เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 7

เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/40664092 
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/40665034
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/40667049 
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/40678456
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 5 https://pantip.com/topic/40680266
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/40682283
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/40693498
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 8 https://pantip.com/topic/40695663
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 9 https://pantip.com/topic/40710032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 10 https://pantip.com/topic/40712032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 11 https://pantip.com/topic/40725377

ตอนที่ 7 

หลังจากที่ฉันได้แช่น้ำอุ่นอยู่นาน ทำให้สบายใจมากขึ้น และเมื่อฉันออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องนอนแล้ว ฉันจึงค่อยๆ เดินออกไปที่ห้องรับแขก ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่ที่โซฟา ดูท่าทางของเขาจะเพลียมาก จึงเผลอหลับไป 

ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มผืนหนา แล้วกางออก หมายที่จะห่มให้เขา แต่ฉันมัวใช้เวลาแอบก้มลงมองสำรวจ ดวงหน้าคมที่ตอนนี้สงบนิ่งหลับใหล ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเข้ม จมูกโด่งได้รูป ช่างน่ามองเสียนี่กระไร

ฉันบรรจงห่มผ้าห่มให้เขาอย่างเบามือ แต่โดยไม่ได้ระวังตัว คนที่หลับอยู่นั้นคว้าข้อมือฉันอย่างแรง ก่อนที่จะดึงฉันให้ถลาไปนอนอยู่บนตัวของเขา

"ว๊าย คุณจักร" ฉันร้องเสียงหลง

"อ้าวคุณหมอก ผมขอโทษ" เขานิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาคมเบิกกว้างจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของฉัน ก่อนที่เขาจะกะพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา

"มันเป็นสัญชาตญาณของทหารนะครับ ที่มีความรู้สึกไว" เขาถอนใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นช้าๆ 

"แล้วนี่คุณจะปล่อยฉันได้หรือยัง ฉันเจ็บนะ"

คุณทหารเรือ มองมือแข็งแรงของตัวเองที่บิดข้อมือ และแขนของฉัน ที่เขาจับไขว้หลังของฉัน ไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะปล่อยออกอย่างตกใจ ฉันดันตัวลุกขึ้นยืน อย่างไม่รอช้า

"ขอโทษครับ คุณเจ็บมากไหม" เขาถามอย่างห่วงใย เมื่อเห็นฉันลูบแขนไปมา

"ให้ผมดูหน่อยนะ" เขาขยับเข้าใกล้ ฉันถดถอยหนี

"ไม่เอา ใครจะไปรู้ เกิดคุณบ้าอะไรขึ้นมาอีก แล้วก็จะหักแขนฉันเสียก่อน" ฉันเดินเลี่ยงไปหยิบผ้าห่มที่ตกลงที่พื้นขึ้นมาถือไว้ในมือ

"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ก็ผมไม่คุ้นกับการมีคนอื่นอยู่ด้วย เวลาที่ผมนอนหลับนี่น่า" เขาเดินตามฉันที่หันหลังเดินหนีโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ

"คุณหมอก" เขาเรียกเสียงอ่อย

"ฉันก็แค่เห็นคุณ หลับอยู่ที่โซฟา ก็กลัวคุณหนาว เลยจะเอาผ้าห่ม ไปห่มให้ก็เท่านั้น ใครจะรู้ ผีบ้าอะไรเกิดเข้าสิงคุณเสียนี่"

"ผมขอโทษ ผมสัญญา ต่อไปผมจะระวังตัว ยกโทษให้ผมนะ" เสียงง้องอนนั้น ทำให้ฉันใจอ่อนหยวบ ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าที่สำนึกผิดนั้น

"เอาเถอะ คุณตื่นก็ดีแล้ว ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วมานอน.."

ฉันรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าว จ้องตาสวยคู่นั้นแน่วแน่ แล้วรีบพูดต่อให้จบ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ

"คุณนอนในห้องนี่แหละ แต่ว่าคุณต้องให้ สัญญาว่า คุณเอ่อ.. จะรอให้ฉันพร้อม.."

"ผมสัญญา" เขาไม่รอให้ฉันพูดจนจบ เพราะรู้ว่ามันทำให้ฉันลำบากใจ ที่จะพูดในสิ่งที่ ฉันต้องการจะพูด

"เอาล่ะคุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดเสื้อผ้าของคุณใส่ตู้เสื้อผ้าให้คุณเอง"

หลังจากที่เขาหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจ เฮือกใหญ่ แล้วเอามือลูบหน้าตัวเองช้าๆ เหมือนกับจะปัดอะไรบางอย่างออกไปจากความรู้สึกนึกคิด ก่อนที่จะเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางของ ... สามี... แล้วค่อยๆ จัดเสื้อผ้าของเขาเข้าตู้ ทีละชิ้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็น กางเกงในสีขาว ที่พับเรียบร้อย อยู่ใต้สุดของกระเป๋า

