สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
อ่านความเห็นคนส่วนมาก เน้นเรื่อง การออมเงินทั้งนั้น แต่ผมอยากสอนอีกด้านของชีวิตให้ฟังนะ
ตัวผมเองกับภรรยา เกษียณตัวเองตอนอายุ 40 ปลาย ๆ มีเงินระดับ 8 หลัก ปลาย ๆ ถือว่าเยอะพอสมควร เลยไม่ได้ห่วงเรื่องเงินจะไม่พอใช้ เพราสร้าง passive income หลายทาง หรือถ้าเอาแบบ เซฟๆ แค่ฝากประจำแบบไม่มีความเสี่ยง ผมก็มี รายได้เกินแสนบาทต่อเดือนใช้ทุกเดือนแล้ว
แต่ที่ผมอยากจะบอกทุกท่าน ว่าอย่ากังวลเรื่องการใช้จ่ายเงินเงินทองยามมากเกินควร เพราะหัวใจสำคัญของการเกษียณ คือการฝึกใช้ชีวิตพอเพียง พอดี และมีความสุขทุกวัน มากกว่า การเกษียณมาเพื่อมาผลาญเงิน เพราะชีวิตวัยเกษียณ มันไม่เหมือนตอนวัยทำงานหนุ่มสาวที่มีแรงมีรายได้ทุกเดือน ซึ่งวัยนี้เราถูกฝึกมาให้บริโภคมาตลอด เพราะเรามีรายได้ และเพราะแบบนี้ เราเลยติดนิสัยการบริโภคต่าง ๆ เช่น กิน เที่ยว ซื้อของใช้ต่าง ๆ นานา สนองกิเลสทุกวัน
แต่ผมอยากให้คิดว่า เราใช้ชีวิตแบบ หรูหรา ฟุ่มเฟือยมาทั้งชีวิตแล้ว เราต้องคิดว่า วัยเกษียณ มันคือวัยของการใช้ชีวิตให้ง่าย ไม่ใช่ใช้ชีวิตเหมือนตอนทำงาน ส่วนตัวผมมาค้นพบสัจจะธรรมก็ตอนเลิกทำงานนี่แหละ ทุกวันนี้ ผมค้นพบว่า จากสมัยทำงานผมใช้จ่ายเงินต่าง ๆ นา ๆ เดือนละ แสนกว่าบาททุกเดือน แต่ปัจจุบัน ผมแค่หาข้าวธรรมด ๆ กิน วันละ 3 มื้อ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ หลักพันบาทต้น ๆ แล้วก็ขี่จักรยาน ไปไหมมาไหน ทุก ๆ วัน ชีวิตแทบไม่มีค่าน้ำมัน สรุปคือ จริง ๆ แล้วผมมีค่าใช้จ่ายชีวิต แค่หลักพันไม่เคยถึงหมื่น แต่บอกตามตรง ชีวิต มันมีความสุขมากกว่าตอนใช้ ชีวิตทำงาน และเที่ยวใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อมาก ๆ เพราะ ความสุขของชีวิต มันอยู่ที่กายภายนอก ที่ไม่ต้องทำงาน และใจภายในที่สงบนิ่ง ไม่มีความเครียดเข้ามาในสมองให้ว้าวุ่นใจเลยสักนิดเดียว มีแค่ 2 สิ่งนี้ กาย และใจ ที่สุข มัน ดีกว่าการมีทรัพย์สินมากมายก่ายกองที่กลัวสูญหาน หรือ มีงานรายได้ดี แต่ ผจญความกดดันทุกวัน
ชีวิต ถ้าทำแบบที่ผมว่ามา มีแค่เดือนละ 5-8 พันต่อคน ก็อยู่ได้อย่างสุขสบายแล้วครับ เรื่องพยาบาลก็ใช้บัตรทองเอา อย่าไปคิดเยอะ เวลาชีวิตคนเรามีจำกัด ใช้ชีวิตให้สุขใจได้ก็พอแล้วครับ
ผมเลยอยากแบ่งปันวิธีคิดให้เรารู้จักการใช้ชีวิต มากกว่าการใช้เงินเลี้ยงชีวิตนะครับ ส่วนของผมเงินที่มี มันเป็นแค่ตัวเลขเอง ตายไปผมก็แค่ ส่งต่อให้ลูก ผมคิดแค่นี้ก็สุขใจแล้ว
