✅ติดตามเรื่องราวก่อนหน้านี้ และหลังจากนี้ได้
ขั้นตอนการเตรียมตัว
ตอนที่ 1 : เริ่มฝัน :
https://pantip.com/topic/40525297. จากเด็กเอกภาษาสู่เส้นทางของบริหาร
ตอนที่ 2 : RESET :
https://pantip.com/topic/40532059 เรียนปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ เพื่อให้เข้าใกล้ฝัน มีการเปรียบเทียบการเรียนของสองมหาลัยเปิดที่มีชื่อเสียง
ตอนที่ 3 : BEGIN AGAIN :
https://pantip.com/topic/40542959 พูดถึงการเรียนที่รามคำแหง เคล็ดลับสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เข้าห้องเรียน
ตอนที่ 4 : ATTEMPT :
https://pantip.com/topic/40549335 พูดถึงการเตรียมตัวสอบภาษาเยอรมัน และ IELTS
ตอนที่ 5 : DOCUMENT :
https://pantip.com/topic/40562186 พูดถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่นมหาวิทยาลัย
ตอนที่ 6 : INTERVIEW :
https://pantip.com/topic/41073147 พูดถึงการสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ตอนที่ 7 : PREPARATION :
https://pantip.com/topic/41374177 พูดถึงการได้รับ admission letter
ตอนที่ 8 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนโอนเงินจ่ายค่าแรกเข้าไปยังมหาลัยเยอร :
https://pantip.com/topic/41384045
ตอนที่ 9 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเปิด blocked account + ซื้อประกัน
https://pantip.com/topic/41402617
ตอนที่ 10 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเตรียมเอกสารทำวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
https://pantip.com/topic/41473301
ตอนที่ 11 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนกรอกแบบฟอร์ม VIDEX เพื่อยื่นวีซ่าเพื่อการศึกษา
https://pantip.com/topic/41494161
ตอนที่ 12 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ได้รับอนุมัติวีซ่า+ ส่งท้ายขั้นตอนการเตรียมตัว
https://pantip.com/topic/41522029
ตอนที่ 13 [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 1/2) : บ้าน เปิดซิม เปิดบัญชี
https://pantip.com/topic/41644063
ตอนที่ 14: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 2/2) : Anmeldung เปิดบัญชีและอื่นๆ
https://pantip.com/topic/41660274
ตอนที่ 15: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: Residence permit (Aufenthaltstitel)
https://pantip.com/topic/41956848
ตอนที่ 16: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: เปิดบัญชีธนาคาร Berliner Sparkasse
https://pantip.com/topic/41971413
ตอนที่ 17: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 เรียนจบแล้วววววว พร้อมเปลี่ยน Visa แล้ว
https://pantip.com/topic/42505274
เมื่อตัดสินใจสมัครเรียนปริญญาตรีอีกใบ เป็นอีกช่วงที่มีความกังวลค่อนข้างสูง
สิ่งที่กังวลหลักๆ
กลัวเรียนไม่ไหว เนื่องจากอย่างที่บอกว่าเราเติบโตมากับภาษา ดังนั้นวิชาแต่ละวิชาที่เราต้องเจอ คำนวนล้วนๆรวมถึงพวกเศรษฐศาสตร์ เลยมีความกังวลค่อนข้างสูง (แอบเท้าความคือเราฝังใจมากกับพวกวิชาเศรษฐศาสตร์ จำได้ว่าตอนมอปลายเราเคยตกวิชานี้ ซ่อมถึง 3 คนถึงจะผ่าน เลยกลัววิชานี้เป็นพิเศษ
เวลาในการเรียนและการสอบ รามฯสอบวันธรรมดาค่ะ ดังนั้นการจะจัดตารางเรียนแต่ละเทอมเป็นสิ่งที่ท้าทาย(ความโชคดีของที่รามฯกำหนดการสอบปลายทางมาตั้งแต่วันที่นักศึกษาจะลงทะเบียนเรียน มันเลยทำให้ทุกๆอย่างง่ายขึ้น)
ความกังวลในการเรียนบางวิชา ที่บางวิชาต้องสอบล้วนๆ บางวิชามีคะแนนเก็บ บางวิชามีคะแนนเข้าห้อง มีโปรเจ็กต์ต้องทำ บางวิชาต้องจดเอาเองในห้องเท่านั้น ซึ่งบอกเลยว่าทั้งสามข้อที่กล่าวมา มาทำให้เราต้องยิ่งระวังเรื่องการวางแผน
ตัดมาที่......
