เจอดีวันเข้าป่า

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ  เราจะมาเล่าประสบการณ์ เที่ยว ออฟโลดเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ในป่าชายแดนพม่า ขอไม่บอกจังหวัดนะคะ 

         เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เราและพี่ๆกลุ่มออฟโลดได้นัดกันว่าจะไปตะลุยป่ากัน ป่านั้นติดชายแดนพม่านะคะ ซึ่งสมัยนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้มงวดเพราะมีกลุ่มออฟโลดหลายๆกลุ่มเข้าไป ช่วงนั้นที่นัดเข้าป่า จะเป็นหน้าฝนนะคะเราและพี่ๆนัดกัน ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อจะรวมตัวกันไปจังหวัดเป้าหมายเวลานัดหมายของกลุ่มเราคือ 5 ทุ่มเพื่อออกเดินทาง  พอถึงเวลานัดหมายทุกคนมาถึงเราก็ออกเดินทาง ช่วง ตี1 เราก็นอนหลับไปจนถึง อำเภอหนึ่ง ซึ่งเป็นตลาดตอนนั้นเวลา ตี 4-5 เราก็จอดนอนและซื้อกับข้าวของสดใส่ตู้เพื่อไปทำกับข้าวกินกันในป่า เราแพลนจะเข้าป่าทั้งหมด 3 วัน พอเราและพี่ๆซื้อของใช้และอาหารเสร็จก็มานั่งรวมตัวกันว่าเราจะเข้าจุดไหนก่อน เราไปรถทั้งหมด 3 คันนะคะ คนก็จะประมาณ 12-13 คน พอคุยกันลงตัวเราได้ความเห็นว่าจะเข้าป่าฝั่งที่เป็นลำธาร และจะต้องขับรถต่อไปอีกเกือบ 60โล เราจะแวะกินข้าวก่อนเข้าป่า พอถึงเวลา 7โมงเราเริ่มออกจากตัวอำเภอ ซึ่งทางไปจากอำเภอจะมีทางเขา และทางที่เป็นหมูบ้าน เราก็ขับรถตามกันไปจนถึงลำธารทางเข้าป่า พี่เอ(นามสมมุด)ก็วอคุยกับ 2 คันที่เหลือว่าเข้าเลยไหม ซึ่งตอนนั้นก็ บ่ายโมงแล้ว ได้ความเห็นว่าเข้าเลยซึ่งถ้าเข้าตอนนี้จะไปถึงจุดที่เราจะพักจุดแรกก็5-6โมงเราก็โอเคตกลงกันได้ก็ขับเข้าป่าไปขับเข้าไปเรื่อยๆก็มีเสียงป่าเสียงนกเสียงจิ้งหรีดปกติ พอช่วง 4โมงเย็นหมอกเริ่มลง ทางก็เริ่มลึกขึ้นดินที่ฝนตกก็และและเป็นแอ่งน้ำลึกๆ พวกเราก็สนุกสนานกันช่วงโคลนกับแอ่งน้ำ พอช่วงเกือบ 6 โมงเรายังไม่ถึงจุดพัก ในป่าก็เริ่มมืด จังหวะที่เราผ่านต้นไม้ใหญ่ เราเห็นเกือนคนใส่ชุดทหารสีเขียวใส่หมวกแต่ไม่ใช่ชุดทหารไทยนะคะ หน้าดำเป็นเหมือนคนโดนไฟไหม้และมีชิ้นเนื้อห้อย ตอนแรกเราคิดว่า เราตาฝาดขยี้ตามองก็ยังยืนที่เดิม จังหวะที่เราขับเข้าไปใกล้ๆซึ่งเราต้องเลี้ยวขวา ตรงต้นไม้ใหญ่ จังหวะที่เราเลี้ยว เค้าหันมามองเราแบบมองอ่ะ แล้วก็หายไปเหลืออยู่แค่หมองจางๆ เราก็หยิบมีดหมอเราใรกระเป๋ามากำแน่นแล้วถามแฟนเราที่ไปด้วยว่าเห็นไหม แฟนเราและพี่เอ พี่บีและพี่ซีในรถเราจะมี 5คน ไม่มีใครเห็นอะไรเราเลยบอกว่าสงสัยหนูง่วงตาฝาด   เราก็ขับต่อเข้าไปอีก ครึ่งชั่วโมงถึงที่พักจุดแรก ก็ลงเตรียมข้าวของหุงข้าวทำอาหารและกางเต็นท์ เราได้หน้าที่หุงข้าว ซึ่งจะห่างจากรถและจุดกางเต็นท์ประมาณ 100 เมตร  แต่อยู่ระหว่างลำธาร เราก็นั่งหุงข้าวซึ่งตอนนั้นเราอยู่คนเดียว(ตอนนี้เราเก็บมีดหมอของเราแล้วนะคะ)เรานั่งหุงข้าวสักพักก็เริ่มแอะใจทำไมจู่ๆตรงเราหมองลงจัดมากและเริ่มเงียบไม่ได้ยินเสียงอะไร ก็นึกถึงเรื่องเล่าในป่าที่เคยได้ยินเราก็เริ่มกลัวมากๆแล้วจู่ๆหมอกก็คลุมจนเราไม่เห็นอะไรเลยเห็แค่ไฟที่หุงข้าว ทุกๆอย่างรอบตัวขาวไปหมดเราเริ่มได้ยินเสียงหัวเราะไม่รู้เราคิดไปเองไหมตอนนั้น