คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 34
มีแต่คนเข้าตอบเล่นสนุกสนานน่าเสียดาย เพราะประเด็นน่าสนใจ สังคมอุดมปัญญาโดยแท้ ขอออกตัวก่อนว่า เคยอ่านหนังสือตำรามาจริง ๆ แต่จำมิได้ว่าเล่มใด เพราะเรียนมานานแล้ว ความเยี่ยงนี้
หลักฐานเชิงประจักษ์นั้นคงหามีไม่ เพราะเป็นช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีแต่สมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่สุด คือ การหุงหาอาหารให้สุกของมนุษย์นั้น น่าจะเกิดหลังจากการที่มนุษย์ค้นพบการใช้ไฟเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตแล้ว
เป็นการค้นพบโดยบังเอิญว่า เศษซากสัตว์ที่ล่ามาเพื่อยังชีพแล้วเหลือ เมื่อตั้งทิ้งไว้ใกล้กับบริเวณที่ก่อไฟ จะสามารถเก็บได้นานขึ้น มนุษย์เป็นสัตว์ช่างสังเกต จึงใช้ไฟเพื่อรมและปรุงอาหารให้สุก (ช่วงแรกคือโยนเข้ากองไฟแล้วเขี่ยออกมา) ประโยชน์แรกมิใช่เพื่อความอร่อย แต่เป็นเพื่อเก็บรักษาไว้กินภายหลัง ทำให้ไม่ต้องอกล่าบ่อย ๆ ทุกครั้งที่หิว
ต่อมาเมื่อมีการค้นพบว่าการปรุงอาหารให้สุกนั้น ทำให้สามารถเก็บไว้กินได้นานขึ้น จึงมีการพัฒนาต่อ จากการเอาใส่ไฟโดยตรง (ควบคุมระดับความสุกยาก) มาเป็นการรมควัน โดยเสียบอาหาร (เนื้อสัตว์) ไว้ใกล้บริเวณกองไฟ ทำให้เนื้อสัตว์แห้ง และเก็บได้นาน ซึ่งกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบรมควันนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นวิธีการปรุงอาหารแบบแรกที่มนุษย์ค้นพบในช่วงก่อนยุคประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และใช้เครื่องมือซับซ้อนน้อยที่สุด
การหุงหาอาหารนี้ มิใช่แค่ทำให้มีอาหารกินสม่ำเสมอ ไม่ต้องอด ๆ อยาก ๆ หากออกล่าไม่ได้แล้ว ยีงมีประโยชน์ทางอ้อม คือ ทำให้ใช้พลังงานในการย่อยน้อยลง เนื่องจากอาหารสุกคล้ายกับถูกย่อยแล้วบางส่วน จึงใช้เวลาและพลังงานในการย่อยต่อน้อยกว่าเนื้อดิบ เพราะการย่อยอาหารของมนุษย์เป็นกิจกรรมที่ต้องใส่พลังงานเข้าไปก่อน (สลายโมเลกุลของอาหารและดูดซึม) เมื่อมีพลังงานและเวลาเหลือ เพราะไม่ต้องออกล่าบ่อย ทำให้สามารถพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้ เช่น การทำเครื่องมือหิน และเครื่องนุ่งห่ม ชีวิตไม่ต้องวนเวียนกับการออกล่า กิน แล้วนอนเท่านั้น นอกจากนี้ สมองซึ่งเป็นอวัยวะหนึ่งที่ใช้พลังงานมากที่สุด จึงสามารถพัฒนาได้มากขึ้น
อาจกล่าวได้ว่า การหุงหาอาหารของมนุษย์ คือ ก้าวที่สองที่สำคัญยิ่งของการพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา ถัดจากก้าวแรกคือการใช้ไฟ
หลักฐานเชิงประจักษ์นั้นคงหามีไม่ เพราะเป็นช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีแต่สมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่สุด คือ การหุงหาอาหารให้สุกของมนุษย์นั้น น่าจะเกิดหลังจากการที่มนุษย์ค้นพบการใช้ไฟเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตแล้ว
