คนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกการทำงานก็อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก หรือเกิดความผิดพลาดในการทำงานอยู่บ้างเนื่องจากประสบการณ์ยังไม่มากพอ ทำให้เจอกับสถานการณ์ที่ทำให้ถูกตำหนิอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งหลายครั้งคำตำหนิเหล่านั้นก็ส่งผลให้เราเกิดอาการท้อแท้ คิดว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่ดีพอ แต่จริง ๆ แล้วคนทำงานทุกคนไม่ว่าจะมีประสบการณ์มามากหรือน้อยแค่ไหนก็ถูกตำหนิกันได้ทั้งนั้น และคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนก็เจอกับคำตำหนิมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่หากเราลองมองเข้าไปในคำตำหนิให้ดี ๆ อาจทำให้เราได้ฉุกคิดว่าจริง ๆ แล้ว มันมีโอกาสที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองซ่อนอยู่ในคำติเหล่านั้นมากมาย เพียงแค่เราปรับวิธีคิดและทัศนคติของเราใหม่เท่านั้นเอง
JobThai Tips เลยขอเอาข้อควรทำหากเพิ่งทำงานได้ไม่นานแต่โดนหัวหน้าตำหนิตลอด และวิธีพัฒนาตัวเอง เพื่อเป็นคนทำงานที่เก่งมากขึ้นมาฝากทุกคนค่ะ
ยอมรับข้อผิดพลาดในงานของตัวเอง
เรื่องแรกที่ควรทำหลังจากได้รับคำตำหนิ นั่นก็คือการยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองก่อน เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาขึ้น หลายคนเลือกที่จะหาข้อแก้ตัวหรือโทษปัจจัยอื่นรอบข้างอย่างเพื่อนร่วมงาน ทั้ง ๆ ที่ปัญหานั้นอาจมาจากการที่เราไม่รอบคอบหรือไม่ตรวจทานงานให้ดี ซึ่งเพียงแค่เรายอมรับข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่าเราเห็นปัญหาและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาตัวเองแล้ว
สังเกตงานของตัวเองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน
ลองกลับมาทบทวนงานที่ผิดพลาดนั้นใหม่อีกครั้ง ว่าสิ่งที่ผิดพลาดหรือเป็นปัญหามีตรงไหนบ้าง เมื่อเจอข้อผิดพลาดก็หาวิธีพัฒนาและแก้ไข ถ้าปัญหานั้นเกิดจากความผิดพลาดของข้อมูล ไม่ว่าจะจากคนอื่นที่ถูกส่งต่อมาอีกที หรือเป็นข้อมูลของเราเอง ครั้งหน้าเราก็อาจต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดจนมั่นใจว่าถูกต้องอีกครั้งก่อนที่จะส่งงานไป และเมื่อเห็นข้อผิดพลาดนั้นแล้ว ก็ต้องเรียนรู้และหาวิธีป้องกันเพื่อที่จะไม่ทำให้ความผิดพลาดแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
เราเรียนรู้งานที่ต้องทำมากพอหรือยัง
แม้เราจะเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่เมื่อเราได้เข้าไปร่วมงานกับองค์กรแล้ว สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ทักษะหรือความสามารถของเราพัฒนาเทียบเท่าพี่ ๆ ที่เข้ามาทำงานก่อน นั่นก็คือการเรียนรู้งานในส่วนที่เราต้องทำให้มากที่สุด หากปัญหาเป็นเพราะเรายังเรียนรู้งานไม่พอเราก็ต้องรีบหาวิธีเรียนรู้ โดยอาจสอบถามจากรุ่นพี่ในแผนกเดียวกัน หรือหัวหน้า
แต่ถ้าในแต่ละวันทุกคนยุ่งอยู่กับงานและไม่มีเวลามาสอนงานให้เรา ให้ลองไปสังเกตงานเก่า ๆ ของบริษัท ดูว่าสไตล์ในการทำงานเป็นแบบไหน การตั้งชื่อไฟล์ให้เป็นระเบียบหรือการส่งต่องานเป็นยังไง ถ้าตรงไหนที่เราสงสัยและพยายามหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วแต่ยังไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ลิสต์ข้อสงสัยเหล่านั้นแล้วขอเวลาคนอื่น ๆ สักนิดเพื่อให้เขาช่วยแนะนำ เพราะสุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ารายละเอียดของงานบางส่วนการที่มีคนมาสอนก็อาจจะดีกว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