ส่วน core การเตรียมเรียนต่อ ตัวเราเองก็มีการวางแผนไว้เช่นกัน เริ่มจาก
ลองเสิชหาคณะและมหาวิทยาลัยที่เราสนใจในเยอรมัน
อ่านพวก requirement ซึ่งโดยปกติแล้ว มหาวิทยาลัยจะผลสอบ IELTS / จดหมายรับรองการทำงาน/ Letter Of Recommendation (ของทางเราโดนสองฉบับ จากอาจารย์ที่เคยสอนเราในมหาวิทยาลัย รวมถึง ของหัวหน้าที่ที่ทำงาน) /Motivation Letter (ตัวนี้เราเก็บเอาไว้หลังสุดเลยค่ะ วางแผนไว้ว่าเตรียมทุกอย่างให้เสร็จค่อยทำ)
อันนี้คือส่วนคร่าวๆของเรา
เริ่มวางแผนลำดับก่อนหลัง (ของเรา ณ ตอนนั้นคร่าวๆคือ 1) ต้องเรียนที่รามฯให้จบก่อน แล้วค่อยไป2) สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นก็3) เริ่มคุยกับอาจารย์และหัวหน้างานเรื่องใบ Letter Of Recommendation ตรงนี้ขอแอบแนะนำซึ่งตรงนี้ต้องขอแนะนำสักหน่อยค่ะ ว่าช่วงเวลาเรียนให้ตีสนิทกับอาจารย์เอาไว้ รวมทั้งโชว์ศักยภาพของตัวเองให้อาจารย์เห็นค่ะ มันจะง่ายมากต่อการขอรบกวนอาจารย์เซ็นต์มากขึ้น) ในกรณีเราถือว่าโชคดีหน่อย เพราะค่อนข้างคุ้นเคยกับอาจารย์และหัวหน้างาน ทั้งสองท่านถึงขั้นว่า ให้เรียนเขียนเองแล้วเขาเซ็นต์อย่างเดียวค่ะ
*ในขั้นตอนนี้ ณตอนนั้น จริงๆเราแค่วางแผนเอาไว้เท่านั้นว่า อาจารย์และหัวหน้าที่เราจะรบกวนเซ็นต์คือใคร แต่ว่ายังไม่ได้คิดรายละเอียดค่ะ มีแค่ core เดี๋ยวอย่างอื่นค่อยว่ากัน เพราะอีกนานเลย
ต่อมาจะขอแชร์เทคนิคการเรียนที่รามฯของตัวเองให้ฟังค่ะ (เผื่อเป็นประโยชน์)
เราเริ่มจาก
1)เปิดอ่านชื่อวิชาที่ต้องเรียนทั้งหมด แล้วก็ดึงวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดหรือที่ตัวเองคิดว่ายากออกมา ณ ตอนนั้นของเราจะมีทั้งหมด 5 ตัว คือ บัญชี ไฟแนนซ์ เศรษฐศาสตร์จุลภาค เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิจัยการตลาด แล้วจับ 5 ตัวนี้มาลงตัวละเทอม ไม่ให้ชนกัน เพื่อว่าเราจะได้มีเวลาในการจัดการตัวที่ไม่ถนัดอย่างเต็มที่
เลือกวิชาจากวันสอบเป็นหลัก เนื่องด้วยเวลาการทำงานและอะไรหลายๆอย่าง เราจะล็อกวิชาจากวันสอบค่ะแล้วเลื่อนเวลาให้กระทบกับการทำงานน้อยที่สุด
