สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกที่เราตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อรีวิวการไปเดินป่าในครั้งนี้ค่ะ \\(^o^)//
จุดเริ่มต้นคือ เราและเพื่อนๆของเรา อยากไปเดินป่าที่ภูสอยดาวค่ะ ตกลงวางแผนอย่างดิบดี แต่แล้วหลังจากที่เราจอง QueQ ไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นก็คือ พายุโนอึลเข้า🌪🌪 ทำให้ภูสอยดาวประกาศปิดอย่างไม่มีกำหนด 😭 พวกเราเลยต้องเปลี่ยนสถานที่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ลองโทรถามหลายๆที่นกทุกที่เลยค่ะ เหตุผลคือ ยังไม่ได้สำรวจป่า ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวค่ะ ลืมบอกว่าช่วงที่เราไปคือ ต้นเดือนตุลาคม 63 แล้วเราไปกันเป็นหมู่คณะ 20 คน และคนในกลุ่มส่วนใหญ่ยังไม่เคยเดินป่า การเลือกสถานที่จึงค่อนข้างยากนิดนึง ความนกทำให้พวกเราหมดหนทางว่าจะไปไหนดี สุดท้ายพี่ในกลุ่มเสนอ"ดอยจง" ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแหะ มีคนเสนอเราต้องสนอง โทรถามเลยจ้าาาา สรุปดอยนี้ไม่นก ปิดโหวตกันที่ "ดอยจง" อ.สบปราบ จ.ลำปาง ค่าาาาาา
เย้ๆๆๆๆๆ 🥳🥳🥳🥳🥳
พอได้ชื่อป่ามาเราก็เสิชหารีวิวอ่านก่อนเลยค่ะ อ่านเจอว่าเดิน 8 km. คิดในใจว่าเพื่อนๆจะเดินไหวมั้ยเนี่ยยยยยย เดินไกลพอสมควร มือใหม่ครึ่งต่อครึ่งเลย แต่ในเมื่อพวกเราเลือกกันแล้วต้องไหวดิว๊า 5555555555
พวกเราเริ่มออกเดินทางจาก กทม.ด้วยรถตู้ เวลา 23.00 น. และถึงตลาดเช้าใน จ.ลำปาง เวลาประมาณ 7.00 น. เพื่อซื้ออาหารเช้าและกลางวัน สำหรับเตรียมขึ้นดอย เราซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดหม้อไปกินเพราะว่าสะดวกดี ซื้อของเสร็จพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ อ. สบปราบ ไปอุทยานแห่งชาติดอยจง
และแล้วก็มาถึงอุทยานแห่งชาติดอยจง🥳
พวกเราขนสัมภาระมาวางที่จุดรับรอง เพื่อจัดกระเป๋าเดินทาง ทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนชุดก่อนจะขึ้นดอยเน้นย้ำว่า...ทางอุทยานไม่ให้เอาลังโฟมพลาสติกขึ้น ในตอนแรกกลุ่มเราเอาโฟมใส่ของสดแช่งน้ำแข็งแห้ง แล้วจึงเปลี่ยนถ่ายใส่กระเป๋าในตอนหลัง นอกจากนี้เอาแต่ของจำเป็นไป ไม่ต้องเอาขึ้นไปเยอะ เดี๋ยวจะไปเป็นท้อกลางป่า 5555555 ทริปนี้พวกเราเน้นแบกเอง จ้างพี่ลูกหาบ 3 คนเท่านั้น และต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วยนะเออ
เตรียมตัวเสร็จแล้วพร้อมลุย สำคัญมากๆ ถ่ายรูปเช็คอินหน้าป้ายแปป กรุ๊ปใหญ่มากแม่~~เห็นละตกใจ นึกว่ามาทอดกฐิน 📸
เก็บภาพรัวๆเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางโลด โดยจะนั่ง 4WD เข้าไปในช่วง 1 km แรก พวกเราทยอยแบ่งกันขึ้นรถทั้งหมด 3 รอบ ทางค่อนข้างขรุขระเลยจ้า หาที่จับไว้ให้ดีๆน้า
ลงรถ 4WD ถึงจุดเริ่มเดินยุงเยอะมาก อย่าลืมพกยากันยุงมาด้วยเด้ออออ ได้ใช้แน่นอนจ้า
ก่อนเริ่มเดิน พี่เจ้าหน้าบอกถ่ายรูปให้พี่หน่อย อย่างเท่!!