หาเจตนาในการตำหนิของหัวหน้าให้เจอ
ลองดูเจตนาของหัวหน้าว่าเขาตำหนิเราด้วยเจตนาแบบไหน เขาแค่ต้องการหาที่ระบาย หรือที่จริงแล้วเขาต้องการให้เราเก่งขึ้นเลยตำหนิเพราะหวังดี
- หากการที่หัวหน้าตำหนิเราเขาติเพื่อก่อจริง ๆ เราก็ควรลองเปลี่ยนมุมมองของตัวเองใหม่ มองว่าสิ่งที่โดนตำหนิมาเป็นเหมือนโอกาสที่จะทำให้เราได้พัฒนา แทนที่จะเก็บมาตัดพ้อและตัดกำลังใจของตัวเอง เพราะจริง ๆ แล้วการที่หัวหน้าเรียกเราไปตำหนิ ก็เป็นเหมือนเป็นทางลัดที่จะทำให้เรารู้ถึงข้อด้อยของตัวเองได้เร็วที่สุด เราจะได้รู้ว่าเราพลาดอะไรไปในขั้นตอนไหน
- หากหัวหน้าต่อว่าอย่างเดียวเพราะต้องการหาที่ระบาย และยิ่งคำตำหนินั้นเป็นคำที่รุนแรงและลดทอนคุณค่าของเรามากเกินไป ตรงนี้เราอาจต้องหาวิธีแก้ไข ให้ทั้งเราและตัวหัวหน้าค่อย ๆ เรียนรู้ไปพร้อมกัน เขาอาจเป็นหัวหน้ามือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการสอนลูกน้องในทีม หรือจริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ตัวว่าคำพูดและการกระทำของเขารุนแรงไปก็ได้
หากหัวหน้าเขาเป็นคนที่รับฟัง ให้ลองถามว่าอยากให้เราปรับปรุงตรงไหน และสร้างความมั่นใจกับเขาว่าครั้งหน้าจะไม่มีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ถ้าเขาใช้คำพูดที่รุนแรงและไม่รับฟังด้วย เราอาจต้องปรึกษาเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ที่ทำงานมาก่อนเรา หรือฝ่ายบุคคลเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ถ้าสุดท้ายแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็อาจแปลว่าเขาไม่มีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าที่ดี การที่เราเดินออกมาก็อาจเป็นวิธีที่เราควรทำ ก่อนที่ปัญหานั้นจะสร้างผลกระทบต่อจิตใจของเรา
เพิ่งทำงานได้ไม่นานแต่โดนตำหนิตลอดทำยังไงดี
ซึ่งหลายครั้งคำตำหนิเหล่านั้นก็ส่งผลให้เราเกิดอาการท้อแท้ คิดว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่ดีพอ แต่จริง ๆ แล้วคนทำงานทุกคนไม่ว่าจะมีประสบการณ์มามากหรือน้อยแค่ไหนก็ถูกตำหนิกันได้ทั้งนั้น และคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนก็เจอกับคำตำหนิมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่หากเราลองมองเข้าไปในคำตำหนิให้ดี ๆ อาจทำให้เราได้ฉุกคิดว่าจริง ๆ แล้ว มันมีโอกาสที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองซ่อนอยู่ในคำติเหล่านั้นมากมาย เพียงแค่เราปรับวิธีคิดและทัศนคติของเราใหม่เท่านั้นเอง
JobThai Tips เลยขอเอาข้อควรทำหากเพิ่งทำงานได้ไม่นานแต่โดนหัวหน้าตำหนิตลอด และวิธีพัฒนาตัวเอง เพื่อเป็นคนทำงานที่เก่งมากขึ้นมาฝากทุกคนค่ะ
ยอมรับข้อผิดพลาดในงานของตัวเอง
เรื่องแรกที่ควรทำหลังจากได้รับคำตำหนิ นั่นก็คือการยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองก่อน เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาขึ้น หลายคนเลือกที่จะหาข้อแก้ตัวหรือโทษปัจจัยอื่นรอบข้างอย่างเพื่อนร่วมงาน ทั้ง ๆ ที่ปัญหานั้นอาจมาจากการที่เราไม่รอบคอบหรือไม่ตรวจทานงานให้ดี ซึ่งเพียงแค่เรายอมรับข้อผิดพลาดและปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่าเราเห็นปัญหาและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาตัวเองแล้ว
สังเกตงานของตัวเองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน
ลองกลับมาทบทวนงานที่ผิดพลาดนั้นใหม่อีกครั้ง ว่าสิ่งที่ผิดพลาดหรือเป็นปัญหามีตรงไหนบ้าง เมื่อเจอข้อผิดพลาดก็หาวิธีพัฒนาและแก้ไข ถ้าปัญหานั้นเกิดจากความผิดพลาดของข้อมูล ไม่ว่าจะจากคนอื่นที่ถูกส่งต่อมาอีกที หรือเป็นข้อมูลของเราเอง ครั้งหน้าเราก็อาจต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดจนมั่นใจว่าถูกต้องอีกครั้งก่อนที่จะส่งงานไป และเมื่อเห็นข้อผิดพลาดนั้นแล้ว ก็ต้องเรียนรู้และหาวิธีป้องกันเพื่อที่จะไม่ทำให้ความผิดพลาดแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
เราเรียนรู้งานที่ต้องทำมากพอหรือยัง
แม้เราจะเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่เมื่อเราได้เข้าไปร่วมงานกับองค์กรแล้ว สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ทักษะหรือความสามารถของเราพัฒนาเทียบเท่าพี่ ๆ ที่เข้ามาทำงานก่อน นั่นก็คือการเรียนรู้งานในส่วนที่เราต้องทำให้มากที่สุด หากปัญหาเป็นเพราะเรายังเรียนรู้งานไม่พอเราก็ต้องรีบหาวิธีเรียนรู้ โดยอาจสอบถามจากรุ่นพี่ในแผนกเดียวกัน หรือหัวหน้า
แต่ถ้าในแต่ละวันทุกคนยุ่งอยู่กับงานและไม่มีเวลามาสอนงานให้เรา ให้ลองไปสังเกตงานเก่า ๆ ของบริษัท ดูว่าสไตล์ในการทำงานเป็นแบบไหน การตั้งชื่อไฟล์ให้เป็นระเบียบหรือการส่งต่องานเป็นยังไง ถ้าตรงไหนที่เราสงสัยและพยายามหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วแต่ยังไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ลิสต์ข้อสงสัยเหล่านั้นแล้วขอเวลาคนอื่น ๆ สักนิดเพื่อให้เขาช่วยแนะนำ เพราะสุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ารายละเอียดของงานบางส่วนการที่มีคนมาสอนก็อาจจะดีกว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
หาเจตนาในการตำหนิของหัวหน้าให้เจอ
ลองดูเจตนาของหัวหน้าว่าเขาตำหนิเราด้วยเจตนาแบบไหน เขาแค่ต้องการหาที่ระบาย หรือที่จริงแล้วเขาต้องการให้เราเก่งขึ้นเลยตำหนิเพราะหวังดี
- หากการที่หัวหน้าตำหนิเราเขาติเพื่อก่อจริง ๆ เราก็ควรลองเปลี่ยนมุมมองของตัวเองใหม่ มองว่าสิ่งที่โดนตำหนิมาเป็นเหมือนโอกาสที่จะทำให้เราได้พัฒนา แทนที่จะเก็บมาตัดพ้อและตัดกำลังใจของตัวเอง เพราะจริง ๆ แล้วการที่หัวหน้าเรียกเราไปตำหนิ ก็เป็นเหมือนเป็นทางลัดที่จะทำให้เรารู้ถึงข้อด้อยของตัวเองได้เร็วที่สุด เราจะได้รู้ว่าเราพลาดอะไรไปในขั้นตอนไหน
- หากหัวหน้าต่อว่าอย่างเดียวเพราะต้องการหาที่ระบาย และยิ่งคำตำหนินั้นเป็นคำที่รุนแรงและลดทอนคุณค่าของเรามากเกินไป ตรงนี้เราอาจต้องหาวิธีแก้ไข ให้ทั้งเราและตัวหัวหน้าค่อย ๆ เรียนรู้ไปพร้อมกัน เขาอาจเป็นหัวหน้ามือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการสอนลูกน้องในทีม หรือจริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ตัวว่าคำพูดและการกระทำของเขารุนแรงไปก็ได้
หากหัวหน้าเขาเป็นคนที่รับฟัง ให้ลองถามว่าอยากให้เราปรับปรุงตรงไหน และสร้างความมั่นใจกับเขาว่าครั้งหน้าจะไม่มีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ถ้าเขาใช้คำพูดที่รุนแรงและไม่รับฟังด้วย เราอาจต้องปรึกษาเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ที่ทำงานมาก่อนเรา หรือฝ่ายบุคคลเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ถ้าสุดท้ายแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็อาจแปลว่าเขาไม่มีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าที่ดี การที่เราเดินออกมาก็อาจเป็นวิธีที่เราควรทำ ก่อนที่ปัญหานั้นจะสร้างผลกระทบต่อจิตใจของเรา