เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2

เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/40664092 

ลมเย็นพัดลูบไล้ใบหน้าของฉัน และเสียงคลื่นสาดซัดชายหาด ส่งเสียงเป็นจังหวะ ปลุกฉันให้ตื่นจากความง่วงงุน ฉันกะพริบตาถี่ๆ ก่อนที่จะลืมตาขึ้น จึงมองเห็นบานประตูเลื่อน เปิดออกอยู่เพื่อรับลมทะเล

ฉันมองออกไปด้านนอก จึงเห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิท เสียงฝีเท้าของคนที่เดินวนไปวนมา ที่เฉลียงของห้องพัก หยุดเดินเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมามองฉัน ที่กำลังจ้องเขาตาใสแป๋วอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขาเดินเข้ามาในห้อง แล้วเขายิ้มกว้างให้ฉัน ก่อนที่จะพูดว่า

"ลมทะเลเวลานี้เย็นดีนะครับ เห็นว่าถ้าเปิดแอร์คุณจะหนาวมาก เลยเปิดประตูรับลมทะเลดีกว่า"

"ไอ้หมอบ้า"

เสียงที่เปล่งออกมาดังคล้ายเสียงกระซิบ ฉันลุกพรวด ขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทิ้งตัวลงเพราะความวิงเวียนและรู้สึกถึง ศีรษะที่หนักอึ้ง

"หมดฤทธิ์แล้วสินะ"

อีตาหน้าคม มีรอยยิ้มกระจ่างไปทั่วใบหน้า หัวเราะหึๆ ในคอ ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้

"เป็นยังไงบ้าง"

เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใย ยื่นมือหมายจะมาแตะที่หน้าผากฉัน แต่ฉันขยับหลบอย่างรังเกียจ

"แนะ.. ยังไม่หมดฤทธิ์อีก"

เขาหัวเราะออกมาดังๆ ก่อนที่จะมองฉันอย่างกับฉันเป็นเด็กเล็กๆ

"ขอดูหน่อยว่าไข้ลดแล้วหรือยัง"

แม้ว่าฉันจะพยายามเบี่ยงหลบยังไง เขาก็ยังพยายามเอามือมาแตะที่หน้าผากของฉันจนได้

"ไข้ลดลงบ้างแล้วล่ะ แต่ก็ยังตัวอุ่นๆ อยู่"

"ก้อยไปไหน"

ฉันพยายามเปล่งเสียงถามแต่ก็ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

"ว่าอะไรนะครับ"

เขาเอียงหูมาเกือบชิดปากของฉัน ทำให้หัวใจของฉันสั่นระรัว

"ถามว่าก้อยไปไหน"

"เขาก็ไปพักผ่อนที่ห้องของเขาสิครับ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว ก็คุณเล่นนอนสลบไสลไปตั้งหนึ่งวันเต็มๆ... นี่คุณตื่นก็ดีแล้ว ผมกำลังเป็นห่วงอยู่ว่า ทำไมคุณหลับไปนานนัก ถ้าอีกหนึ่งชั่วโมงคุณยังไม่ตื่นขึ้นมา ผมคงต้องพาคุณไปโรงพยาบาล"

"ฉันเป็นอะไร"

"เป็นไข้ธรรมดานี่แหละครับ นอนพักเยอะๆ เดี๋ยวก็หาย"

"เป็นไข้นี่มันทำให้เสียงฉันเป็นอย่างนี้หรือ"

"ไม่ครับ ที่เสียงคุณเป็นอย่างนี้เพราะหลอดเสียงน่าจะอักเสบ เนื่องจากการที่คุณกรีดร้อง และตะเบ็งเสียงด่าผมเมื่อเช้านี้"

คำตอบปนเสียงหัวเราะในคอของเขา ผสมกับสายตาที่เขามองฉันทำให้ฉันต้องหันหน้าหนี

"ท่าทางคุณจะกระหายน้ำ ดื่มน้ำอุ่นๆ นี่ก่อน มันดีกับหลอดเสียงคุณด้วย"

เขาทรุดตัวลงนั่งใกล้ตัวฉันก่อนที่จะช้อนลำตัวของฉัน อิงไว้ที่แผงอกของเขา ฉันอ่อนเพลียเกินกว่าที่จะต่อสู้กับเขา เลยไม่คิดที่อยากจะสู้รบตบมืออะไร กับเขาในตอนนี้ ก็เลยปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจชอบ

"ค่อยๆ ดื่มนะครับ เดี๋ยวจะสำลัก"

... เอ๊ะตานี่เห็นฉันเป็นเด็กสี่ขวบหรือไง พูดกำชับตลอดเวลา อยู่นั่นแหละ...