มาครบกันทุกคนแล้วเราเริ่มเดินกันเลยดีกว่า เวลาสตาร์ทคือ 10.30 น. มัวแต่ถ่ายรูปกันอยู่สายเลยจ้า 55555
ฝนเริ่มตกปรอยๆไม่มาก อากาศวันนี้คือ ครึ้มฝนมากเลยจ้า ไม่มีแดด 🌧
ในช่วงแรกพวกเราเดินผ่านธารน้ำเล็กๆ มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ยุงก็มากเช่นกัน
เริ่มเดินกันไปสักพัก ร่างกายไม่เคยโกหก วินาทีนั้นคือ หยิบยาดมออกมาดมไปตามๆกัน โฆษณาต้องเข้าละนะ 55555555555
น้องๆสู้มาก ปากบอกไหวแต่น้ามตาไหลถึงทีนนน ปรบมืออออออ
เดินไปได้ประมาณ 2-3 km พวกเราก็แวะพักกินข้าวกลางวัน เนื่องจากท้องร้องจ๊อกๆ เป็นสัญญาณว่าต้องรีบหยิบข้าวเหนียวไก่ทอดขึ้นมากินแล้วแหละ
>< ก่อนจะกินข้าวขอดมยาดมอีกสักฟืดดดด~ อ่า ชื่นจายยยยยยย~
กินข้าวกลางวันเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าเดินต่อไป ระหว่างนั้นมีฝนตกปรอยๆ หลังจากนั้นก็เกิดหมอกฟุ้งกระจาย เหมือนใส่ฟิลเตอร์ 🌫🌫🌫
ทางเดินก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งทำให้นึกถึงเขาหลวงสุโขทัยเลย เนื่องจากที่นี่ระยะทางชันสั้นๆต่อเนื่อง ทำให้เหนื่อยมากไม่แพ้เขาหลวงสุโขทัยเลยค่า
ลักษณะทางเดินเป็นหินลอย ไม่ใช่ว่าหินลอยได้นะ แต่เป็นลักษณะหินที่โผล่ขึ้นมาจากดิน ต้องระวังเรื่องเท้าพลิกและลื่นล้มให้มากๆ สำคัญเลยคือการเลือกรองเท้ามาใช้เดินป่า ต้องมีดอกยางและเหมาะสมกับการเดินป่าน้า นอกจากนี้ไม้โพลหรือไม้ค้ำก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆสำหรับการเดินป่าที่ชัน รีวิวจากผู้ใช้งานจริง 5555555
นอกจากความเหนื่อยแล้ว ยังพอจะมีความสวยงามจากพืชนานาพรรณให้เราได้ชมระหว่างทาง เราไปเจอเห็ดต้นหนึ่ง ใหญ่เท่าจานข้าวเลยอ่ะ ว้าวมากกก อยากให้มาเห็นด้วยตัวเองจริงๆ
หลังจากที่เราเดินชันกันอย่างต่อเนื่อง และแล้วก็ถึงทางราบสักที นั่นหมายความว่าเราถึงสันเขาลูกใหม่ ที่ลักษณะป่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางราบที่ว่านั้นมีลักษณะเป็นดินแดง (ที่มันอยู่ในกรุงเทพอ่ะเหรอ? ไม่ใช่!! พ่ามพาม อย่าหาเล่น 5555) และเป็นป่าสนห่างๆ มาถึงจุดนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเรามาได้ครึ่งทางละนะ พวกเราถึงกับร้อง ห้ะ?! พึ่งถึงครึ่งทางเองหรอพี่ นั่นหมายความว่า เราเดินมาได้เพียง 4 km น้ามตาจิไหล...(เพลงพี่เบิร์ดลอยขึ้นมาเลย "ชั้นมาทำอะไรที่นี่?~)
