การวางแผนเกษียณ​ โคยไม่ได้หัวงเงินเก็บก้อนโตเฉลี่ยกินจนตายหลังเกษียณ

(พอดี​ เห็นมีแนวคิด​ ทางเดียวที่จะเก็บเงินอย่างเดียวหลังเกษียณ​ จึงเสนอมุมมองอีกด้านให้เห็น)​

      ผมคนหนึ่ง​ ที่วางแผนเกษียณโดยไม่ต้องมีเงินเก็บระดับหลายล้าน​ แล้วเฉลี่ยมาใช้มากินต่อเดือนและค่ารักษาไปจนตาย​ หลังเกษียณ​ 

      เมื่อประมาณผมอายุ​ 31-3​3 ปี​ ผมเกิดคิดขึ้นได้​ เรามีครอบครัวแล้ว​ มีลูกอ่อนอีก​ 1​ คน​ ถ้ายังคิดที่จะไปบวชเป็นพระ​ ที่ใจน้อมไปหา ตามความต้องการของตนเอง​ ตั้งแต่ก่อนมีครอบครัว​ แต่มีปัญหา​ ยังไม่กล้าบวช​ จึงเกิดมีครอบครัว​  และต้องตกทุกข์ระกำลำบากอย่างสาหัส​ เพราะไม่เคยวางแผนไว้ก่อนว่าจะมีครอบครัว

      ถ้าเราไปบวชพระได้จริง​ เราจะปฏิบัติธรรมอยู่ได้หรือ​ ทำใจวางใจได้หรือ?  เมื่อภรรยาและลูกตกระกำลำบากหนักอยู่​ 
      เมื่อเห็นว่าไปบวชแล้วเราวางใจอย่างนั้นไม่ได้​ ก็ต้องผ่อนการปฏิบัติธรรมโดยตลอดให้น้อยลง​ ต้องมาคิดและใส่ใจพัฒนาความรู้ความสามารถทางหน้าที่การงานมากขึ้น​ คือแบ่งใจให้การศึกษาปฏิบัติธรรมกับงานอาชีพทางโลกพอๆ​ กัน​ หรือ​ 50-50
      โดยตั้งเป้าหมายอยู่ที่​ เมื่อเกษีนณต้องมีบ้านให้เข้าหลัง​ เพื่อได้ค่าเช่ากินจะได้​่ไม่ลำบากสาหัสดังที่ผ่านมา​ เพราะงานที่ทำได้คือรับจ้างที่เป็นเอกชนเท่านั้นสำหรับผม​ ผมได้พัฒนาความรู้ความสามารถจนเกินขอบเขตมากกว่า​ตำแห่นงฐานะเงินเดือนที่ต้องทำไปเยอะเลย.. 

       และผมยอมมีเงินเก็บ​ 0  บาทเป็นเวลามากกว่า​ 10​ ปี​  เพื่อมีบ้านให้เขาเช่าให้ได้​ คือต้องมี​ 2​ หลังนั้นเอง​ ทรัพย์ที่เกินจากนั้นเป็นกำไรล้วนๆ

      ซึ่งผมมองรายได้หลังเกษียณมากกว่า​เงินเก็บ​  แม้มีไม่ถึงล้านก็ไม่มีปัญหา​ สำหรับผม
     ดั้งนั้น ตั้งแต่เริ่มวางแผนก่อนเกษียณ จนมีทรัพย์สินพร้อมไม่มีหนี้แล้ว​  มีรายได้ 3.ส่วน​ หลังเกษียณดังนี้.. 

     1.รายได้ส่วนที่​แบบไม่ต้องทำงานหลังเกษียณ​เช่น​ บำนาญประกันสังคม+ดอกเบี้ยเล็กน้อย+ปันผลหุ้น+เงินคนแก่​ คือถ้าเหลือยู่เพียงแค่นี้เราอยู่ได้​ตามอุปนิสัย​(สำหรับผมตอนนี้​แค่​ 7-9 พันบาทต่อเดือนก็พออยู่ได้แล้ว)
      หมายเหตุ​  สำหรับลงทุนในหุ้นนั้น​  ผมเล่นก่อนผมเกษียณ​ 6​ ปี​  เป้าหมาย​ เงิน​ปันผล​ ประมาณ​ 2​ พันบาทต่อเดือนก็พอได้ตามเป้า​ ลงกองทุนเล็กๆ​ น้อยๆ​ ตอนนี้ก็มีกำไร​นิดหน่ิอย​ และเริ่มเล่นเหรียญ​ คลิบโต​ อย่างบิตคอย​ อิโตเลียม​ BNB.บ้างแล้วในปีนี้​ เพื่อไม่ให้ตกเทรนตามยุคสมัย

     2.รายได้ส่วนค่าเช่าทรัพย์สิน​ คือต้องทำงานบ้างเล็กน้อย​  ตอนไปซ่อม​ ติดต่อหาคนเช่า​ และควรมี​ 2​ ที่​ เผื่อ​ที่หนึ่งไม่มีคนเช่าอีกที่ก็ยังมีรายได้ถูกไถไป

      3.รายได้ส่วนค่าจ้างแบบคนแก่​อายุ​ 62 ปีไปแล้ว​  1​ วันต่ออาทิตย์ซึ่งผมทำอยูู่​ ซึ่งผมบอกแล้วว่าผมพัฒนาความรู้ความสามารถจนเลยฐานะตำแหน่งงานที่ทำ​แบบพนักงานเอกชน​ จนเหลือก็สามารถช่วยลูกคนเล็กที่เรียนจบมาแล้วเจอวิกฤตโรคโควิท​  ที่สอนเขาและยกรายได้ให้ลูกไปแล้ว​ส่วนหนึ่ง​แล้ว​ 
     และผมคาดว่าผมน่าจะทำงานแบบคนแก่มีรายได้ไปอีกจนอายุ​ 63-65 ปี​ (เมษา​นี้​ ก็เต็ม​ 62​  ปี แล้ว)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่