2)เข้าคุยกับอาจารย์ประจำรายวิชา (บางวิชา)ตัวต่อตัว ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาที่ไม่มีแนวข้อสอบ และเนื้อหาที่เรียนupdate ตลอด รวมถึงวิชาที่มีคะแนนเข้าห้องเรียน วิชาที่ต้องส่งงานเป็นรายอาทิตย์ : ในจุดนี้ตัวเราเอง เดินเข้าไปพบอาจารย์เองค่ะ ไปชี้แจ้งอาจารย์ รวมถึงขอคำแนะนำ คือเราบอกอาจารย์ทุกท่านตรงๆนะคะ ว่าเราเรียนเป็นปริญญาตรีใบที่สองแต่เนื่องด้วยข้อจำกัดอะไรหลายๆอย่าง มันทำให้เราไม่สามารถเข้าเรียนได้ทุกครั้งซึ่ง feedback ของอาจารย์ที่รามฯ บอกเลยว่า 100ละ100คือเข้าใจค่ะ แล้วอาจารย์แกก็จะแนะนำวิธีการแก้ปัญหามาให้ ยกตัวอย่าง เราเจอวิชานึง คืออาจารย์ยื่นหนังสือที่ใช้สอนมาให้เลยค่ะ แล้วก็บอกว่าสอนบทไหนบ้างสุดท้ายคือเจอกันวันสอบเลย *ถ้าเป็นไปได้ จะแนะนำ ให้เข้าทุกวิชาในคาบสุดท้าย เพราะว่าอาจารย์จะเก็งข้อสอบให้แบบเน้นๆเลย*
3)ข้อสอบเก่าและสรุปหน้ามหาลัยช่วยได้มากค่ะ โดยเฉพาะวิชาพื้นฐานที่ไม่ใช่วิชาเอก ถ้าไม่มีเวลามานั่งจดเองแนะนำให้ไปกว้านมาค่ะ
4)ตีสนิทกับนักเรียนในห้องสักวิชาละ 1 คน เพื่อตามงาน ตามเอกสารการเรียน ในวิชาที่อาจารย์เข้าถึงยากๆ ซึ่งเราบอกเลยว่ามันจะมีส่วนช่วยมาก โดยเฉพาะตอนอ่านหนังสือ มันตัดได้บางบทค่ะ (อาจารย์บางท่านสอนข้ามบท) แล้วมันจะดีมากต่อบางวิชาที่คะแนนเก็บส่วนใหญ่มาจากงานที่ส่ง
5)ลงวิชาที่ตัวเองถนัดเพิ่มเติมไว้ดึงเกรด ตัวที่อารมณ์ว่าเรียนมาแล้ว อ่านแค่ Headline ดูข้อสอบสักรอบก็ได้ A มาอย่างง่ายๆ และแน่นอนค่ะ ของตัวเราเองคือภาษาจีน 🤣 (สำหรับปริญญาใบนี้เราตั้งใจเรียนให้ได้ 3.00 ขึ้นค่ะดังนั้นบอกเลยว่าเราค่อนข้างคำนวนเป็นเทอมต่อเทอม ถ้าเทอมไหนเริ่มมีลางเราก็จะเอาวิชาพวกนี้ลงช่วยค่ะ)
หลังจากผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาช่วงหนึ่ง สุดท้ายคือเราเรียนจบรามฯใน 1 ปี 9 เดือนค่ะ แต่ยอมรับว่าเหนื่อยแบบลากเลือดเลย
และนี่คือเคล็บลับในการเรียนของเรานะคะ
📍 ตัวไหนมีข้อสอบ มีสรุป อ่านเน้นข้อสอบและสรุปเลย
📍เราเตรียมอ่านหนังสือตั้งแต่วันที่เราลงทะเบียนเรียนค่ะ เนื่องจากเราโดนเวลาจี้อยู่ ดังนั้นเทอมนึงเราจะลง 6-7 ตัวเราอ่านหนังสือและสรุปออกมาเอง (ทุกวิชาคืออ่านอย่างต่ำ 2 รอบ รอบที่ 1 อ่านทั้งเล่ม รอบที่ 2 เป็นต้นไป เราอ่านที่เราเขียน)
📍เรียงลำดับการอ่านจากวิชาที่ยากสุด ไม่ถนัดสุด ( ถ้าเห็นลางว่าไม่ทัน เราจะอ่านวันละสองวิชาค่ะ ยากสุดและง่ายสุด) จริงๆปกติเราจะอ่านหนังแค่วันละ 2 ชม.เท่านั้นนะคะ