เดินต่อมาอีกสักพักจะเจอวิวหมอกฟุ้งๆลอยบนเขาแบบนี้ สวยมากๆเลย ไม่พลาดที่จะเก็บภาพตรงจุดนี้และแวะพักไปในตัว
อ่ะ เดินต่อไปอีก บังเอิญเจอเเจ้าผีเสื้อตัวนี้ สีสวย และตัวใหญ่มาก เท่าฝ่ามือแหน่ะ
เดินต่อไม่รอละน้าาาา พบกับความลำบากอีกขั้น ดินแดงเป็นร่องๆ
ระหว่างทางฝนตก ชนิดที่ว่าเทลงมาเลยก็ว่าได้ เปียกจ่ะเปียก ซวยตรงที่เราลืม rain cover เลยต้องใส่เสื้อกันฝนแทน ความรู้สึกตอนนี้คือ สุดๆไปเลย ทั้งเหนื่อยล้า ปวดตามร่างกาย แฉะเพราะฝนตกอีกต่างหาก บางคนเริ่มมีอาการตะคริวถามหา แต่เราก็ยังสู้ต่อไป ฮึบๆ..
พ้นจากเขาลูกนี้ไป เดินขึ้นเขาลูกใหม่ต่อ คราวนี้ชันมาก เดินไต่ขึ้นเขาเรื่อยๆ เราไม่มีรูปเลยจ้า เพราะต้องใช้สมาธิในการเดินอย่างมาก ถ้ามัวแต่ถ่ายรูปน่าจะกลิ้งตกเขาก่อน ที่ว่าชันนี่คือ พี่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยขุดดินสำหรับเดินไต่ขึ้นเขาเลยแหละ ชันจริงจัง ชันจนหวาดเสียว ตามคอนเซปดอยจงที่แปลว่าชัน 5555555 อีกหนึ่งคำเตือนจากพี่เจ้าหน้าที่ บอกว่าห้ามเสียงดัง เพราะป่านี้มีรังต่อ อาจจะโดนต่อต่อยได้หากส่งเสียงดัง
ปล. แต่น้องในกลุ่มถ่ายภาพไว้
พอพ้นจุดหวาดเสียวไปได้ พวกเราก็พบกับวิวแบบนี้ ฟินๆ เมฆหมอกลอยเหนือเขา ตัดกับวิวต้นสนและท้องฟ้าสีทองเบื้องหน้า สวยมากกกกก
มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เป็นเวลา 16.30 น.แล้ว โหหหห นี่เราเดินกันมาร่วม 6 ชม.แล้วจ้า ยังไม่ถึงยอดเลยจ้าแม่
ต้องเร่งฝีเท้ากันแล้วล่ะ ก่อนที่ฟ้าจะมืดเสียก่อน เราเดินไต่ขึ้นเรื่อยๆด้วยความอิดโรยอีก 20 นาทีถัดมา
และแล้วเราก็ถึงที่พัก ประมาณ 17.00 น. ความรู้สึกตอนนั้นคือ โล่ง หายเหนื่อย ถึงซะทีว้อยยย
พอขึ้นมาถึงด้านบนจะเป็นลานกว้างๆ มีโรงนอนไม้ ห้องน้ำ ห้องครัว และป้ายหลักกิโลเมตรขนาดใหญ่ เขียนว่า "ดอยจง 1,379 ม."