"คุณนี่ท่าจะโกหกไม่เป็น เพราะไม่ว่าคุณจะคิดอะไร มันออกมาทางสายตาคุณทั้งนั้น"

..ที่จริงก็ไม่ได้คิดจะปกปิดอะไร ดี...ให้รู้ไปเลยว่า กำลังด่าคุณอยู่ในใจ..

"หิวไหม ผมจะหาอะไรมาให้ทาน"

"หิวเหมือนกัน"

เรื่องนี้ต้องยอมให้ตานี้ช่วย เพราะหิวจนแสบท้องไปหมด

"งั้นเดี๋ยวผมมานะ"

พูดแค่นั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

"เมื่อคืนในงานวันเกิดของฉันมันเกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมคิดยังไงก็คิดไม่ออก"

ฉันพึมพำอยู่กับตัวเอง พยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ก็คิดจนหัวสมองระบมไปหมด ก็ยังคิดไม่ออก ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง หมายจะปัดความกังวลให้ออกไป แต่กลับเป็นว่าฉันสังเกตเห็น แหวนทองสลักลายสวยงาม และฝังเพชรน้ำงามเม็ดเดียวอยู่กลางตัวเรือน สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายมือของฉัน

ไม่นานนัก พี่หมอของยัยก้อย ก็โผล่หน้าเข้ามา ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างอย่างที่ฉันคิดว่า นายคนนี้เคยทุกข์ร้อนอะไรกับใครเขาบ้างไหม ในมือถือถาดสีน้ำเงินเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ฉัน

"ฉันจำได้ว่านี่มันแหวนของคุณ ฉันจำได้ว่าเห็นคุณสวมมันที่นิ้วก้อย ในมือข้างซ้าย"

ฉันพึมพำกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับเขา

"เกิดอะไรขึ้น ในคืนวันงานเลี้ยงวันเกิดของฉันหรือ ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย"

"เอาน่าคุณ กินข้าวต้มก่อน อิ่มแล้ว คุณอยากรู้อะไร ก็ถามผม แล้วผมจะตอบคุณเอง"

เขาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่ค่อยๆ ตักอาหารป้อนใส่ปากให้ฉันกินจนเกลี้ยงชาม แต่พอหลังจากทานอาหารเสร็จ อีตาพี่หมอของยายก้อย ก็จัดการบังคับฉันให้กินยา ที่ขมปี๋ตั้งสามเม็ด และทำท่าจะให้ฉันนอนพักต่อ

"ยังไม่ง่วงเลย ยังไม่นอนได้หรือเปล่า" ฉันต่อรอง

"คุณนี่ต่อรองอย่างกับเด็กๆ เลยนะ"

... ฉันล่ะเกลียดนัก เวลาที่เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ.. จะขำอะไรหนักหนา... 

"เอ้า.. ถ้ายังไม่ง่วงคุณอยากจะทำอะไรล่ะ" เขาถามต่อ

"ทำอะไรก็ได้ แต่ว่าขอฉันอยู่ตามลำพังได้ไหม นี่ก็ดึกแล้ว คุณไม่คิดกลับไปนอนที่ห้องพักคุณหรือไง"

"คุณนี่เป็นคนตรงดีนะ คิดอยากจะไล่ใครก็ไล่กันดื้อๆ "

.. อีกและเขาหัวเราะหึๆ ในคอ.. อีกแล้ว...

"แต่เสียใจครับ ผมจะนอนที่นี่ เฝ้าไข้คุณทั้งคืน"

"อีตาบ้า ฉันโตแล้วนะไม่ต้องมาเฝ้าไข้ฉันหรอก" ฉันตวาดทั้งๆ ที่ไม่มีเสียง

"คุณนี่ตลกนะ วีนได้ เหวี่ยงได้ทั้งๆ ที่ไม่มีเสียง"

เขามองริมฝีปากของฉันที่ขยับไปมา แต่หาได้มีเสียงลอดออกมาไม่

"มันเรื่องของฉัน"

"เอาล่ะ ผมขี้เกียจเถียงกับคุณ เพราะกลัวคุณจะตะเบ็งเสียงด่า ผมจนหลอดเสียงฉีกขาด ตายไปเสียก่อน ตกลงว่าผมจะนอนที่นี่ แล้วใครก็ไล่ผมไปไหนไม่ได้ ส่วนคุณถ้าคุณยังไม่ง่วง ก็บอกมาว่าอยากจะทำอะไร"

ถึงเวลาจะเอาแต่ใจตัวเองอีตานี้ก็รั้นเหมือนกันนะ

"จะไปนั่งดูทะเลข้างนอก"

"ไม่ได้เพราะตกดึกน้ำค้างลง ไข้คุณจะกลับอีก"

"ออกไปแป๊บเดียวเองนะ..นะ.. นะ.." ฉันทำเสียงออดอ้อน เท่าที่เสียงแหบๆ ของฉันจะทำได้ 