ตัวผมเองกับภรรยา เกษียณตัวเองตอนอายุ 40 ปลาย ๆ มีเงินระดับ 8 หลัก ปลาย ๆ ถือว่าเยอะพอสมควร เลยไม่ได้ห่วงเรื่องเงินจะไม่พอใช้ เพราสร้าง passive income หลายทาง หรือถ้าเอาแบบ เซฟๆ แค่ฝากประจำแบบไม่มีความเสี่ยง ผมก็มี รายได้เกินแสนบาทต่อเดือนใช้ทุกเดือนแล้ว
แต่ที่ผมอยากจะบอกทุกท่าน ว่าอย่ากังวลเรื่องการใช้จ่ายเงินเงินทองยามมากเกินควร เพราะหัวใจสำคัญของการเกษียณ คือการฝึกใช้ชีวิตพอเพียง พอดี และมีความสุขทุกวัน มากกว่า การเกษียณมาเพื่อมาผลาญเงิน เพราะชีวิตวัยเกษียณ มันไม่เหมือนตอนวัยทำงานหนุ่มสาวที่มีแรงมีรายได้ทุกเดือน ซึ่งวัยนี้เราถูกฝึกมาให้บริโภคมาตลอด เพราะเรามีรายได้ และเพราะแบบนี้ เราเลยติดนิสัยการบริโภคต่าง ๆ เช่น กิน เที่ยว ซื้อของใช้ต่าง ๆ นานา สนองกิเลสทุกวัน
แต่ผมอยากให้คิดว่า เราใช้ชีวิตแบบ หรูหรา ฟุ่มเฟือยมาทั้งชีวิตแล้ว เราต้องคิดว่า วัยเกษียณ มันคือวัยของการใช้ชีวิตให้ง่าย ไม่ใช่ใช้ชีวิตเหมือนตอนทำงาน ส่วนตัวผมมาค้นพบสัจจะธรรมก็ตอนเลิกทำงานนี่แหละ ทุกวันนี้ ผมค้นพบว่า จากสมัยทำงานผมใช้จ่ายเงินต่าง ๆ นา ๆ เดือนละ แสนกว่าบาททุกเดือน แต่ปัจจุบัน ผมแค่หาข้าวธรรมด ๆ กิน วันละ 3 มื้อ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ หลักพันบาทต้น ๆ แล้วก็ขี่จักรยาน ไปไหมมาไหน ทุก ๆ วัน ชีวิตแทบไม่มีค่าน้ำมัน สรุปคือ จริง ๆ แล้วผมมีค่าใช้จ่ายชีวิต แค่หลักพันไม่เคยถึงหมื่น แต่บอกตามตรง ชีวิต มันมีความสุขมากกว่าตอนใช้ ชีวิตทำงาน และเที่ยวใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อมาก ๆ เพราะ ความสุขของชีวิต มันอยู่ที่กายภายนอก ที่ไม่ต้องทำงาน และใจภายในที่สงบนิ่ง ไม่มีความเครียดเข้ามาในสมองให้ว้าวุ่นใจเลยสักนิดเดียว มีแค่ 2 สิ่งนี้ กาย และใจ ที่สุข มัน ดีกว่าการมีทรัพย์สินมากมายก่ายกองที่กลัวสูญหาน หรือ มีงานรายได้ดี แต่ ผจญความกดดันทุกวัน
ชีวิต ถ้าทำแบบที่ผมว่ามา มีแค่เดือนละ 5-8 พันต่อคน ก็อยู่ได้อย่างสุขสบายแล้วครับ เรื่องพยาบาลก็ใช้บัตรทองเอา อย่าไปคิดเยอะ เวลาชีวิตคนเรามีจำกัด ใช้ชีวิตให้สุขใจได้ก็พอแล้วครับ
ผมเลยอยากแบ่งปันวิธีคิดให้เรารู้จักการใช้ชีวิต มากกว่าการใช้เงินเลี้ยงชีวิตนะครับ ส่วนของผมเงินที่มี มันเป็นแค่ตัวเลขเอง ตายไปผมก็แค่ ส่งต่อให้ลูก ผมคิดแค่นี้ก็สุขใจแล้ว
ความคิดเห็นที่ 4
I am a Korean who is traveling in Thailand.
I am 40 years old and retired seven years ago.
Retirement is not something to prepare after retirement, but it is better to prepare from the age of 20.
I started investing at the age of 20 and planned to retire at the age of 45, but I retired early because I didn't think the rich meant much. (I was lucky enough to retire early.)