มีจุดสังเกตุการณ์ใช้พักวางของ มีโต๊ะและเก้าอี้ยาวตั้งอยู่ เรารีบปรี่ไปวางเป้เดินป่าก่อนอันดับแรก แล้วนั่งพักให้พอหายเหนื่อยจึงเปลี่ยนชุดลำลอง บางส่วนทยอยกันไปอาบน้ำ (ห้องอาบน้ำน้ำ1 ห้องส้วม 1) อีกส่วนเตรียมทำอาหารเย็นอย่างตั้งใจ ในครัวมีอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่บางส่วนสามารถใช้ได้ค่ะ
ช่วยกันทำอาหารสุดฝีมือ ส่วนเรากับน้องๆขอแวบไปดูพระอาทิตย์ตกบริเวณจุดชมวิว หลังหลักกิโลเมตรค่ะ อิอิ
เรามายืนบนจุดที่สูงจนเห็นยอดเขายอดดอยหลายๆยอดแบบสุดลูกหูลูกตาและ ยังเห็นหมอกลอยเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ลมเย็นพัดผ่านตัวเราไป ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน การถ่ายย้อนแสงเป็นอะไรที่ง่ายสุด ณ ตอนนั้น
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นวิวเมืองลำปาง
และแล้วก็ถึงเวลากินข้าวเย็น อาหารจากเชฟก็พร้อมเสิร์ฟ ดูดีน่ากินสุดๆเลยล่ะ คุณผู้ชายเค้าเป็นคนทำ *o* ส่วนคุณผู้หญิงก็ถ่ายรูปวิวกันไงคะ 555555
บอกเลยว่าถ้าคุณมากับผู้ชายกลุ่มนี้ คุณจะไม่อดตาย 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻
นั่งกินข้าวใต้แสงไฟ(ฉาย) โรแมนติกสุด 5555555 พอกินข้าวเย็นเสร็จพวกเราก็ช่วยกันเก็บจานชามนำไปล้าง ที่นั่นจะมีแท้งค์ลูกบาศกเก็บน้ำไว้ใช้
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็มากางเต๊นท์ แล้วทำไมตอนที่ยังไม่มืดไม่กางฟระ 5555555 แต่ก็สนุกและท้าทายไปอีกแบบ (เราไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ)
ค่ำคืนนี้หนาวเย็นอุณหภูมิลดลงเหลือ 10 กว่าองศา เริ่มมีหมอกจางๆปกคลุมวิวเมืองลำปาง คืนนี้คงต้องนอนพักผ่อนก่อนนะ ฝันดีค่ะทุกคน 😴😴😴😴😴
[CR] สุดท้ายพวกเราก็เลือก “ดอยจง” 🌿 - อุทยานแห่งชาติดอยจง อ.สบปราบ จ.ลำปาง
จุดเริ่มต้นคือ เราและเพื่อนๆของเรา อยากไปเดินป่าที่ภูสอยดาวค่ะ ตกลงวางแผนอย่างดิบดี แต่แล้วหลังจากที่เราจอง QueQ ไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นก็คือ พายุโนอึลเข้า🌪🌪 ทำให้ภูสอยดาวประกาศปิดอย่างไม่มีกำหนด 😭 พวกเราเลยต้องเปลี่ยนสถานที่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ลองโทรถามหลายๆที่นกทุกที่เลยค่ะ เหตุผลคือ ยังไม่ได้สำรวจป่า ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวค่ะ ลืมบอกว่าช่วงที่เราไปคือ ต้นเดือนตุลาคม 63 แล้วเราไปกันเป็นหมู่คณะ 20 คน และคนในกลุ่มส่วนใหญ่ยังไม่เคยเดินป่า การเลือกสถานที่จึงค่อนข้างยากนิดนึง ความนกทำให้พวกเราหมดหนทางว่าจะไปไหนดี สุดท้ายพี่ในกลุ่มเสนอ"ดอยจง" ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแหะ มีคนเสนอเราต้องสนอง โทรถามเลยจ้าาาา สรุปดอยนี้ไม่นก ปิดโหวตกันที่ "ดอยจง" อ.สบปราบ จ.ลำปาง ค่าาาาาา