"จะให้ใส่เสื้อคลุมก็ได้นะ ฉันเอามาอยู่ในตู้เสื้อผ้านู้น"

ฉันมองตามเขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และมองดูชายหนุ่มค้นๆ รื้อๆ หาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า อยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า

"ไม่มีไอ้ที่หนาๆ เหรอคุณ"

"ไม่มี ฉันเอามาแค่นั้น ก็ใครจะคิดว่าตกดึกอากาศจะหนาวขนาดนี้ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่เป็นเดือน" 

"งั้นใส่ของผมก็แล้วกัน เสื้อหนาวของผมมีฮู้ด สวมหัวไว้เวลาคุณออกไปข้างนอก น้ำค้างจะได้ไม่ตกใส่หัว"

เขาเดินตรงไปที่โซฟาแล้วเปิดกระเป๋าเดินทางของเขา หยิบเอาเสื้อกันหนาวตัวหนาขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนที่จะเดินกลับมาส่งให้ฉัน

"คุณเอากระเป๋าเสื้อผ้าของคุณมาที่ห้องของฉันทำไม"

ฉันถามก่อนที่จะรับเสื้อกันหนาวตัวหนา สีน้ำเงินของเขามาสวมใส่ แล้วผงะเล็กน้อยเมื่อชายตรงหน้า โน้มตัวลงมาใกล้ ก่อนที่จะเอื้อมมือมาดึงฮู้ด มาคลุมหัวให้ฉันอย่างเบามือ ดวงหน้าคมของเขา อยู่ใกล้แสนใกล้ จนฉันต้องกลั้นหายใจ

“ก็ผมย้ายมานอนที่นี่น่ะสิ" เขาตอบหลังจากที่ถอยหลังห่างไปเล็กน้อย 

"เอาอย่างนั้นเลยเหรอ"

"ใช่แล้ว"

"เออๆๆ จะทำอะไรก็ทำฉันขี้เกียจเถียงแล้ว แต่คุณต้องนอนที่โซฟานะ"

ฉันถีบผ้าห่มออกอย่างขุ่นเคืองใจหมายจะลุกเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้ ที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ที่เฉลียงของห้องพัก

"จะทำอะไร"

"อ้าวก็เดินออกไปนั่งข้างนอกไง"

ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ อีตาหมอบ้าก็ปราดเข้ามาอุ้มฉันขึ้นจากเตียง

"คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ.. ฉันเดินเองได้" ฉันโวยวาย

"ให้ผมอุ้มคุณดีกว่า เดี๋ยวหน้ามืดเป็นลมล้มคว่ำไปจะแย่"

"ไม่เอาฉันจะเดินเอง"

ฉันดีดดิ้นหมายจะดิ้นให้หลุดจากวงแขนของเขา

"ถ้าคุณไม่หยุดดื้อ ผมจะจูบคุณ!"

เขาบอกเสียงแข็ง ก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว จนฉันต้องหันหน้าซุกที่อกกว้างของเขา

"แค่นี้แหละ"

ตอนนี้เขาหัวเราะออกมาดังๆ ก่อนที่จะเดินออกไปที่เฉลียง และค่อยๆ วางฉันลงที่เก้าอี้อย่างเบามือ แล้วจึงทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ก่อนที่จะเงยหน้ามองท้องฟ้า ที่ดวงดาวคืนนี้สวยกระจ่างฟ้า ส่งแสงแข่งกับพระจันทร์สีนวลดวงโต

ฉันจำได้ว่าตอนเริ่มงานเลี้ยงฉลองวันเกิดฉันในคืนที่ผ่านมา หลังจากที่เพื่อนๆ เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แก้วสุดามากับคุณใหญ่ ส่วนคุณหยาดเพชรมากับคุณเล็ก หรือคุณชัยชาญ ดำรงค์ตระกูล และไม่นานนักฉันก็เห็น "เขา" เดินเข้ามาในงาน

ฉันใช้โอกาสที่เขากำลังง่วน คุยกับคุณใหญ่และคุณเล็ก เพื่อที่จะสังเกตเขาอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าคมเข้มรับกับผมตัดสั้นคล้ายทรงผมทหาร ฉันแอบเสียดายที่เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ทำให้ฉันไม่ได้เห็นแผงอกกว้างเปลือยเปล่า หน้าท้องเรียบที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่รับกับกางเกงแสลคสีเทาตัด กับผิวสีน้ำผึ้งของเขา

"พี่หมอค่ะ ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะคะ นี่ม่านหมอก เพื่อนของก้อยค่ะ หมอกจ๊ะนี่พี่หมอ พี่หมอเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณเล็กกับคุณใหญ่จ้า" แก้วสุดาพาฉันเข้าไปแนะนำกับเขาอย่างเป็นทางการ

-------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่