ตอนเดิม
บทที่ 1
รถจักรยานยนต์แบบวิบาก กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง วิ่งตะบึงมาตามทางลูกรังที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามช่องเขา มันเป็นเส้นทางเดียวที่ใช้ติดต่อกับโลกภายนอกของหมู่บ้าน ‘คุ้มริมผา’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวเงียบอยู่หลังเขาอันห่างไกลและทุรกันดารมาช้านาน
ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมเข้ม แต่งกายทะมัดทะแมงด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังกับกางเกงยีนอย่างพร้อมลุย บนอานรถจักรยานยนต์คันนั้น กำลังพยายามเร่งเครื่องความเร็วรถให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ผ่านเส้นทางขรุขระ เต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยมากมาย และหลุมบ่อที่น่ากลัวอันตราย หากพลาดหลบไม่พ้น อาจทำให้รถเสียหลักล้มได้ง่าย แต่คงไปเร็วไม่ได้อย่างใจนัก สีหน้าของเขาจึงค่อนข้างเคร่งเครียด สายตาเข้มใต้คิ้วหนาเหลือบมองท้องฟ้า ที่ก่อนหน้าเคยสว่างจ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มมีก้อนเมฆสีเทาขนาดใหญ่ เคลื่อนตัวมาบดบังแสงตะวันไว้ ทำให้บรรยากาศกลางป่ากลางเขามืดสลัวลงทุกที...ฝนกำลังจะตกในไม่ช้านี้แล้วอย่างแน่นอน
ชานนท์...ครูหนุ่มวัยเบญจเพส ผู้พกพาศรัทธาอันแรงกล้ามาเต็มเปี่ยม กำลังวิตกว่า ตัวเองจะต้องมาขับขี่รถอยู่ท่ามกลางห่าฝน บนเส้นทางโดดเดี่ยวนี้เพียงลำพัง กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังมามีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด กับของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อย มันคงจะเปียกปอนหมดถ้าหากถูกฝนตกใส่ ส่วนกระเป๋าอีกใบที่มัดติดท้ายรถมา บรรจุอาหารแห้งพวกปลากระป๋องกับซองบะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งคงไม่เป็นไร ห่วงแต่ใบที่บรรจุหนังสือกับเอกสารสำคัญ ที่มัดติดไว้ด้วยกัน โชคดีหน่อยที่มันทำด้วยหนัง อย่างน้อยก็คงกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ก่อนเขาจะหาที่หลบฝนเจอ
กวาดตามองสองข้างทางเปล่าเปลี่ยว มีแต่ต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นหนาทึบ เต็มไปด้วยหน้าผาและโขดหิน บางช่วงเป็นป่าละเมาะ แต่ก็มองไม่เห็นที่ไหนเหมาะจะใช้เป็นที่กำบังสายฝนได้ หากมันตกกระหน่ำลงมาจริง ๆ
ขับรถพลางระบายลมหายใจยาว ทำไมเขาจึงตัดสินใจมาลำบากอยู่ที่นี่...แวบหนึ่งของความคิด ชานนท์นึกถามใจตัวเองที่กำลังหวั่นวิตก...ก็เพราะคิดว่าอยากจะช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่นี่น่ะสิ...โรงเรียนซึ่งมีครูย้ายออกไปทุกปี และแทบไม่มีครูบรรจุใหม่คนไหนอยากย้ายมาอยู่เลย รวมทั้งครูสาวคนที่เขาตัดสินใจแลกโรงเรียนกันกับเธอ นั่นคือคำตอบในใจของเขาเอง
หากแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด คำตอบลึกกว่านั้นก็คือ เขากำลังหาที่หลบเลียแผลใจจากหญิงสาวที่ตนเองหลงรัก...ชนาภา ลูกสาวคหบดีผู้มีอันจะกิน ในจังหวัดที่เขาเพิ่งจากมา เธอผู้มีวิถีชีวิตแตกต่างกันกับเด็กวัดลูกกำพร้า ที่อาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงตากินแบบเขา ราวฟ้ากับดิน
หลังเรียนจบจากระดับมัธยมฯ มาด้วยกัน ด้วยความฝันอยากเป็นครู ชานนท์จึงเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยครู ด้วยทุนการศึกษาของหลวงตา ส่วนชนาภาก็เข้าเรียนต่อในรั้วของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าทั้งสองคนรักกัน แต่พลันที่เรียนจบ ขณะชานนท์กำลังรอสอบรรจุเป็นข้าราชการครู เขาก็ได้รับข่าวร้ายจากชนาภา ดอกฟ้าที่เขาหมายปองจะสอยลงมาเป็นคู่ชีวิต ว่าเธอกำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กับลูกชายของมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย
เด็กวัดอย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากหอบเอาหัวใจอันเจ็บช้ำมากราบเท้าลาหลวงตา หันหลังให้กับความศิวิไลซ์ทั้งหลายในเมือง เพื่ออาสามาสอนหนังสือให้แก่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านหลังเขาแห่งนี้
ในปี พ.ศ. 2526 ‘โรงเรียนคุ้มริมผา’ กำลังขาดแคลนครูผู้สอนอย่างหนัก ทั้งโรงเรียนเหลือเพียงครูนิมิตรซึ่งเป็นครูใหญ่ กับครูสายใจผู้เป็นภรรยาของครูนิมิตร และครูกำธร ครูผู้ชายอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ชานนท์จึงขันอาสาแลกมาสอนที่นี่กับแววตา ด้วยความเต็มใจ นอกจากเหตุผลอยากไปให้พ้นจากอาการอกหัก อาจจะเป็นเพราะเขาเคยเป็นเด็กวัด เติบโตมากับคำสอนของพระสงฆ์องค์เจ้า จิตใจจึงถูกหล่อหลอมกล่อมเกลาให้รู้จักมีความเมตตา รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
ครูนิมิตรถึงกับน้ำตาซึมเมื่อรู้ข่าวจากทางอำเภอว่า จะมีครูใหม่ขอมาลงบรรจุที่โรงเรียนคุ้มริมผา เขานึกชื่นชมครูหนุ่มอยู่ในใจ ความยากลำบากของพื้นที่ ประกอบกับโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนน้อย จึงเป็นเวลาเกือบปีที่ไม่มีครูขอย้ายมาสอนอีกเลย เขาเองไม่อยากให้เด็กสิบกว่าคน ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือไกลบ้าน จึงทนกัดฟันสอนซ้ำกันหลายชั้น ไม่ยอมยุบโรงเรียนไปรวมกับโรงเรียนใหญ่ในตำบลอื่น ที่ต้องเดินทางไกลไปอีกหลายกิโลเมตร นึกว่าจะไม่มีใครใส่ใจเด็กในหมู่บ้านอันแร้นแค้นแห่งนี้เสียแล้ว
(มีต่อ)
เสน่หานางไพร บทที่ 1
รถจักรยานยนต์แบบวิบาก กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง วิ่งตะบึงมาตามทางลูกรังที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามช่องเขา มันเป็นเส้นทางเดียวที่ใช้ติดต่อกับโลกภายนอกของหมู่บ้าน ‘คุ้มริมผา’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวเงียบอยู่หลังเขาอันห่างไกลและทุรกันดารมาช้านาน
ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมเข้ม แต่งกายทะมัดทะแมงด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังกับกางเกงยีนอย่างพร้อมลุย บนอานรถจักรยานยนต์คันนั้น กำลังพยายามเร่งเครื่องความเร็วรถให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ผ่านเส้นทางขรุขระ เต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยมากมาย และหลุมบ่อที่น่ากลัวอันตราย หากพลาดหลบไม่พ้น อาจทำให้รถเสียหลักล้มได้ง่าย แต่คงไปเร็วไม่ได้อย่างใจนัก สีหน้าของเขาจึงค่อนข้างเคร่งเครียด สายตาเข้มใต้คิ้วหนาเหลือบมองท้องฟ้า ที่ก่อนหน้าเคยสว่างจ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มมีก้อนเมฆสีเทาขนาดใหญ่ เคลื่อนตัวมาบดบังแสงตะวันไว้ ทำให้บรรยากาศกลางป่ากลางเขามืดสลัวลงทุกที...ฝนกำลังจะตกในไม่ช้านี้แล้วอย่างแน่นอน
ชานนท์...ครูหนุ่มวัยเบญจเพส ผู้พกพาศรัทธาอันแรงกล้ามาเต็มเปี่ยม กำลังวิตกว่า ตัวเองจะต้องมาขับขี่รถอยู่ท่ามกลางห่าฝน บนเส้นทางโดดเดี่ยวนี้เพียงลำพัง กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังมามีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด กับของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อย มันคงจะเปียกปอนหมดถ้าหากถูกฝนตกใส่ ส่วนกระเป๋าอีกใบที่มัดติดท้ายรถมา บรรจุอาหารแห้งพวกปลากระป๋องกับซองบะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งคงไม่เป็นไร ห่วงแต่ใบที่บรรจุหนังสือกับเอกสารสำคัญ ที่มัดติดไว้ด้วยกัน โชคดีหน่อยที่มันทำด้วยหนัง อย่างน้อยก็คงกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ก่อนเขาจะหาที่หลบฝนเจอ