เย้ๆๆๆๆๆ 🥳🥳🥳🥳🥳
พอได้ชื่อป่ามาเราก็เสิชหารีวิวอ่านก่อนเลยค่ะ อ่านเจอว่าเดิน 8 km. คิดในใจว่าเพื่อนๆจะเดินไหวมั้ยเนี่ยยยยยย เดินไกลพอสมควร มือใหม่ครึ่งต่อครึ่งเลย แต่ในเมื่อพวกเราเลือกกันแล้วต้องไหวดิว๊า 5555555555
พวกเราเริ่มออกเดินทางจาก กทม.ด้วยรถตู้ เวลา 23.00 น. และถึงตลาดเช้าใน จ.ลำปาง เวลาประมาณ 7.00 น. เพื่อซื้ออาหารเช้าและกลางวัน สำหรับเตรียมขึ้นดอย เราซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดหม้อไปกินเพราะว่าสะดวกดี ซื้อของเสร็จพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ อ. สบปราบ ไปอุทยานแห่งชาติดอยจง
และแล้วก็มาถึงอุทยานแห่งชาติดอยจง🥳
พวกเราขนสัมภาระมาวางที่จุดรับรอง เพื่อจัดกระเป๋าเดินทาง ทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนชุดก่อนจะขึ้นดอยเน้นย้ำว่า...ทางอุทยานไม่ให้เอาลังโฟมพลาสติกขึ้น ในตอนแรกกลุ่มเราเอาโฟมใส่ของสดแช่งน้ำแข็งแห้ง แล้วจึงเปลี่ยนถ่ายใส่กระเป๋าในตอนหลัง นอกจากนี้เอาแต่ของจำเป็นไป ไม่ต้องเอาขึ้นไปเยอะ เดี๋ยวจะไปเป็นท้อกลางป่า 5555555 ทริปนี้พวกเราเน้นแบกเอง จ้างพี่ลูกหาบ 3 คนเท่านั้น และต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วยนะเออ
เตรียมตัวเสร็จแล้วพร้อมลุย สำคัญมากๆ ถ่ายรูปเช็คอินหน้าป้ายแปป กรุ๊ปใหญ่มากแม่~~เห็นละตกใจ นึกว่ามาทอดกฐิน 📸
เก็บภาพรัวๆเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางโลด โดยจะนั่ง 4WD เข้าไปในช่วง 1 km แรก พวกเราทยอยแบ่งกันขึ้นรถทั้งหมด 3 รอบ ทางค่อนข้างขรุขระเลยจ้า หาที่จับไว้ให้ดีๆน้า
ลงรถ 4WD ถึงจุดเริ่มเดินยุงเยอะมาก อย่าลืมพกยากันยุงมาด้วยเด้ออออ ได้ใช้แน่นอนจ้า
ก่อนเริ่มเดิน พี่เจ้าหน้าบอกถ่ายรูปให้พี่หน่อย อย่างเท่!!
มาครบกันทุกคนแล้วเราเริ่มเดินกันเลยดีกว่า เวลาสตาร์ทคือ 10.30 น. มัวแต่ถ่ายรูปกันอยู่สายเลยจ้า 55555
ฝนเริ่มตกปรอยๆไม่มาก อากาศวันนี้คือ ครึ้มฝนมากเลยจ้า ไม่มีแดด 🌧
ในช่วงแรกพวกเราเดินผ่านธารน้ำเล็กๆ มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ยุงก็มากเช่นกัน
เริ่มเดินกันไปสักพัก ร่างกายไม่เคยโกหก วินาทีนั้นคือ หยิบยาดมออกมาดมไปตามๆกัน โฆษณาต้องเข้าละนะ 55555555555