อ่านทั้งหมด 4-5 วันต่อสัปดาห์ มันจะมีช่วงงานยุ่ง ช่วงงานเหนื่อยมาก เราก็พักค่ะ คือถ้าเป็นช่วงวันหยุดหรือว่างานไม่ยุ่ง เราก็จะมีการปรับเวลาอ่านหนังสือให้มากขึ้น ดูหน้างานเอา ประมาณนั้น
📍วิชาที่ไม่ถนัด : เราใช้วิธีการซื้อ CD มานั่งฟัง เรียนจากยูทูป หาคนช่วยติว และอ่านซ้ำๆทำย้ำๆไป มาถึงจุดจุดนึงมันจะได้เอง จำได้ว่าวิชาบัญชี เราทำข้อสอบเก่าจนวันที่เข้าสอบ เราจำโจทย์ได้เลย
การเรียนรามฯบริหารธุรกิจของเรา ในฐานะเด็กภาษาบอกเลยว่า ‘ด่านหิน’ มันคือการรวมวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดเข้าด้วยค่ะ แล้วต้องทำมันให้ได้ ตอนแรกๆจริงๆเราก็ท้อค่ะ เราว่ามันยากมาก แต่สุดท้ายในเมื่อเรามีฝันและฝันเราใหญ่กว่านั้น เราเลือกที่จะทำค่ะ ยากก็ยาก
แม้ว่าตัวเองจะเหนื่อย เนื้อหาจะยาก จะเยอะแค่ไหน แต่พอเราหลับตา นึกถึงสภาพตัวเองได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วมันชื่นใจนะ ❤️
มีคำพูดประโยคนึงที่เราบอกกับตัวเองเสมอคือ เรียนตรีฯยังบ่นขนาดนี้ เรียนโทจะไหวหรอ ประโยคนี้ทำให้เราฮึดขึ้นมาอีกหลายๆครั้ง และอีกอย่าง ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเริ่ม เราควรจะไปให้สุด บอกเลยว่าปริญญาตรีฯของเราใบนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและหยดน้ำตา
หลายครั้งมากๆที่แอบท้อแล้วแอบด่าตัวเองว่าทำไมถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้ 555
แต่สุดท้ายของท้ายสุด “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร”
จำได้ว่า...วันที่วิชาสุดท้ายเกรดออก เราน้ำตาไหลเลย
เอาจริง บางครั้งการลองทำอะไรที่ไม่ถนัดมันก็มีข้อดีนะ
อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ศักยภาพของตัวเอง
ถ้าเราไม่กล้าลอง เราก็จะติดอยู่กับคำว่าทำไม่ได้อยู่นั่นแหละ
จริงๆคนเราทำได้ทุกอย่าง ขอแค่พยายาม เราเชื่ออย่างงั้นมาตลอด
และความพยายามก็ไม่เคยทำร้ายเราเลยสักครั้ง 😊
เราจบรามฯ คณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาดนะคะ เกรดรวม 3.02
ช่วงเวลาเรียนที่รามคือ July 2015 - April 2017
เมื่อเรียนจบป.ตรีอีกใบ ต่อมาก็ Back On Track
สนามต่อไปคือการสอบ IELTS.......