ในขณะที่ฉันจดๆ จ้องๆ อยู่นานว่าจะทำอย่างไร กับเจ้ากางเกงในของเขาพวกนั้นดี เสียงกระแอมกระไอเบาๆ ใกล้หู ทำให้ฉันหันขวับไปทันที ทำให้ร่างของฉันไปปะทะกับแผงอกเปียกชื้นของเขา แทบจะหงายหลังตึง หากแต่ว่าแขนแข็งแรงของเขา รวบเอวของฉันไว้เสียก่อน

ฉันมองแผงอกขาวกำยำ ที่เปลือยเปล่า มีหยาดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ความรู้สึกรับรู้ถึง ท่อนล่างของร่างกายของชายหนุ่มที่กอดเอวฉันไว้แน่นๆ มีเพียงผ้าขนหนูผืนบาง ผืนเดียวพันไว้แน่น ผสมกับกลิ่นหอมของสบู่ หอมฟุ้งโชยชายเข้าจมูกของฉันที่ฉันเผลอสูดดมเข้าปอดอย่างช้าๆ ใบหน้าของฉัน ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ว่าร่างกายท่อนร่างของฉัน ใกล้ชิดแนบแน่น ไอ้ผ้าขนหนูสีขาวผืนบางนั้นเสียเหลือเกิน 

...บ้าจริง!... เพราะตอนนี้ในหัวของฉันคิดดีไม่ได้เลย!... 

"ขอบคุณนะครับที่ช่วยจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้ผม ที่เหลือผมจัดการเองได้"

ฉันค่อยๆ ดันตัวเองออกจากการกอดตระกอง ก่อนที่จะปลีกตัวออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดขึ้นเตียง ก่อนที่ความคิดไม่ดีในหัวของฉันมันจะทำให้ฉัน คิดอะไรกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ โดยที่ไม่ลืมที่จะจัดหมอนข้างกั้นกลางระหว่างที่นอนข้างของฉัน และของเขา ก่อนจะทิ้งตัวนอนลง

"ราตรีสวัสดิ์ครับ"

เสียงทุ้ม บอกก่อนที่เขาจะเลื่อนตัวลงนอนบนที่นอนในด้านของเขา ส่วนฉันก็รีบคว้าผ้าห่ม คลุมโปง และแกล้งทำเป็นนอนหลับทันที 

เพียงไม่นานนัก ฉันก็ได้ยินเสียงหายใจเบาๆ อย่างสม่ำเสมอของเขา จึงคิดว่าเขาน่าจะหลับสนิทไปแล้ว เพราะเขาน่าจะเพลียมาก จากการต้องอยู่พยาบาลฉันตลอดสองสามวันมานี้ และแถมกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในวันนี้ อีกทั้งยังต้องขับรถทางไกลกลับกรุงเทพอีก

ฉันค่อยๆ ผ่อนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพลิกตัว นอนราบไปกับที่นอน ตาจ้องมองเพดานในความมืด ใจคิดไปถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่ 

"ก็ผมไม่คุ้นกับการมีคนอื่นอยู่ด้วยนี่นา"

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่ไม่คุ้น ฉันเองก็ไม่คุ้นกับการที่จะมีใครมาทำท่าห่วงหาอาทร และวนเวียนอยู่กับฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือแม้แต่จะมานอนร่วมเตียงเดียวกันแบบนี้ ซึ่งมันออกจะรู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้า ที่เพิ่งจะเจอกันได้เพียงไม่กี่วัน

แต่ฉันมาไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังเสียแล้ว อีกอย่างฉันไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป เพราะตอนนี้ ฉันคือ นางม่านหมอก ราชสีหะกรมม์ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของ นาวาโทนายแพทย์จักรินทร์ ราชสีหะกรมม์ 

... ดังนั้นนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ และต้องเรียนรู้กับการใช้ ..ชีวิตคู่.. พร้อมๆ กับการเรียนรู้และทำความรู้จักกับ คุณสามีแปลกหน้า คนนี้อีกด้วย... 

__________

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฉันผวาดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอน และพยายามตั้งสติว่า ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ในความมืดฉันเห็นร่างกายกำยำ ที่ดีดตัวลุกนั่งอยู่บนเตียงเช่นกัน ฉันมองใบหน้าที่ตกใจตื่นของเขา เพราะเสียงโทรศัพท์ที่กรีดเสียงร้องลั่นดังไปทั่วห้องนอน 

ฉันจ้องมองดวงหน้าคม ที่เจ้าตัวมองฉันตอบในความมืดชั่วขณะ อะไรบางอย่างทำให้เขากระโดดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถอยร่นไปใกล้กับประตูห้องน้ำ

"คุณจักร คุณเป็นอะไร" ฉันถามอย่างตกใจ สงสัยในอาการของเขา

"อ้าว.. ผมก็กลัวคุณจะเอาอะไรขว้างหัวผมอีก เหมือนวันก่อนไง" เขาตอบ และหยั่งเชิงฉันเล็กๆ

"บ้าไปแล้วคุณ ฉันจะทำยังนั้นทำไม"