I am investing in U.S. stocks (apple, google and SNP500) and Korean stocks (K-pop). Earnings from dividends and rising stock prices.
The basic concept of stock investment means that I own the company. Having Google and Apple shares means I make money when people buy an iPhone or watch YouTube.
Buying a good company is an easier way to make money than personal business or working life. People who are smarter than me work for me.
What you need to know when choosing a company to invest in is that you need to see the fundamental financial statement of the first company.
The second is market dominance and possibility of expansion (change in the future society).
The third is the morality of the owner.
If you don't want to spend time looking for a company, I recommend the Snp500. Distributed investment in 500 superior companies in the United States. To be incorporated into the snp500, there are conditions such as a company's market capitalization of more than $13 billion and a surplus for the fourth quarter of the year.
In the capitalist market, stocks give higher returns than banks. The individual's responsibility is patience. People who think of volatility as a loss should not invest in stocks. Time is the most important factor in investing. Investments should be based on a minimum of 10 years.
(The general investment period for ordinary people to become rich is 40 years.)
Just as time matters in investment, the age of the investor matters.
If you're in your 20s, you can invest 100% of your spare money, but if you're in your 60s, honestly speaking, it may be better to get close to the bank than to invest in stocks. This is because the right time for stock investment has passed a long time ago.
I am 40 years old and retired seven years ago.
Retirement is not something to prepare after retirement, but it is better to prepare from the age of 20.
I started investing at the age of 20 and planned to retire at the age of 45, but I retired early because I didn't think the rich meant much. (I was lucky enough to retire early.)
I am investing in U.S. stocks (apple, google and SNP500) and Korean stocks (K-pop). Earnings from dividends and rising stock prices.
The basic concept of stock investment means that I own the company. Having Google and Apple shares means I make money when people buy an iPhone or watch YouTube.
Buying a good company is an easier way to make money than personal business or working life. People who are smarter than me work for me.
What you need to know when choosing a company to invest in is that you need to see the fundamental financial statement of the first company.
The second is market dominance and possibility of expansion (change in the future society).
The third is the morality of the owner.
If you don't want to spend time looking for a company, I recommend the Snp500. Distributed investment in 500 superior companies in the United States. To be incorporated into the snp500, there are conditions such as a company's market capitalization of more than $13 billion and a surplus for the fourth quarter of the year.
In the capitalist market, stocks give higher returns than banks. The individual's responsibility is patience. People who think of volatility as a loss should not invest in stocks. Time is the most important factor in investing. Investments should be based on a minimum of 10 years.
(The general investment period for ordinary people to become rich is 40 years.)
Just as time matters in investment, the age of the investor matters.