เป็นการค้นพบโดยบังเอิญว่า เศษซากสัตว์ที่ล่ามาเพื่อยังชีพแล้วเหลือ เมื่อตั้งทิ้งไว้ใกล้กับบริเวณที่ก่อไฟ จะสามารถเก็บได้นานขึ้น มนุษย์เป็นสัตว์ช่างสังเกต จึงใช้ไฟเพื่อรมและปรุงอาหารให้สุก (ช่วงแรกคือโยนเข้ากองไฟแล้วเขี่ยออกมา) ประโยชน์แรกมิใช่เพื่อความอร่อย แต่เป็นเพื่อเก็บรักษาไว้กินภายหลัง ทำให้ไม่ต้องอกล่าบ่อย ๆ ทุกครั้งที่หิว
ต่อมาเมื่อมีการค้นพบว่าการปรุงอาหารให้สุกนั้น ทำให้สามารถเก็บไว้กินได้นานขึ้น จึงมีการพัฒนาต่อ จากการเอาใส่ไฟโดยตรง (ควบคุมระดับความสุกยาก) มาเป็นการรมควัน โดยเสียบอาหาร (เนื้อสัตว์) ไว้ใกล้บริเวณกองไฟ ทำให้เนื้อสัตว์แห้ง และเก็บได้นาน ซึ่งกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบรมควันนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นวิธีการปรุงอาหารแบบแรกที่มนุษย์ค้นพบในช่วงก่อนยุคประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และใช้เครื่องมือซับซ้อนน้อยที่สุด
การหุงหาอาหารนี้ มิใช่แค่ทำให้มีอาหารกินสม่ำเสมอ ไม่ต้องอด ๆ อยาก ๆ หากออกล่าไม่ได้แล้ว ยีงมีประโยชน์ทางอ้อม คือ ทำให้ใช้พลังงานในการย่อยน้อยลง เนื่องจากอาหารสุกคล้ายกับถูกย่อยแล้วบางส่วน จึงใช้เวลาและพลังงานในการย่อยต่อน้อยกว่าเนื้อดิบ เพราะการย่อยอาหารของมนุษย์เป็นกิจกรรมที่ต้องใส่พลังงานเข้าไปก่อน (สลายโมเลกุลของอาหารและดูดซึม) เมื่อมีพลังงานและเวลาเหลือ เพราะไม่ต้องออกล่าบ่อย ทำให้สามารถพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้ เช่น การทำเครื่องมือหิน และเครื่องนุ่งห่ม ชีวิตไม่ต้องวนเวียนกับการออกล่า กิน แล้วนอนเท่านั้น นอกจากนี้ สมองซึ่งเป็นอวัยวะหนึ่งที่ใช้พลังงานมากที่สุด จึงสามารถพัฒนาได้มากขึ้น
อาจกล่าวได้ว่า การหุงหาอาหารของมนุษย์ คือ ก้าวที่สองที่สำคัญยิ่งของการพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา ถัดจากก้าวแรกคือการใช้ไฟ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เคยอ่านเจอแต่จำไม่ได้แล้ว เกี่ยวกับการใช้ไฟนี่แหละ แต่การที่มนุษย์เปลี่ยนมากินเนื้อสุกก็ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารของมนุษย์เปลี่ยนไป และที่สำคัญคือทำให้เกิดฟันคุด คือตอนมนุษย์ยังกินเนื้อดิบ ต้องใช้ขากรรไกร ใช้กรามที่ทรงพลังในการฉีกเนื้อ ทำให้มนุษย์โบราณมีกรามที่ใหญ่ แต่พอรู้จักกินเนื้อสุกที่นุ่มลง ฉีกง่ายขึ้น ก็ทำให้กรามที่ใหญ่และทรงพลังจำเป็นน้อยลง และเล็กลงเรื่อย ๆ แต่จำนวนฟันยังเท่าเดิม ทำให้ฟันซี่ในสุดไม่มีที่ให้ขึ้น และกลายเป็นฟันคุด
แสดงความคิดเห็น
มนุษย์รู้ได้ยังไงว่าควรกินอาหารปรุงสุก
ที่กินอาการปรุงสุกจากเนื้อสัตว์
หรืออาหารอื่นๆคิดยังไงถึงปรุงสุกครับ
ซึ่งด้วยการกินอาหารปรุงสุก
ก็เลยทำให้ได้รับสารอาหารสูงขึ้น
จนทำให้การวิวัฒนาการของมนุษย์ยุกแรกเริ่ม
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ผมอยากรู้ว่ามนุษย์คนแรก
เค้านึกยังไงถึงกินอาหารสุก