กวาดตามองสองข้างทางเปล่าเปลี่ยว มีแต่ต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นหนาทึบ เต็มไปด้วยหน้าผาและโขดหิน บางช่วงเป็นป่าละเมาะ แต่ก็มองไม่เห็นที่ไหนเหมาะจะใช้เป็นที่กำบังสายฝนได้ หากมันตกกระหน่ำลงมาจริง ๆ
ขับรถพลางระบายลมหายใจยาว ทำไมเขาจึงตัดสินใจมาลำบากอยู่ที่นี่...แวบหนึ่งของความคิด ชานนท์นึกถามใจตัวเองที่กำลังหวั่นวิตก...ก็เพราะคิดว่าอยากจะช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่นี่น่ะสิ...โรงเรียนซึ่งมีครูย้ายออกไปทุกปี และแทบไม่มีครูบรรจุใหม่คนไหนอยากย้ายมาอยู่เลย รวมทั้งครูสาวคนที่เขาตัดสินใจแลกโรงเรียนกันกับเธอ นั่นคือคำตอบในใจของเขาเอง
หากแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด คำตอบลึกกว่านั้นก็คือ เขากำลังหาที่หลบเลียแผลใจจากหญิงสาวที่ตนเองหลงรัก...ชนาภา ลูกสาวคหบดีผู้มีอันจะกิน ในจังหวัดที่เขาเพิ่งจากมา เธอผู้มีวิถีชีวิตแตกต่างกันกับเด็กวัดลูกกำพร้า ที่อาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงตากินแบบเขา ราวฟ้ากับดิน
หลังเรียนจบจากระดับมัธยมฯ มาด้วยกัน ด้วยความฝันอยากเป็นครู ชานนท์จึงเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยครู ด้วยทุนการศึกษาของหลวงตา ส่วนชนาภาก็เข้าเรียนต่อในรั้วของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าทั้งสองคนรักกัน แต่พลันที่เรียนจบ ขณะชานนท์กำลังรอสอบรรจุเป็นข้าราชการครู เขาก็ได้รับข่าวร้ายจากชนาภา ดอกฟ้าที่เขาหมายปองจะสอยลงมาเป็นคู่ชีวิต ว่าเธอกำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กับลูกชายของมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย
เด็กวัดอย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากหอบเอาหัวใจอันเจ็บช้ำมากราบเท้าลาหลวงตา หันหลังให้กับความศิวิไลซ์ทั้งหลายในเมือง เพื่ออาสามาสอนหนังสือให้แก่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านหลังเขาแห่งนี้
ในปี พ.ศ. 2526 ‘โรงเรียนคุ้มริมผา’ กำลังขาดแคลนครูผู้สอนอย่างหนัก ทั้งโรงเรียนเหลือเพียงครูนิมิตรซึ่งเป็นครูใหญ่ กับครูสายใจผู้เป็นภรรยาของครูนิมิตร และครูกำธร ครูผู้ชายอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ชานนท์จึงขันอาสาแลกมาสอนที่นี่กับแววตา ด้วยความเต็มใจ นอกจากเหตุผลอยากไปให้พ้นจากอาการอกหัก อาจจะเป็นเพราะเขาเคยเป็นเด็กวัด เติบโตมากับคำสอนของพระสงฆ์องค์เจ้า จิตใจจึงถูกหล่อหลอมกล่อมเกลาให้รู้จักมีความเมตตา รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
ครูนิมิตรถึงกับน้ำตาซึมเมื่อรู้ข่าวจากทางอำเภอว่า จะมีครูใหม่ขอมาลงบรรจุที่โรงเรียนคุ้มริมผา เขานึกชื่นชมครูหนุ่มอยู่ในใจ ความยากลำบากของพื้นที่ ประกอบกับโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนน้อย จึงเป็นเวลาเกือบปีที่ไม่มีครูขอย้ายมาสอนอีกเลย เขาเองไม่อยากให้เด็กสิบกว่าคน ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือไกลบ้าน จึงทนกัดฟันสอนซ้ำกันหลายชั้น ไม่ยอมยุบโรงเรียนไปรวมกับโรงเรียนใหญ่ในตำบลอื่น ที่ต้องเดินทางไกลไปอีกหลายกิโลเมตร นึกว่าจะไม่มีใครใส่ใจเด็กในหมู่บ้านอันแร้นแค้นแห่งนี้เสียแล้ว
(มีต่อ)