If you're in your 20s, you can invest 100% of your spare money, but if you're in your 60s, honestly speaking, it may be better to get close to the bank than to invest in stocks. This is because the right time for stock investment has passed a long time ago.
ความคิดเห็นที่ 26
เคยตอบกระทู้คล้ายๆ กันก่อนหน้าไปแล้ว แปะมาให้อ่านอีกรอบแล้วกันค่ะ
หลังจาก early retired มาเมื่อตอนต้นปีนี้ค่ะ โสด พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ทั้งสิ้น มีบ้าน (คอนโดในเมือง) เป็นของตัวเอง ไม่มีรถเพราะไม่ขับรถ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถสาธารณะทุกชนิด ไม่มีมรดกใดๆ จากพ่อแม่ ทำงานบริษัทข้ามชาติ เงินเดือนเลยค่อนข้างเยอะ ทำให้หลังเกษียณได้เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและเงินชดเชยในการเกษียณมาเยอะพอสมควร ก็เอาไปลงทุน ทุกวันนี้ใช้เงินจาก passive income เท่านั้นค่ะ ยังไม่เคยแตะเงินต้นเลย เพราะแต่ละเดือนรายได้เพียงพอและเหลือสำหรับการใช้ชีวิตปกติทั่วๆไป และใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศปีละ 3-4 ครั้งได้ค่ะ passive income ได้จาก:
- เงินบำนาญประกันสังคม เงินบำนาญจากประกันชีวิต
- ปันผลจากกองทุน ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยเงินฝาก ปันผลจากธุรกิจที่ร่วมทำกับเพื่อน (ทำมานานแล้วเกือบยี่สิบปี)
หลังจาก early retired มาเมื่อตอนต้นปีนี้ค่ะ โสด พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ทั้งสิ้น มีบ้าน (คอนโดในเมือง) เป็นของตัวเอง ไม่มีรถเพราะไม่ขับรถ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถสาธารณะทุกชนิด ไม่มีมรดกใดๆ จากพ่อแม่ ทำงานบริษัทข้ามชาติ เงินเดือนเลยค่อนข้างเยอะ ทำให้หลังเกษียณได้เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและเงินชดเชยในการเกษียณมาเยอะพอสมควร ก็เอาไปลงทุน ทุกวันนี้ใช้เงินจาก passive income เท่านั้นค่ะ ยังไม่เคยแตะเงินต้นเลย เพราะแต่ละเดือนรายได้เพียงพอและเหลือสำหรับการใช้ชีวิตปกติทั่วๆไป และใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศปีละ 3-4 ครั้งได้ค่ะ passive income ได้จาก:
- เงินบำนาญประกันสังคม เงินบำนาญจากประกันชีวิต
- ปันผลจากกองทุน ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยเงินฝาก ปันผลจากธุรกิจที่ร่วมทำกับเพื่อน (ทำมานานแล้วเกือบยี่สิบปี)
แสดงความคิดเห็น
ถามคนที่เกษียณแล้วค่ะ ว่าตอนนี้มีรายได้มาจากช่องทางไหนบ้าง
อยากจะมีการวางแผนสำหรับหลังเกษียณไว้ด้วย
เพราะมีประสบการณ์ของคนใกล้ตัวหลายๆ เคส ที่เราห่วงว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองค่ะ
ขอแชร์บางเคสที่แชร์ได้นะคะ
ญาติๆ เราส่วนใหญ่รับราชการ เลยมีบำนาญกันเดือนละ 30K-60K
ในวัยเกษียณส่วนใหญ่จึงไม่มีใครลำบากค่ะ
มีเคสนึงเออรี่ออกมา รับเป็นเงินก้อน ก็เอาไปโปะหนี้บ้านกับรถ
เหลือเงินอีกนิดหน่อย เอาไปลงทุนพวกกองทุน
หวังว่าจะกินปันผลไปเรื่อยๆ แต่ที่ลงทุนไว้ก็ขาดทุนค่ะ
เงินหายไปเกินครึ่ง และเป็นก้อนสุดท้ายของชีวิต
ตอนนี้เลยระวังในการใช้เงินมาก แบบห้ามเจ็บห้ามป่วย
ใช้เงินห้ามเกินเดือนละ 5 พัน ค่อนข้างลำบากเลยละ
อีกเคสทำงานเอกชน ตอนเกษียณเอาเงินไปให้ลูกเล่นหุ้น
เพราะช่วงแรกลูกเล่นได้ ก็มีแบ่งให้เดือนละ 40K-50K
แต่หลังๆ ขาดทุน ติดดอยเยอะเลย เงินที่เหลือเอาไปทำธุรกิจเล็กๆ หวังว่าจะเป็นเสือนอนกิน
(บ้านเช่า ห้องเช่า อพาร์ทเม้น) ก็เสียแผน เพราะหลังสร้างเสร็จไม่กี่ปี
มีการเวนคืนที่ดินทำให้ไม่มีคนเช่า ถ้าขายก็ขาดทุนไปเยอะเลย
ตอนนี้ก็อยู่ค่อนข้างลำบากเช่นกัน ตอนนี้ลูกโอนให้ใช้เดือนละหมื่น
แต่หลังจากที่เขามีครอบครัว ก็โอนบ้างไม่โอนบ้างค่ะ
เคสสุดท้าย ทำธุรกิจส่วนตัว ตอนแรกอู้ฟู่มาก แต่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ล้มละลาย
สุดท้ายต้องมาทำงานรับค่าแรงขั้นต่ำ แต่อีกไม่กี่ปีก็จะถึงวัยที่ไม่มีใครรับทำงานแล้ว
ก็ไม่รู้จะยังไง เพราะตอนนี้ก็ทำงานเดือนชนเดือนค่ะ ไม่ได้ล้มบนฟูกแบบเจ้าของกิจการทั่วไป
เรารับรู้เรื่องราวทั้งหมดของคนใกล้ตัว ก็มีคิดมากเหมือนกัน
เพราะเราไม่ได้รับราชการ ไม่มีการลงทุนอะไรเป็นพิเศษ แม้มีรับงานฟรีแลนซ์และงานนอกบ้าง
ไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัวอะไรด้วย เลยหาแนวทางอยู่ว่า ถ้าถึงวัยเกษียณแล้วควรจะอะไรยังไงต่อไปดี