น้องๆสู้มาก ปากบอกไหวแต่น้ามตาไหลถึงทีนนน ปรบมืออออออ
เดินไปได้ประมาณ 2-3 km พวกเราก็แวะพักกินข้าวกลางวัน เนื่องจากท้องร้องจ๊อกๆ เป็นสัญญาณว่าต้องรีบหยิบข้าวเหนียวไก่ทอดขึ้นมากินแล้วแหละ
>< ก่อนจะกินข้าวขอดมยาดมอีกสักฟืดดดด~ อ่า ชื่นจายยยยยยย~
กินข้าวกลางวันเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าเดินต่อไป ระหว่างนั้นมีฝนตกปรอยๆ หลังจากนั้นก็เกิดหมอกฟุ้งกระจาย เหมือนใส่ฟิลเตอร์ 🌫🌫🌫
ทางเดินก็เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งทำให้นึกถึงเขาหลวงสุโขทัยเลย เนื่องจากที่นี่ระยะทางชันสั้นๆต่อเนื่อง ทำให้เหนื่อยมากไม่แพ้เขาหลวงสุโขทัยเลยค่า
ลักษณะทางเดินเป็นหินลอย ไม่ใช่ว่าหินลอยได้นะ แต่เป็นลักษณะหินที่โผล่ขึ้นมาจากดิน ต้องระวังเรื่องเท้าพลิกและลื่นล้มให้มากๆ สำคัญเลยคือการเลือกรองเท้ามาใช้เดินป่า ต้องมีดอกยางและเหมาะสมกับการเดินป่าน้า นอกจากนี้ไม้โพลหรือไม้ค้ำก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆสำหรับการเดินป่าที่ชัน รีวิวจากผู้ใช้งานจริง 5555555
นอกจากความเหนื่อยแล้ว ยังพอจะมีความสวยงามจากพืชนานาพรรณให้เราได้ชมระหว่างทาง เราไปเจอเห็ดต้นหนึ่ง ใหญ่เท่าจานข้าวเลยอ่ะ ว้าวมากกก อยากให้มาเห็นด้วยตัวเองจริงๆ
หลังจากที่เราเดินชันกันอย่างต่อเนื่อง และแล้วก็ถึงทางราบสักที นั่นหมายความว่าเราถึงสันเขาลูกใหม่ ที่ลักษณะป่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางราบที่ว่านั้นมีลักษณะเป็นดินแดง (ที่มันอยู่ในกรุงเทพอ่ะเหรอ? ไม่ใช่!! พ่ามพาม อย่าหาเล่น 5555) และเป็นป่าสนห่างๆ มาถึงจุดนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเรามาได้ครึ่งทางละนะ พวกเราถึงกับร้อง ห้ะ?! พึ่งถึงครึ่งทางเองหรอพี่ นั่นหมายความว่า เราเดินมาได้เพียง 4 km น้ามตาจิไหล...(เพลงพี่เบิร์ดลอยขึ้นมาเลย "ชั้นมาทำอะไรที่นี่?~)
เดินต่อมาอีกสักพักจะเจอวิวหมอกฟุ้งๆลอยบนเขาแบบนี้ สวยมากๆเลย ไม่พลาดที่จะเก็บภาพตรงจุดนี้และแวะพักไปในตัว
อ่ะ เดินต่อไปอีก บังเอิญเจอเเจ้าผีเสื้อตัวนี้ สีสวย และตัวใหญ่มาก เท่าฝ่ามือแหน่ะ
เดินต่อไม่รอละน้าาาา พบกับความลำบากอีกขั้น ดินแดงเป็นร่องๆ
ระหว่างทางฝนตก ชนิดที่ว่าเทลงมาเลยก็ว่าได้ เปียกจ่ะเปียก ซวยตรงที่เราลืม rain cover เลยต้องใส่เสื้อกันฝนแทน ความรู้สึกตอนนี้คือ สุดๆไปเลย ทั้งเหนื่อยล้า ปวดตามร่างกาย แฉะเพราะฝนตกอีกต่างหาก บางคนเริ่มมีอาการตะคริวถามหา แต่เราก็ยังสู้ต่อไป ฮึบๆ..
