแสงแดดเริ่มส่องทะลุผ่านม่านเมฆลงมาบ้างแล้ว มองเลยไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่ไม่ต่างจากทางเดินป่าของชาวบ้าน แล้วจึงหันมาถามหญิงสาว
“ฝนหยุดตกพอดี คุณแก้มจะซ้อนรถผมกลับเข้าหมู่บ้านก็ได้นะครับ”
พลันเขาก็ต้องชะงัก อึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อหันมาเจอกับความว่างเปล่า หญิงสาวที่เขาคุยด้วยเมื่อครู่ ได้อันตรธานไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ เหลือเพียงผ้าขนหนูที่เขากำอยู่ในมือให้ดูแทนตัว
(มีต่อ)