[A Dreamer :กระทู้ให้กำลังใจคนมีฝัน ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ฉบับคนถึก ตอนที่ 3: BEGIN AGAIN
ขั้นตอนการเตรียมตัว
ตอนที่ 1 : เริ่มฝัน : https://pantip.com/topic/40525297. จากเด็กเอกภาษาสู่เส้นทางของบริหาร
ตอนที่ 2 : RESET : https://pantip.com/topic/40532059 เรียนปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ เพื่อให้เข้าใกล้ฝัน มีการเปรียบเทียบการเรียนของสองมหาลัยเปิดที่มีชื่อเสียง
ตอนที่ 3 : BEGIN AGAIN : https://pantip.com/topic/40542959 พูดถึงการเรียนที่รามคำแหง เคล็ดลับสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เข้าห้องเรียน
ตอนที่ 4 : ATTEMPT : https://pantip.com/topic/40549335 พูดถึงการเตรียมตัวสอบภาษาเยอรมัน และ IELTS
ตอนที่ 5 : DOCUMENT : https://pantip.com/topic/40562186 พูดถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่นมหาวิทยาลัย
ตอนที่ 6 : INTERVIEW : https://pantip.com/topic/41073147 พูดถึงการสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ตอนที่ 7 : PREPARATION : https://pantip.com/topic/41374177 พูดถึงการได้รับ admission letter
ตอนที่ 8 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนโอนเงินจ่ายค่าแรกเข้าไปยังมหาลัยเยอร : https://pantip.com/topic/41384045
ตอนที่ 9 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเปิด blocked account + ซื้อประกัน
https://pantip.com/topic/41402617
ตอนที่ 10 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเตรียมเอกสารทำวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
https://pantip.com/topic/41473301
ตอนที่ 11 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนกรอกแบบฟอร์ม VIDEX เพื่อยื่นวีซ่าเพื่อการศึกษา
https://pantip.com/topic/41494161
ตอนที่ 12 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ได้รับอนุมัติวีซ่า+ ส่งท้ายขั้นตอนการเตรียมตัว
https://pantip.com/topic/41522029
ตอนที่ 13 [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 1/2) : บ้าน เปิดซิม เปิดบัญชี
https://pantip.com/topic/41644063
ตอนที่ 14: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 2/2) : Anmeldung เปิดบัญชีและอื่นๆ
https://pantip.com/topic/41660274
ตอนที่ 15: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: Residence permit (Aufenthaltstitel)
https://pantip.com/topic/41956848
ตอนที่ 16: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: เปิดบัญชีธนาคาร Berliner Sparkasse
https://pantip.com/topic/41971413
ตอนที่ 17: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 เรียนจบแล้วววววว พร้อมเปลี่ยน Visa แล้ว
https://pantip.com/topic/42505274
เมื่อตัดสินใจสมัครเรียนปริญญาตรีอีกใบ เป็นอีกช่วงที่มีความกังวลค่อนข้างสูง
สิ่งที่กังวลหลักๆ
กลัวเรียนไม่ไหว เนื่องจากอย่างที่บอกว่าเราเติบโตมากับภาษา ดังนั้นวิชาแต่ละวิชาที่เราต้องเจอ คำนวนล้วนๆรวมถึงพวกเศรษฐศาสตร์ เลยมีความกังวลค่อนข้างสูง (แอบเท้าความคือเราฝังใจมากกับพวกวิชาเศรษฐศาสตร์ จำได้ว่าตอนมอปลายเราเคยตกวิชานี้ ซ่อมถึง 3 คนถึงจะผ่าน เลยกลัววิชานี้เป็นพิเศษ
เวลาในการเรียนและการสอบ รามฯสอบวันธรรมดาค่ะ ดังนั้นการจะจัดตารางเรียนแต่ละเทอมเป็นสิ่งที่ท้าทาย(ความโชคดีของที่รามฯกำหนดการสอบปลายทางมาตั้งแต่วันที่นักศึกษาจะลงทะเบียนเรียน มันเลยทำให้ทุกๆอย่างง่ายขึ้น)
ความกังวลในการเรียนบางวิชา ที่บางวิชาต้องสอบล้วนๆ บางวิชามีคะแนนเก็บ บางวิชามีคะแนนเข้าห้อง มีโปรเจ็กต์ต้องทำ บางวิชาต้องจดเอาเองในห้องเท่านั้น ซึ่งบอกเลยว่าทั้งสามข้อที่กล่าวมา มาทำให้เราต้องยิ่งระวังเรื่องการวางแผน
ตัดมาที่......