พ้นจากเขาลูกนี้ไป เดินขึ้นเขาลูกใหม่ต่อ คราวนี้ชันมาก เดินไต่ขึ้นเขาเรื่อยๆ เราไม่มีรูปเลยจ้า เพราะต้องใช้สมาธิในการเดินอย่างมาก ถ้ามัวแต่ถ่ายรูปน่าจะกลิ้งตกเขาก่อน ที่ว่าชันนี่คือ พี่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยขุดดินสำหรับเดินไต่ขึ้นเขาเลยแหละ ชันจริงจัง ชันจนหวาดเสียว ตามคอนเซปดอยจงที่แปลว่าชัน 5555555 อีกหนึ่งคำเตือนจากพี่เจ้าหน้าที่ บอกว่าห้ามเสียงดัง เพราะป่านี้มีรังต่อ อาจจะโดนต่อต่อยได้หากส่งเสียงดัง
ปล. แต่น้องในกลุ่มถ่ายภาพไว้
พอพ้นจุดหวาดเสียวไปได้ พวกเราก็พบกับวิวแบบนี้ ฟินๆ เมฆหมอกลอยเหนือเขา ตัดกับวิวต้นสนและท้องฟ้าสีทองเบื้องหน้า สวยมากกกกก
มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เป็นเวลา 16.30 น.แล้ว โหหหห นี่เราเดินกันมาร่วม 6 ชม.แล้วจ้า ยังไม่ถึงยอดเลยจ้าแม่
ต้องเร่งฝีเท้ากันแล้วล่ะ ก่อนที่ฟ้าจะมืดเสียก่อน เราเดินไต่ขึ้นเรื่อยๆด้วยความอิดโรยอีก 20 นาทีถัดมา
และแล้วเราก็ถึงที่พัก ประมาณ 17.00 น. ความรู้สึกตอนนั้นคือ โล่ง หายเหนื่อย ถึงซะทีว้อยยย
พอขึ้นมาถึงด้านบนจะเป็นลานกว้างๆ มีโรงนอนไม้ ห้องน้ำ ห้องครัว และป้ายหลักกิโลเมตรขนาดใหญ่ เขียนว่า "ดอยจง 1,379 ม."
มีจุดสังเกตุการณ์ใช้พักวางของ มีโต๊ะและเก้าอี้ยาวตั้งอยู่ เรารีบปรี่ไปวางเป้เดินป่าก่อนอันดับแรก แล้วนั่งพักให้พอหายเหนื่อยจึงเปลี่ยนชุดลำลอง บางส่วนทยอยกันไปอาบน้ำ (ห้องอาบน้ำน้ำ1 ห้องส้วม 1) อีกส่วนเตรียมทำอาหารเย็นอย่างตั้งใจ ในครัวมีอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่บางส่วนสามารถใช้ได้ค่ะ
ช่วยกันทำอาหารสุดฝีมือ ส่วนเรากับน้องๆขอแวบไปดูพระอาทิตย์ตกบริเวณจุดชมวิว หลังหลักกิโลเมตรค่ะ อิอิ
เรามายืนบนจุดที่สูงจนเห็นยอดเขายอดดอยหลายๆยอดแบบสุดลูกหูลูกตาและ ยังเห็นหมอกลอยเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ลมเย็นพัดผ่านตัวเราไป ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน การถ่ายย้อนแสงเป็นอะไรที่ง่ายสุด ณ ตอนนั้น
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นวิวเมืองลำปาง
และแล้วก็ถึงเวลากินข้าวเย็น อาหารจากเชฟก็พร้อมเสิร์ฟ ดูดีน่ากินสุดๆเลยล่ะ คุณผู้ชายเค้าเป็นคนทำ *o* ส่วนคุณผู้หญิงก็ถ่ายรูปวิวกันไงคะ 555555
บอกเลยว่าถ้าคุณมากับผู้ชายกลุ่มนี้ คุณจะไม่อดตาย 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻
นั่งกินข้าวใต้แสงไฟ(ฉาย) โรแมนติกสุด 5555555 พอกินข้าวเย็นเสร็จพวกเราก็ช่วยกันเก็บจานชามนำไปล้าง ที่นั่นจะมีแท้งค์ลูกบาศกเก็บน้ำไว้ใช้
เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็มากางเต๊นท์ แล้วทำไมตอนที่ยังไม่มืดไม่กางฟระ 5555555 แต่ก็สนุกและท้าทายไปอีกแบบ (เราไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ)
ค่ำคืนนี้หนาวเย็นอุณหภูมิลดลงเหลือ 10 กว่าองศา เริ่มมีหมอกจางๆปกคลุมวิวเมืองลำปาง คืนนี้คงต้องนอนพักผ่อนก่อนนะ ฝันดีค่ะทุกคน 😴😴😴😴😴
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้