"อ้าว.. ใครจะไปรู้คุณเหรอ เกิดคุณจำอะไรไม่ได้ขึ้นมาอีก ว่าคุณเป็นคนชวนผมขึ้นเตียงก่อน แล้วเกิดโวยวายขึ้นมาอีก คุณก้อยก็ไม่อยู่ด้วย ผมคนเดียวจะรับมือคุณไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้"

จักรินทร์เดินกลับมานั่งที่เตียง เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้มีทีท่าอย่างเมื่อวันก่อน

"คุณพูดให้มันดีๆ หน่อยว่า ใครชวนคุณขึ้นเตียง เดี๋ยวใครได้ยิน ฉันจะเสียหาย"

ฉันกล่าวก่อนที่จะหันไปรับโทรศัพท์ ที่กรีดร้องอย่างไม่รู้จักสิ้นสุด

"แม่.. ว่ายังไง โทรมาซะกลางดึกเลย"

"โทษทีจ้า ที่โทรมาปลุกกลางดึก แต่แม่จะบอกว่า ฟ้าใสใกล้จะคลอดแล้วนะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล" เสียงของคุณนายบานชื่น เป็นปลื้มไม่น้อย ที่จะได้อุ้มหลานตัวน้อยในอีกไม่ช้า

"งั้น หมอกจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"

"เอาไว้รอให้เช้าก่อนดีไหม มาตอนนี้ขับรถ ขับรา กลางดึก แม่เป็นห่วง อีกอย่างกว่าฟ้าใสจะคลอดก็คงเช้า นู้นแหละ"

"ไม่หรอกค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ อีกอย่าง หมอกมีคนขับรถให้ค่ะ" ฉันบอกออกไปแล้วอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก

"ใครกัน" คุณบานชื่นถามกลับทันที

"เดี๋ยวเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ" ฉันตัดสายคุณนายบานชื่นทิ้ง ก่อนที่จะนั่งเงียบอยู่นาน

"คุณแม่คุณเหรอ ท่านว่าอย่างไรบ้าง" คนนั่งข้างๆ ยื่นหน้ามาถาม หลังจากที่เห็นฉันนั่งเงียบอยู่นาน

"ฟ้าใสอยู่ที่โรงพยาบาล ใกล้จะคลอดลูกแล้ว" ฉันตอบเรียบๆ

"อ้าวคุณจะได้เป็นป้าคนแล้ว ไม่ดีใจเหรอ" เขาถามเสียงยินดีจนเขาเก็บอาการไม่ถูก

"ผมไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ จะได้รีบไปเยี่ยมน้องสาวคุณไง"

คนพูดกระโดดออกจากเตียง วิ่งเข้าห้องน้ำก่อนที่จะพูดจบประโยคเสียด้วยซ้ำ

----------------------
"คุณเป็นอะไร ไม่ดีใจหรือไงที่จะได้เห็นหน้าหลาน"

คุณทหารเรือที่ตอนหลังๆ เปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นพลขับ ขับรถให้ฉันอยู่บ่อยๆ ถามเมื่อเห็นฉันนั่งนิ่งมาตลอดทาง

"ดีใจสิคุณ น้องสาวฉันนะ อีกอย่างหลานทั้งคน ไม่ดีใจก็บ้าแล้ว" ฉันตอบกลับอารมณ์เริ่มขุ่นมัว

"อ้าวก็เห็นคุณนั่งทำหน้าอย่างนั้นมาตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของคุณ ก็คิดว่าคุณไม่ตื่นเต้นดีใจ"

"ฉันกำลังใช้ความคิดต่างหาก" ฉันบอกความจริง

"ฉันกำลังคิดว่า ถ้าฉันโผล่ไปเยี่ยมฟ้าใสกับคุณ ฉันจะบอกพ่อกับแม่ฉันเรื่อง.. เอ่อ.. เรื่องของเรายังไง"

"ก็ไม่เห็นจะยาก ก็บอกไปตามตรง"

คุณหมอทหารที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นหมอจิตวิทยากล่าวปลอบใจ

"ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก เอาไว้ถึงเวลานั้นก่อน ค่อยคิดกัน บางทีเรื่องอาจจะง่ายกว่าที่คุณคิดไว้ก็ได้"

"ก็ไม่ใช่พ่อแม่คุณนี่ คุณก็พูดได้สิ" 

ฉันถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อเขาจอดรถลงที่หน้าโรงพยาบาลประจำอำเภอ ก่อนที่จะวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ฉัน

"ออกมาเถอะ เลิกทำหน้าเหมือนเด็กกระทำความผิดแล้วกำลังจะถูกจับได้.. ได้แล้ว"

ฉันมองดวงตาสวยคู่นั้น ที่ส่งกำลังใจมาให้อย่างเปิดเผย ทำให้ฉันก้าวเดินจากรถ ออกมายืนเคียงข้างเขา

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเดินก้าวข้ามมันไปด้วยกัน"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่