ส่วน core การเตรียมเรียนต่อ ตัวเราเองก็มีการวางแผนไว้เช่นกัน เริ่มจาก
ลองเสิชหาคณะและมหาวิทยาลัยที่เราสนใจในเยอรมัน
อ่านพวก requirement ซึ่งโดยปกติแล้ว มหาวิทยาลัยจะผลสอบ IELTS / จดหมายรับรองการทำงาน/ Letter Of Recommendation (ของทางเราโดนสองฉบับ จากอาจารย์ที่เคยสอนเราในมหาวิทยาลัย รวมถึง ของหัวหน้าที่ที่ทำงาน) /Motivation Letter (ตัวนี้เราเก็บเอาไว้หลังสุดเลยค่ะ วางแผนไว้ว่าเตรียมทุกอย่างให้เสร็จค่อยทำ)
อันนี้คือส่วนคร่าวๆของเรา
เริ่มวางแผนลำดับก่อนหลัง (ของเรา ณ ตอนนั้นคร่าวๆคือ 1) ต้องเรียนที่รามฯให้จบก่อน แล้วค่อยไป2) สอบวัดระดับภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นก็3) เริ่มคุยกับอาจารย์และหัวหน้างานเรื่องใบ Letter Of Recommendation ตรงนี้ขอแอบแนะนำซึ่งตรงนี้ต้องขอแนะนำสักหน่อยค่ะ ว่าช่วงเวลาเรียนให้ตีสนิทกับอาจารย์เอาไว้ รวมทั้งโชว์ศักยภาพของตัวเองให้อาจารย์เห็นค่ะ มันจะง่ายมากต่อการขอรบกวนอาจารย์เซ็นต์มากขึ้น) ในกรณีเราถือว่าโชคดีหน่อย เพราะค่อนข้างคุ้นเคยกับอาจารย์และหัวหน้างาน ทั้งสองท่านถึงขั้นว่า ให้เรียนเขียนเองแล้วเขาเซ็นต์อย่างเดียวค่ะ
*ในขั้นตอนนี้ ณตอนนั้น จริงๆเราแค่วางแผนเอาไว้เท่านั้นว่า อาจารย์และหัวหน้าที่เราจะรบกวนเซ็นต์คือใคร แต่ว่ายังไม่ได้คิดรายละเอียดค่ะ มีแค่ core เดี๋ยวอย่างอื่นค่อยว่ากัน เพราะอีกนานเลย
ต่อมาจะขอแชร์เทคนิคการเรียนที่รามฯของตัวเองให้ฟังค่ะ (เผื่อเป็นประโยชน์)
เราเริ่มจาก
1)เปิดอ่านชื่อวิชาที่ต้องเรียนทั้งหมด แล้วก็ดึงวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดหรือที่ตัวเองคิดว่ายากออกมา ณ ตอนนั้นของเราจะมีทั้งหมด 5 ตัว คือ บัญชี ไฟแนนซ์ เศรษฐศาสตร์จุลภาค เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิจัยการตลาด แล้วจับ 5 ตัวนี้มาลงตัวละเทอม ไม่ให้ชนกัน เพื่อว่าเราจะได้มีเวลาในการจัดการตัวที่ไม่ถนัดอย่างเต็มที่
เลือกวิชาจากวันสอบเป็นหลัก เนื่องด้วยเวลาการทำงานและอะไรหลายๆอย่าง เราจะล็อกวิชาจากวันสอบค่ะแล้วเลื่อนเวลาให้กระทบกับการทำงานน้อยที่สุด