แล้วจู่ๆด้านหน้าเราก็เป็นกลุ่มควันดำๆเหมือนตัวคนสูงๆลอยอยู่แต่เรากลัวมากๆเลยตะโกนเรียกแฟนเรียกอยู่นานมากๆซึ่งไม่มีใครยินเราเลย ตอนนั้นแบบไม่รู้ว่านานแค่ไหน  แต่เราหยุดมองควันดำๆนั้นไม่ได้เลย สักพักแฟนเราเดินมาหาเราควันนั้นหายไปหมอกเริ่มจางลง เราวิ่งไปหาแฟนและบอกว่าอย่าไปไหนนะ และให้เค้าเอามีดหมอของเรามาให้หลังจากนั้นแฟนเราถามว่ามองอะไรอยู่เรียกไม่หันเลย เราเลยบอกว่าหนูเรียกพี่ไม่ได้ยินเหรอ ซึ่งแฟนเราบอกว่าไม่นะเค้าเห็นเรานั่งเฉยๆมองไปทางในป่าข้างหน้า แล้วเริ่มมีหมอกตรงเรา เค้าเลยเดินมาหาเหมือนจะมาเตือนว่าข้าวเดือดแล้วเราเลยเงียบยังไม่ได้พูดอะไรต่อจนหุงข้าวทำกับข้าวเสร็จ ก็ไปอาบน้ำและเตรียมจะกินข้าว และมีการดื่มและเล่นกีต้าร้องเพลงตามปกติ เราก็นอนให้พวกพี่ๆกินร้องดื่มกันไป พอเราสะดุ้งตื่นมาได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเรา เราเลยหันมองรอบๆเต็นท์ยังไม่เห็นแฟนเข้ามาเลยเปิดออกไปดูเห็นพวกพี่ๆนอนกันตรงกองไฟหน้าเต็นท์เราคิดว่าแฟนคงเรียกคงจะบอกว่านอนข้างนอกนะ เราเลยปิดเต็นท์และนอนต่อ สักพักได้ยินเสียงเหมือนคนขยับตัวบนหัวนอนแต่เราคิดว่าเป็นพี่อีกเต็นท์ที่นอน จนหลับไปเช้า เราจะต้องไปจุดที่สอง แต่ตอนนั้นรถคันนึงในกลุ่มติดโคลนขึ้นไม่ได้และเครื่องมีควันขึ้น เลยไม่ได้ไปจุดที่2ต้องซ่อมรถ เราก็ทำอาหารกันร้องเพลงดื่มกันปกติสนุกสนานในการซ่อมรถและลากรถขึ้นจากโคลนผ่านไปจนวันจะกลับวันที่3ผ่านมา2คืนก้ได้ยินทุกคืนแต่เราไม่ได้คิดอะไร วันที่ 3 เราต้องออกจากป่า รถก็ขึ้นไม่ได้จนตอนนั้น 4โมงคุยกันว่าเราต้องออกละนะอยู่ต่อไม่ได้นะ แล้วจู่ๆฝนตกแรงาก เราก็เอารถขึ้นได้ขับได้แล้วก็เริ่มเก็บของขึ้นรถไปเริ่มขับรถออกจากป่า ป่าก็เริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ ฝนกก็ตกแต่ไม่ได้แรงมากแล้ว ขับรถไป จู่ๆรถคันข้างหน้าลื่นลงข้างทางแต่ไปติดต้นไม้ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรพี่ๆก็ลงไปช่วยกันดันเอารถขึ้นมันจะต้องตัดหญ้าข้างๆรถที่ลงไปก่อนพอตัดเสร็จทุกคนแบบคือตกใจปนโลงในเพราะตรงนั้นคือเหวเลยแหละแต่หญ้าสูงมากๆเลยทำให้มองไม่เห็น เราช่วยกันเอารถขึ้นมาบนทางเสร็จก็เดินทางต่อไปฝนก็หยุดแล้ว ในระหว่างตั้งแต่ออกจากจุดพักเราสวดมนคาถาคุ้มครองที่ย่าเราให้มาเป็นช่วงๆ จนถึงทางออกเราก็เริ่มโล่ง เราก็ขับมาที่บ้านพี่เอที่นครปฐนซึ่งหลังจากนั้นเราหลับตลอดทาง พอจบทริป เรามาถามแฟนเราทั้งหมดเล่าเรื่องให้ฟัง แฟนเราได้ยินแค่ว่าป่าเงียบ แปลกๆ แล้วก็เล่าเรื่องสมัยแฟนเป็นวัยรุ่นให้เราฟังว่ามันมีเหตุการณ์ในป่าแบบหนักกว่าที่เราเจอ จนเราแบบดีแล้วที่รอดออกจากป่า    เรื่องก็มีประมาณนี้  (อ่อเราลืมบอกว่าเราเป็นคนเห็นสิ่งต่างๆมาตั้งแต่เด็กไม่รู้ว่าทำไมถึงเห็นและเห็นได้ยังไง ไม่รู้เกี่ยวกับวันเกิดเราไหม ซึ่งเราเกิดวันอาฬารหะบูชา วันอังคาร 20.02 ก็อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับวันเกิดก็ได้ )  

ขอบคุณทุกคนที่อาจจะเข้ามาอ่านนะคะ *u*
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่