2)เข้าคุยกับอาจารย์ประจำรายวิชา (บางวิชา)ตัวต่อตัว ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาที่ไม่มีแนวข้อสอบ และเนื้อหาที่เรียนupdate ตลอด รวมถึงวิชาที่มีคะแนนเข้าห้องเรียน วิชาที่ต้องส่งงานเป็นรายอาทิตย์ : ในจุดนี้ตัวเราเอง เดินเข้าไปพบอาจารย์เองค่ะ ไปชี้แจ้งอาจารย์ รวมถึงขอคำแนะนำ คือเราบอกอาจารย์ทุกท่านตรงๆนะคะ ว่าเราเรียนเป็นปริญญาตรีใบที่สองแต่เนื่องด้วยข้อจำกัดอะไรหลายๆอย่าง มันทำให้เราไม่สามารถเข้าเรียนได้ทุกครั้งซึ่ง feedback ของอาจารย์ที่รามฯ บอกเลยว่า 100ละ100คือเข้าใจค่ะ แล้วอาจารย์แกก็จะแนะนำวิธีการแก้ปัญหามาให้ ยกตัวอย่าง เราเจอวิชานึง คืออาจารย์ยื่นหนังสือที่ใช้สอนมาให้เลยค่ะ แล้วก็บอกว่าสอนบทไหนบ้างสุดท้ายคือเจอกันวันสอบเลย *ถ้าเป็นไปได้ จะแนะนำ ให้เข้าทุกวิชาในคาบสุดท้าย เพราะว่าอาจารย์จะเก็งข้อสอบให้แบบเน้นๆเลย*
3)ข้อสอบเก่าและสรุปหน้ามหาลัยช่วยได้มากค่ะ โดยเฉพาะวิชาพื้นฐานที่ไม่ใช่วิชาเอก ถ้าไม่มีเวลามานั่งจดเองแนะนำให้ไปกว้านมาค่ะ
4)ตีสนิทกับนักเรียนในห้องสักวิชาละ 1 คน เพื่อตามงาน ตามเอกสารการเรียน ในวิชาที่อาจารย์เข้าถึงยากๆ ซึ่งเราบอกเลยว่ามันจะมีส่วนช่วยมาก โดยเฉพาะตอนอ่านหนังสือ มันตัดได้บางบทค่ะ (อาจารย์บางท่านสอนข้ามบท) แล้วมันจะดีมากต่อบางวิชาที่คะแนนเก็บส่วนใหญ่มาจากงานที่ส่ง
5)ลงวิชาที่ตัวเองถนัดเพิ่มเติมไว้ดึงเกรด ตัวที่อารมณ์ว่าเรียนมาแล้ว อ่านแค่ Headline ดูข้อสอบสักรอบก็ได้ A มาอย่างง่ายๆ และแน่นอนค่ะ ของตัวเราเองคือภาษาจีน 🤣 (สำหรับปริญญาใบนี้เราตั้งใจเรียนให้ได้ 3.00 ขึ้นค่ะดังนั้นบอกเลยว่าเราค่อนข้างคำนวนเป็นเทอมต่อเทอม ถ้าเทอมไหนเริ่มมีลางเราก็จะเอาวิชาพวกนี้ลงช่วยค่ะ)
หลังจากผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาช่วงหนึ่ง สุดท้ายคือเราเรียนจบรามฯใน 1 ปี 9 เดือนค่ะ แต่ยอมรับว่าเหนื่อยแบบลากเลือดเลย
และนี่คือเคล็บลับในการเรียนของเรานะคะ
📍 ตัวไหนมีข้อสอบ มีสรุป อ่านเน้นข้อสอบและสรุปเลย
📍เราเตรียมอ่านหนังสือตั้งแต่วันที่เราลงทะเบียนเรียนค่ะ เนื่องจากเราโดนเวลาจี้อยู่ ดังนั้นเทอมนึงเราจะลง 6-7 ตัวเราอ่านหนังสือและสรุปออกมาเอง (ทุกวิชาคืออ่านอย่างต่ำ 2 รอบ รอบที่ 1 อ่านทั้งเล่ม รอบที่ 2 เป็นต้นไป เราอ่านที่เราเขียน)
📍เรียงลำดับการอ่านจากวิชาที่ยากสุด ไม่ถนัดสุด ( ถ้าเห็นลางว่าไม่ทัน เราจะอ่านวันละสองวิชาค่ะ ยากสุดและง่ายสุด) จริงๆปกติเราจะอ่านหนังแค่วันละ 2 ชม.เท่านั้นนะคะ
อ่านทั้งหมด 4-5 วันต่อสัปดาห์ มันจะมีช่วงงานยุ่ง ช่วงงานเหนื่อยมาก เราก็พักค่ะ คือถ้าเป็นช่วงวันหยุดหรือว่างานไม่ยุ่ง เราก็จะมีการปรับเวลาอ่านหนังสือให้มากขึ้น ดูหน้างานเอา ประมาณนั้น
📍วิชาที่ไม่ถนัด : เราใช้วิธีการซื้อ CD มานั่งฟัง เรียนจากยูทูป หาคนช่วยติว และอ่านซ้ำๆทำย้ำๆไป มาถึงจุดจุดนึงมันจะได้เอง จำได้ว่าวิชาบัญชี เราทำข้อสอบเก่าจนวันที่เข้าสอบ เราจำโจทย์ได้เลย
การเรียนรามฯบริหารธุรกิจของเรา ในฐานะเด็กภาษาบอกเลยว่า ‘ด่านหิน’ มันคือการรวมวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดเข้าด้วยค่ะ แล้วต้องทำมันให้ได้ ตอนแรกๆจริงๆเราก็ท้อค่ะ เราว่ามันยากมาก แต่สุดท้ายในเมื่อเรามีฝันและฝันเราใหญ่กว่านั้น เราเลือกที่จะทำค่ะ ยากก็ยาก
แม้ว่าตัวเองจะเหนื่อย เนื้อหาจะยาก จะเยอะแค่ไหน แต่พอเราหลับตา นึกถึงสภาพตัวเองได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วมันชื่นใจนะ ❤️
มีคำพูดประโยคนึงที่เราบอกกับตัวเองเสมอคือ เรียนตรีฯยังบ่นขนาดนี้ เรียนโทจะไหวหรอ ประโยคนี้ทำให้เราฮึดขึ้นมาอีกหลายๆครั้ง และอีกอย่าง ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเริ่ม เราควรจะไปให้สุด บอกเลยว่าปริญญาตรีฯของเราใบนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและหยดน้ำตา
หลายครั้งมากๆที่แอบท้อแล้วแอบด่าตัวเองว่าทำไมถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้ 555
แต่สุดท้ายของท้ายสุด “ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร”
จำได้ว่า...วันที่วิชาสุดท้ายเกรดออก เราน้ำตาไหลเลย
เอาจริง บางครั้งการลองทำอะไรที่ไม่ถนัดมันก็มีข้อดีนะ
อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ศักยภาพของตัวเอง
ถ้าเราไม่กล้าลอง เราก็จะติดอยู่กับคำว่าทำไม่ได้อยู่นั่นแหละ
จริงๆคนเราทำได้ทุกอย่าง ขอแค่พยายาม เราเชื่ออย่างงั้นมาตลอด
และความพยายามก็ไม่เคยทำร้ายเราเลยสักครั้ง 😊
เราจบรามฯ คณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาดนะคะ เกรดรวม 3.02
ช่วงเวลาเรียนที่รามคือ July 2015 - April 2017
เมื่อเรียนจบป.ตรีอีกใบ ต่อมาก็ Back On Track
สนามต่อไปคือการสอบ IELTS.......